เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ - บทที่ 998 เจ้าหม่าเซอะซะผู้หมดสิ้นหนทาง
ทุกคนในแผนกต่างอิจฉาริษยาที่เหล่าหม่าได้ตีพิมพ์บท
ความในวารสาร ‘เดอะแลนซิต’!
เพราะยังไงซะ!
ฉันเองก็ทำได้นี่
บางทีอาจจะดีกว่าเหล่าหม่าด้วยซ้ำ
จางหย่วนและหยางฮุ่ยยืนกระซิบกระซาบอยู่อีกด้าน “จุ๊ๆ
ความคิดกำหนดเส้นทางชีวิตจริงๆ ความอ่อนหัดก็เป็นความสา
มารถอย่างหนึ่ง ฉันคิดว่าชาตินี้ฉันยังมีโอกาสตีพิมพ์ในวารสาร
‘เดอะแลนซิต’ อีกเยอะ!”
คุณบอกว่าการทำผิดพลาดดึงดูดความสนใจของวารสาร
‘เดอะแลนซิต’ ได้ งั้นนี่ก็เป็นพรสวรรค์ที่แท้จริงเหมือนกัน
เรื่องที่เหล่าหม่าแสดงตัวตนที่แท้จริงและได้รับการตีพิมพ์ใน
วารสาร ‘เดอะแลนซิต’ เองก็ดึงดูดความสนใจของทุกคนด้วยเช่นกัน
!”หมอเฉิน ฝีมือการผ่าตัดตับอ่อนของผมอ่อนหัดสุดๆ แบบนี้
จะได้ตีพิมพ์ในวารสาร ‘เดอะแลนซิต’ ไหมครับ”
“นั่นสิ ผมก็ไม่ค่อยถนัดเรื่องลำไส้เล็กส่วนต้น ผมเลยคิดว่าผม
น่าจะเขียนแบบการสอนเชิงลบแล้วตีพิมพ์บทความได้นะ…”
…
เห็นทุกคนในห้องต่างคุยกันเสียงดัง เออร์สเต็ดก็ดูงุนงง เขา
ถามด้วยความสงสัยว่า “หัวหน้าหม่า พวกเขากำลังพูดเรื่องอะไร
เหรอครับ”
หม่าเยว่ฮุยยักไหล่อย่างสบายๆ ถอนหายใจแล้วพูดขึ้น
“พวกเขาอยากจะเลียนแบบเส้นทางความสำ เร็จของผมน่ะ เฮ้อ
…คนเก่งๆ มักจะโดนลอกเลียนแบบอย่างนี้ละน้า บางทีผมคงจะ
ค่อยๆ ชินกับชีวิตแบบนี้ไปเอง!”
เฉินชางกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
เหล่าอวี๋บังเอิญเดินผ่านมา จึงได้ยินคำพูดไร้ยางอายของหม่า
เยว่ฮุยไปโดยปริยาย
เขาอดถลึงตาใส่ไม่ได้ “เวลาทำงาน มัวทำอะไรกันอยู่”ทุกคนต่างยิ้มแหยแล้วกลับไปทำงาน
คราวนี้เหล่าหม่าไม่ยอมแพ้ เขาลุกขึ้นยืนพลางทอดถอนใจ
กอดคอเหล่าอวี๋แน่น “เหล่าอวี๋ ผมทำตามความฝันในชาตินี้ของคุณ
สำ เร็จแล้วนะ!”
อวี๋หย่งกังขมวดคิ้ว “มีอะไรก็พูดมา ไม่ต้องมาแตะเนื้อต้องตัว
โตๆ กันแล้ว ไม่รู้จักกาละเทศะซะบ้าง!”
เหล่าหม่าไม่ลังเลที่จะหยิบใบตอบรับบนโต๊ะขึ้นมาแล้วพูดด้วย
รอยยิ้ม “ลองดูสิ นี่อะไร”
เหล่าอวี๋เห็นหนังสือตอบรับจากวารสาร ‘เดอะแลนซิต’ ก็ชะงัก
ทันที!
เขารีบคว้ามาอ่านอย่างรวดเร็ว!
ทันทีที่ได้อ่านก็ตะลึงงัน!
ดวงตาของเหล่าอวี๋เบิกกว้าง “คุณได้ตีพิมพ์งั้นเหรอ”
เหล่าหม่าพยักหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ “ธรรมด๊า!”
แน่นอนว่าเหล่าอวี๋ไม่เชื่อ!เขาหันไปมองเออร์สเต็ดและเฉินชางด้วยความลังเลชั่วขณะ
“พวกคุณอย่าไปให้ท้ายเขาแบบนี้สิ! นี่…นี่มันเป็นนักวิชาการต้มตุ๋น
เลยนะ!”
พูดจบ อวี๋หย่งกังก็จ้องหน้าหม่าเยว่ฮุย “วารสาร ‘เดอะแลน
ซิต’ เป็นสิ่งที่ดี แต่คุณต้องตีพิมพ์ด้วยฝีมือตัวเอง หม่าเยว่ฮุย การที่
คุณทำเสียโควตาแบบนี้ ผมคงยอมรับคุณไม่ได้หรอกนะ!”
ประโยคเดียวทำเอาเหล่าหม่าหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก!
ทำไมฉันถึงกลายเป็นนักวิชาการต้มตุ๋นล่ะ
เฉินชางเห็นอวี๋หย่งกังท่าทางจริงจังก็อดพูดขึ้นมาไม่ได้
“หัวหน้าอวี๋ ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะครับ บทความชิ้นนี้เป็นผลงาน
ของหัวหน้าทีมหม่าจริงๆ ครับ”
หม่าเยว่ฮุยพยักหน้าด้วยความน้อยใจ “อื้อๆ”
เหล่าอวี๋เมินหม่าเยว่ฮุย หันไปมองเฉินชาง “เขาอยู่ในระดับ
ไหนมีหรือผมจะไม่รู้ เขาก็แค่หมออันดับรองๆ เรื่องการผ่าตัด
ทางเดินน้ำดี แล้วจะเก่งขึ้นขนาดนี้ได้ยังไง”เฉินชางเองก็ได้แต่ยิ้มแหย พลางอธิบายช้าๆ โดยละเอียดว่า
เหล่าหม่าเป็นไก่รองบ่อนที่มีความสามารถพิเศษอย่างไร
หลังจากฟังจบ เหล่าอวี๋ก็เงียบไป!
เขามองหม่าเยว่ฮุยเงียบๆ
นี่มันอะไร
อ่อนขั้นเทพงั้นเหรอ?
ด้วยความสัตย์จริง จู่ๆ เขาก็อิจฉาชายผู้นี้ขึ้นมา
ทำไมถึงได้โชคดีขนาดนี้
หม่าเยว่ฮุยมองเหล่าอวี๋ “เหล่าอวี๋ อย่ามองผมแบบนั้น
อันที่จริง…ผมก็เพิ่งค้นพบพรสวรรค์ของตัวเอง จากนี้ไปถ้า
มีบทความอะไรอีก ผมจะไม่มีวันลืมคุณเลย!
เหล่าอวี๋วางใจเถอะ ต่อไปถ้าผมเขียนบทความอีกผมจะบอก
คุณ ให้เอาชื่อคุณใส่ด้วยก็ได้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก ยังไงผมก็เคย
ตีพิมพ์มาก่อน…”
เหล่าอวี๋ได้ยินเช่นนั้นก็เดินหนีไปด้วยความโมโห “หลบไปๆๆ!”แค่คิดถึงท่าทางกวนประสาทของหม่าเยว่ฮุย เขาก็กัดฟัน
กรอดด้วยความโมโห
แต่ว่า…ไม่มีอะไรที่เขาทำได้เลย
เฮ้อ…
เหล่าหม่ามองตามเหล่าอวี๋ไป แล้วพูดขึ้นด้วยท่าทางเด็ดเดี่ยว
“เฮ้อ คนเก่งต้องโดนอิจฉาแบบนี้แหละ!”
พูดจบ เหล่าหม่าก็ตบต้นขาฉาด หันไปมองเฉินชาง “ไม่สิ เสี่ยว
เฉิน ทำไมถึงไม่มีใครอิจฉาคุณเลยล่ะ”
“คุณบอกว่าคุณเป็นที่ปรึกษานี่ แต่ทำไมถึงไม่มีใครอิจฉาคุณ
เลยล่ะ ผมว่า…คงเป็นเพราะผมมีส่วนร่วมมากกว่าคุณเยอะ คุณบอ
กว่าผมเป็นคนค้นพบข้อผิดพลาดนี่…”
ทุกคนตะลึงงัน!
ต่างคนต่างมองเหล่าหม่า ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าม้าแก่ตัวนี้ช่าง
ไม่รู้ทางเอาเสียเลย ลืมหนทางของตนเองจนสิ้น…
ถ้าไม่ได้หมอเฉิน นายจะตีพิมพ์อะไรได้เฉินชางเองก็จ้องมองเหล่าหม่านิ่งๆ จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าเหล่าหม่า
ไม่ได้แค่จำ กัดเส้นทางของตนเอง แต่พาตัวเองมาถึงทางตันด้วยซ้ำ !
บางทีโชคชะตาอาจทำให้เขาเป็นเขาอย่างทุกวันนี้ก็ได้
…
เฉินชางนั่งดูตารางภารกิจของตนบนเก้าอี้
งานวิจัยสำ เร็จไปแล้วครึ่งทาง เหลืออีกประมาณสี่สิบกว่า
เปอร์เซ็นต์ถึงจะสำ เร็จภารกิจ ถึงตอนนั้นก็จะได้อุปกรณ์
ทางการแพทย์เจ๋งๆ มาแล้ว
กล่าวอีกนัยหนึ่ง แค่ลงบทความอีกสองบทความในวารสาร
‘เดอะแลนซิต’ ก็พอแล้ว
แถมยังมีภารกิจเปลี่ยนอาชีพที่ทำให้เฉินชางปวดหัวสุดๆ
โรคด้านศัลยกรรมทั่วไปห้าสิบโรค ตอนนี้ยังเหลืออีกสิบโรค
ภารกิจผ่าตัดสำ เร็จแล้ว ตอนนี้ยังเหลือภารกิจวินิจฉัยแผนก
ศัลยกรรมทั่วไปอีกสิบโรค คิดไปคิดมา เฉินชางก็รู้สึกว่าปีนี้ต้องไป
แผนกศัลยกรรมทั่วไปให้ได้
แต่ว่า…จะไปโรงพยาบาลไหนล่ะหลังจากสิ้นสุดงานประชุม เฉินชางได้มอบหมายภารกิจให้กับ
หัวหน้าเหล่านี้ แถมยังบอกว่าจะช่วยให้คำปรึกษาถึงที่อีกต่างหาก
แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลาแล้ว
ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
“หมอเฉิน ผมหลูเชา จากโรงพยาบาล 301 วันนี้คุณพอจะว่าง
ไหมครับ ช่วงนี้เรายุ่งอยู่กับการทำเทคนิคการส่องกล้องให้เสร็จสิ้น
แต่ตอนนี้มีปัญหาหนึ่งที่แก้ไม่ตก ต้องการให้คุณมาช่วยแนะนำที
ครับ!”
เฉินชางได้ฟังก็โป๊ะเช๊ะ ไม่ต้องเลือกแล้ว เอาโรงพยาบาล 301
นี่แหละ!
คิดมาถึงตรงนี้ เฉินชางรีบตอบกลับทันที “ได้ครับ หัวหน้าเฉิน
ชาง ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
หลังจากวางสาย เฉินชางก็ลุกขึ้นแจ้งกับหัวหน้าทีมหม่า
“หัวหน้าทีมหม่าครับ คือว่า…หัวหน้าหลูจากโรงพยาบาล 301
เชิญผมไปให้คำแนะนำด้านเทคนิคการใช้กล้องส่องน่ะครับ”หม่าเยว่ฮุยไม่แม้แต่เงยหน้าขึ้นมา “อืม ไปเถอะ ผมห้ามคุณ
ไม่ได้อยู่แล้ว”
เฉินชาง “…”
ทุกคนรอบข้างได้ยินเช่นนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจ
ตอนนี้เฉินชางกำลังทำหน้าที่เป็นหัวหน้าในขณะที่กำลังฝึกงาน
วันๆ หนึ่งถ้าไม่โดนวิทยาลัยการแพทย์เรียกไปร่วมวินิฉัย ก็
ต้องโดนโรงพยาบาล 301 เรียกตัวไปขอคำปรึกษา
ถ้าไม่รู้ความจริงคงคิดว่าเป็นเรื่องโม้!
ถึงอย่างนั้น ทุกคนก็ค่อยๆ ชินกับเรื่องนี้ สิ่งที่เขาพูดเป็น
ความจริง
ช่วยไม่ได้ ก็เก่งซะขนาดนี้
แม้แต่เหล่าหม่ายังเข้าใจ แม้ว่าเฉินชางจะเป็นลูกน้องใต้
บังคับบัญชาของตน แต่เขาบังคับเฉินชางได้เลย
ไม่ใช่แค่ควบคุมไม่ได้ แต่ยังต้องดูแลประคบประหงมอย่างดี
ถ้าเกิดเฉินชางอารมณ์ดี อาจจะเขียนบทความลงวารสาร
‘เดอะแลนซิต’ ให้เขาสักบทก็ได้เออร์สเต็ดเห็นเฉินชางเตรียมจะออกไปข้างนอกก็รีบถามขึ้น
“คุณจะไปไหนครับ หมอเฉิน”
จู่ๆ เฉินชางก็นึกขึ้นมาได้ จึงตอบกลับด้วยภาษาอังกฤษ
เออร์สเต็ดได้ยินดังนั้นก็ตาเป็นประกาย “ผมขอไปด้วยได้ไหม”
เฉินชางพยักหน้า “ได้สิครับ ไปกันเถอะ”
ยังไงซะ…การพาคนที่น่าจะเป็นผู้ทรงคุณวุฒิไปด้วยก็อุ่นใจ
มากกว่า
เออร์สเต็ดได้ยินแบบนั้นก็ดีใจขึ้นมาทันท