A Wizard’s Secret ความลับของพ่อมด - ตอนที่ 12
หลังจากเดินทางมาพักใหญ่ รถม้าได้ชะลอและหยุดลง มอสส์ดึงม่านกั้นออกและพูดด้วยเสียงเบา ๆ ว่า “คุณชายเมอร์ลิน ถึงที่หมายแล้วครับ”
เมอร์ลินพยักหน้าและลงจากรถม้า สายลมอันหนาวได้พัดผ่านใบหน้าของเขา ทำให้ใบหน้าของเขารู้หนาเหน็บขึ้นมา เขารีบเอามือทั้งสองข้างขึ้นมาปิดทันที ทันใดนั้นเอง เขาก็ตระหนักได้ว่ามอสส์ต้องทนทุกข์กับความหนาวเย็นอย่างนี้ตลอดเวลาในขณะที่ขี่ม้ามาส่งเขา
“เข้าไปรอในรถม้านะ ในระหว่างที่ฉันเข้าไปในร้าน”
มอสส์ได้พยักหน้าอย่างซาบซึ้ง เขาทรมานจากลมหนาวมานาน ดังนั้นเขาจึงไม่ลังเลที่จะเข้าไปในรถม้าทันที่ที่เขาได้รับอนุญาต
จากนั้นเมอร์ลินได้เดินเข้าไปที่ร้าน เขาก็ได้พบกับลินนี่ผู้ทรงสเน่ห์ที่ยืนเฝ้าเคาน์เตอร์อยู่ เธอได้เผยรอยยิ้มต้อนรับทันทีที่เห็นเมอร์ลินและเปิดทางลับให้อย่างสุภาพ
เมอร์ลินเข้าไปทางเดินลับทันที เขารู้สึกอุ่นขึ้นเนื่องจากไม่มีลมหนาวพัดเข้ามา
ในไม่ช้าเมอร์ลินก็มาถึงห้องโถงใต้ดิน ตอนนี้แทบจะไม่มีคนเลย บางทีอาจเป็นเพราะยังเช้าเกินไปหรือเพราะอากาศมันหนาวเกินไป
เขามองไปรอบ ๆ ก็ไม่พบนาธานเช่นกัน เขาเลยตัดสินใจเดินดูรอบ ๆ ด้วยตัวเอง
ในห้องโถงค่อนข้างสว่าง ทางร้านได้นำเทียนไขที่ทำจากไขมันของสิ่งมีชีวิตประหลาดจากท้องทะเล แม้ว่ามันจะเป็นของที่มีราคาสูงแต่กลิ่นของมันดีกว่าเทียนไขที่วางขายทั่วไปจึงเหมาะสถานที่ที่มีแต่ลูกค้าชั้นสูงอย่างที่นี่
พวกศิลปวัตถุต่างถูกวางไว้บนชั้นหินและถูกครอบด้วยผลึกแก้วที่มีราคาแพง
หลังจากที่เมอร์ลินเดินสำรวจอยู่พักใหญ่ เขาก็ไม่เจอศิลปวัตถุอันไหนที่ทำให้เขาเห็นภาพลวงตาแบบประติมากรรมนูนอันนั้นเลย
ในระหว่างที่เมอร์ลินมองดูศิลปวัตถุอยู่ จู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเบา ๆ อยู่ข้างหลังเขา
“คุณคาริซ?”
เมอร์ลินหันไปและพบว่าคนที่อยู่ข้างหลังเขาเป็นคนที่คุ้นเคย เธอหญิงสาวที่กัตต์เฝ้าคิดถึงอยู่ตลอดเวลา เธอสวมเสื้อขนมิงค์สีขาวและสวมกางเกงผ้าฝ้ายกระชับเข้ารูปกับขาที่เรียวยาว ดูเหมือนว่าหญิงสาวมักจะแต่งตัวให้ดูดีตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นโอกาสไหน ๆ
คาริซมองที่เมอร์ลินอย่างอึดอัด ดูเหมือนว่าเธอจะไม่รู้ว่าเมอร์ลินเป็นใคร
อย่างไรก็ตามเมอร์ลินก็ไม่สนใจ เขายิ้มอย่างนุ่มนวลและพูดว่า
“คุณคาริซ เราเพิ่งเจอกันเมื่อสองสามวันก่อน วันนั้นผมมากับแอนสันและกัตต์”
คิ้วของคาริซคลายขึ้นเบาๆ เธอพยักหน้าและพูดอย่างสุขุม “ฉันจำได้แล้ว คุณคือวิลสัน เมอร์ลินใช้ไหม?”
เมอร์ลินพยักหน้าก่อนที่จะก้าวไปข้างหน้าสองก้าวเข้าไปใกล้คาริซ
“คุณมิสคาริซ พอดีผมได้ยินมาจากแอนสันว่าคุณเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุโดยเฉพาะพวกศิลปวัตถุในสมัยจักรวรรดิมอลต้า ผมรู้สึกสนในใจในอย่างมากแต่ทว่าของที่คุณนาธานมีอยู่ตอนนี้มันไม่ค่อยตอบโจทย์ของผมมากเท่าไหร่ ผมต้องหาของที่หายากและแปลกประหลาด ดังนั้นคุณคาริซพอจะมีแหล่งศิลปวัตถุแนะนำได้ผมดูมั้ยครับ?”
เขารู้ว่าคาริซได้รวบรวมศิลปวัตถุมากมายบางทีหนึ่งในนั้นอาจเป็นของที่เขาตามหา
“ศิลปวัตถุที่หายากและแปลกประหลาด? บังเอิญจังเลย คุณชอบสิ่งเดียวกับคน ๆ หนึ่งที่ฉันรู้จัก เขาชอบสะสมโบราณวัตถุที่หายากและแปลกจากยุคของจักรวรรดิมอลต้า ถ้าคุณมีเวลาฉันจะพาคุณไปพบกับเขา บางทีคุณอาจพบของที่คุณต้องการ”
คาริซและเมอร์ลินยืนอยู่ใกล้กัน เขารู้สึกได้ถึงกลิ่นน้ำหอมที่สดชื่นจากเธอ มันให้เขารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
“ขอบคุณมาก คุณคาริซได้โปรดพาผมไปพบเขาด้วยครับ”
จากนั้นเมอร์ลินได้เดินมากคาริซออกไป คาริซได้เข้าไปที่รถม้าของเธออย่างรวดเร็วและขับออกไป
“มอสส์ตามรถม้าของมิสคาริสที่อยู่ข้างหน้าไป”
เมอร์ลินขึ้นเข้าในรถม้า จากนั้นมอสส์ก็ขับรถม้าออกไปตามหลังรถม้าของคาริซ
เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นมากและยังมีหิมะเบาบางพื้นผิวของถนนก็ถูกแช่แข็งเช่นกันทำให้มันเปียกและลื่น ทำให้รถม้าทั้งสองไปด้วยความเร็วที่ช้ามาก ผ่านไปครึ่งชั่วโมง พวกเขาก็ถึงจุดหมาย
คาริสและเมอร์ลินมาถึงบ้านไม้หลังเล็กๆ ที่มีสองชั้น มีสวนหน้าบ้านหลังเล็กๆที่มีดอกไม้และต้นไม้นานาชนิด อย่างไรก็ตามในปัจจุบันสวนอยู่ในสภาพน่าสงสาร ต้นไม้เล็กๆ ทั้งหมดได้ถูกฝังด้วยกองหิมะหนา สภาพของมันยากจะฟื้นคืน คงต้องปลูกพวกมันใหม่ทั้งหมดในฤดูใบไม้ผลิ
คาริซมองไปที่สวน เธอก็ได้แต่ส่ายหัวเบา ๆ “สวนของคุณอีธานพังอีกแล้ว เขาใช้เวลาดูแลสวนนี้เป็นเดือน ๆ แต่ตอนนี้มันได้พังไปแล้ว”
จากนั้นคาริซเดินนำเข้าไปและมาหยุดอยู่ตรงประตูไม้เก่า ๆ บานหนึ่ง
คาริสหันปพูดกับเมอร์ลินว่า “คุณอีธานชอบความเงียบสงบมาก ดังนั้นคุณต้องเงียบเข้าไว้หลังจากเราเข้าไป”
เมอร์ลินพยักหน้า ดูเหมือนว่าบุคคลที่คาริซพูดถึงจะอยู่ในห้องนี้
“คุณอีธานอยู่ที่นี่ไหม? ฉันคาริสเองค่ะ”
คาริสเคาะประตูแล้วกระซิบเข้าไปในห้อง
*เอี๊ยด…*
ประตูไม้เก่าเปิดออกแล้วชายชราอายุประมาณห้าสิบปีก็ปรากฏตัวขึ้น
ศีรษะของเขาล้านและมีผมน้อยมากแต่ชายชราก็หวีมันอย่างระมัดระวังมาไว้ที่ด้านหลังศีรษะของเขา เขาสวมเสื้อคลุมสีดำ เขามีรูปร่างผอม ผิวขาวและมีหนวดใต้จมูกของเขา เขาดูทรงปัญญามาก
ส่วนชายชราก็สังเกตเมอ์ลินเช่นเดียวกัน เขามองไปที่เมอร์ลินและคาริสอย่างไตร่ตรอง จากนั้นเขาพูดด้วยเสียงแหบห้าวว่า “คาริซเข้ามา”
ชายชราหันกลับเดินกลับเข้าไปในห้อง เมอร์ลินและคาริซติดตามเขา จากนั้นเมอร์ลินก็ค่อย ๆ ปิดประตู
เตาผิงในบ้านยังคงถูกเผาไหม้ด้วยเปลวไฟที่รุนแรง ชายชราเดินตรงไปที่เก้าอี้ไม้หน้าเตาผิงแล้วก็นั่งลงพร้อมกับพูดด้วยเสียงแหบห้าว “คาริซ บอกข้ามาสิว่าเจ้ามีธุระอะไรกับชายชราคนนี้”
คาริซเธอพาเมอร์ลินไปตรงหน้าชายชรา แสงจากเปลวไฟที่ลุกโชติช่วงในเตาผิงส่องบนใบหน้าของเขาเปลี่ยนผิวชอล์กสีขาวของเขาให้เป็นสีดอกกุหลาบ
ชายชราไม่ได้เงยขึ้นมามองพวกเขา เขากำลังเปิดหนังสือขึ้นมาอ่านอย่างระมัดระวัง
“ฉันมาที่นี่เพื่อแนะนำเพื่อนให้รู้จักกับคุณ”
คาริสมองเมอร์ลินและส่งสัญญาณให้เขาแนะนำตัวเอง
เมอร์ลินพยักหน้าและพูดในขณะที่เขาก้าวไปข้างหน้าเล็กน้อยด้วยความเคารพ “ผมชื่อ เมอร์ลิน วิลสัน ผมชื่นชอบพวกของเก่าโดยเฉพาะของที่อยู่ในช่วงยุคสมัยของจักรวรรดิมอลต้า พอดีผมได้รู้ว่าจากคุณคาริซว่า คุณอีธานมีพวกศิลปวัตถุจากจักรวรรดิมอลต้ามากมาย นี่จึงเหตุผลที่ต้องขอรบกวนคุณอีธานในวันนี้”
ชายชราได้หยิบไม้เพิ่มเข้าไปในเตาผิง เสียงแตกที่เปล่งออกมาจากการเผาไหม้ไม้ในเตาผิงสามารถได้ยินได้ชัดเจน หลังจากนั้นไม่นานก่อนที่ชายชราจะค่อยๆวางหนังสือลงในมือและยืนขึ้น เขาพูดอย่างเย็นชา “ตามข้ามาสิ”
“ทำไมคุณอีธานถึงดูแปลก ๆ จัง”
เมอร์ลินรู้สึกว่าชายชราอีธานคนนี้ค่อนข้างแปลกและคาดเดาไม่ได้
“ชู่วว อย่าเสียงดังสิ แม้ว่าบุคลิกของคุณอีธานจะเป็นไปบ้างแต่เขาก็เป็นคนดีนะ รีบ ๆ ตามคุณอีธานไปเร็วเข้า”
เห็นได้ชัดว่าคาริซรู้จักชายชราอีธานเป็นอย่างดี จากนั้นเมอร์ลินกับคาริซได้ตามอีธานไปที่ห้องหนึ่ง
ห้องนี้มีขนาดเล็กและยิ่งเข้ามาพร้อมกันสามคนก็ทำให้ยิ่งเล็กไปอีก ในห้องนี้มีชั้นหนังสือสีแดงขนาดใหญ่อันปราญีตสองชั้นแต่ชั้นหนังสือกลับไม่มีหนังสือ ข้างในมีแต่ศิลปวัตถุจัดเรียงอย่างสวยงามแห่งที่จัดเรียงอย่างสวยงาม
พวกศิลปวัตถุที่อยู่บนชั้นมีบางชิ้นที่บุบสลายและก็มีบางชิ้นที่อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ เมอร์ลินรู้สึกว่ศิลปวัตถุพวกนี้ดูพิเศษและโดดเด่นกว่าอันที่วางขายในร้านของนาธานมาก มีบางอันก็เป็นของที่เขาไม่เคยเจอมาก่อน
เมอร์ลินเหยียดมือออกไป เขาอยากจะสัมผัสศิลปวัตถุเหล่านี้แต่ชายชราอีธานซึ่งอยู่ข้างๆ ได้กล่าวออกมาอย่างดุเดือด “ดูแต่ตา มืออย่าต้อง!!”
เมอร์ลินได้ถอนมือไปอย่างละลายใจ จากนั้นเขาได้มองศิลปวัตถุที่อยู่บนชั้นกว่าร้อยอันที่จัดเรียงอยู่บนชั้นหนังสือ เขาไม่มองพวกมันอย่างละเอียดแต่พวกมันก็ไม่มีอันเหมือนกับประติมากรรมนูนอันนั้นเลย มันทำให้เขารู้สึกผิดหวังไม่ได้
“พวกศิลปวัตถุมีแค่นี้หรือครับ?”
ชายชราอีธานดูเหมือนจะไม่พอใจกับน้ำเสียงของเมอร์ลินและพูดด้วยน้ำเสียงเข้มว่า “ข้าได้รวบรวมพวกมันมานานหลายปี มันไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ หรอกนะ”
เมื่อเห็นว่าชายชราอีธานไม่พอใจ คาริสจึงรีบอธิบายว่า “คุณอีธานอย่าเพิ่งโกรธเลยนะคะพอดีว่าเมอร์ลินสนใจแต่ศิลปวัตถุของจักรวรรดิมอลต้าเท่านั้น นอกจากนี้เขาเพิ่งเข้ามาวงในการเมื่อไม่นามานี้เองดังนั้นจึงไม่ค่อยรู้เรื่องมากนัก”
คาริซได้กระซิบที่หูของเมอร์ลินและดุเขาว่า “อย่าพูดอะไรพร่อยๆ อย่างนั้นออกมา ดูสิคุณอีธานอารมณ์เสียแล้ว”
เมอร์ลินพยักหน้า ชายชราอีธานมีอารมณ์แปลกๆ จริงๆ ดังนั้นเขาพูดให้น้อยลงจะดีหว่าเพื่อที่ไม่ทำให้เขาโมโห
ถึงแม้ว่าศิลปวัตถุที่ชายชราอีธานมีนั้นจะเยอะมากแต่เมอร์ลินก็ไม่พบสิ่งที่เขามองหาดังนั้นเขาจึงอดไม่ได้ที่จะเผยความผิดหวังออกมาบนสีหน้าของเขา ส่ายหัวเล็กน้อยเขาพูดกับคาริซ “ออกไปก่อนเถอะ”
หลังจากเมอร์ลินและคาริสออกจากห้องไปแล้ว ชายชราอีธานจ้องมองแผ่นหลังของเมอร์ลินด้วยสายตาแปลก ๆ
หลังจากพวกเขาออกจากบ้านไปคาริซถามด้วยเสียงเบาๆว่า “เป็นไงบ้างเมอร์ลิน มีสิ่งที่คุณชอบบ้างไหม?”
เมอร์ลินส่ายหัวเบา ๆ คาริซก็ได้พยักหน้าอย่างเข้าใจ เมื่อพวกเธอไม่มีธุระอะไรที่นี้แล้ว เธอจึงหันไปพูดกับชายชราอีธานว่า “ต้องขอโทษคุณอีธานด้วยนะคะที่พวกเรามารบกวนคุณในวันนี้ ไว้มีโอกาสหน้าพวกเราจะมาที่นี่อีก ดังนั้นพวกเราขอตัวก่อนนะคะ”
ทันใดนั้นชายชราอีธานก็ถามว่า “เจ้าชื่อเมอร์ลินใช้ไหม”
“ครับ คุณอีธาน มีอะไรรึเปล่าครับ”
เมอร์ลินมองไปที่ชายชราอีธานอย่างสงสัย
“เธอยินดีที่จะเรียนรู้การประเมินศิลปวัตถุจากฉันหรือไม่”
นั่นทำให้เมอร์ลินงุนงงทันที ‘เกิดอะไรขึ้นทำไมเขาถึงมาอยากได้เป็นศิษย์ล่ะ ฉันไปทำอะไรให้ถูกใจเขาตอนไหนกัน’
แม้ว่าเมอร์ลินต้องการที่จะเรียนรู้วิธีการประเมินศิลปวัตถุ มันจะช่วยให้เขาเข้าใจที่มาที่ไปของประติมากรรมนูนมากขึ้นแต่ก็รู้สึกลังเลหน่อย ๆ ที่จะเรียนรู้กับชายชราแปลก ๆ คนนี้
ส่วนคาริซก็ความประหลาดไม่แพ้เมอร์ลินเช่นกัน เธอรีบกระซิบบอกเมอร์ลินว่า “รีบ ๆ ตกลงเร็วเข้า คุณอีธามีความสามารถประเมินศิลปวัตถุที่เกี่ยวกับจักรวรรดิมอลต้าได้แม่นยำที่สุดในเมืองแบล็กวอเตอร์แล้ว คุณโชคดีมากที่เขาต้องการคุณเป็นลูกศิษย์ คนอื่นไม่ได้รับโอกาสแบบนี้แม้ว่าพวกเขาจะอ้อนวอนแค่ไหนก็ตาม”
เมอร์ลินประหลาดใจ ชายชราที่อาศัยอยู่ในบ้านไม้โทรม ๆ และมีนิสัยแปลกๆ จะเป็นคนที่มีมีทักษะที่สุดยอดเช่นนี้
“ทำไม? เธอไม่เต็มใจเหรอ?”
สีหน้าของอีธานได้มืดลง ดูเหมือนความโกรธของเขาจะค่อย ๆ ทวีความรุนแรงขึ้นขึ้น