A Wizard’s Secret ความลับของพ่อมด - ตอนที่ 161
บทที่ 161 ครอบครัวแสนอบอุ่น
อัศวินหนุ่มชื่อยาเกซ เขาได้ติดตามเลห์แมนจากเมืองแบล็กวอเตอร์มายังอาณาจักรแบล็กมูน
ย้อนกลับไปเมื่อตอนนั้นยาเกซเป็นพียงแค่อัศวินธรรมดา เขาไม่ได้เป็นอัศวินเกราะเหล็กและเขาไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นนักดาบธาตุ
อย่างไรก็ตามหนึ่งปีผ่านไป เมอร์ลินกลับมาพบกับยาเกซอีกครั้ง เขาสังเกตเห็นว่ายาเกซเติบใหญ่ขึ้นเป็นชายกล้ามใหญ่อย่างน่าอัศจรรย์ พลังกายของเขามาถึงจุดสูงสุดของนักดาบธาตุระดับหนึ่งแล้ว
เมอร์ลินเข้าใจว่าสาเหตุที่ทําให้ยาเกซเปลี่ยนแปลงไปเช่นนี้อาจเป็นเพราะพ่อของเขาคงจะสอบกระบวนท่าลึกลับให้กับยาเกซจึงทําให้เขามีพลังกายที่แข็งแกร่งแบบนี้
ทางด้านยาเกซ เขาก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน เมื่อมองไปที่ใบหน้าของเมอร์ลิน เขาอุทานด้วยน้ําเสียงอันสั่นเครือ “ท่านบารอน? นั่นท่านจริง ๆ หรือขอรับ?”
เมอร์ลินพยักหน้า “ใช่ ฉันกลับมาแล้ว เข้าไปข้างในกันเถอะ”
จากนั้นเมอร์ลินก็พายาเกซเข้าไปในปราสาทด้วยกัน
ซีเลียกับโคซิออนถูกสาวใช้พามาที่ห้องโถง เมื่อเมอร์ลินมาถึงยาเกซได้เข้าไปอธิบายให้สาวใช้ฟัง
สาวใช้เหล่านี้เข้ามาทํางานในปราสาทภายหลังจากที่เมอร์ลินจาก เมื่อได้ทราบว่าชายหนุ่มตรงหน้าเป็นเจ้านายที่แท้จริงของเธอ พวกเธอจึงวางซีเลียและโคซิออนอย่างรวดเร็วและโค้งคํานับให้เมอร์ลินด้วยความเคารพ
“ยินดีต้อนรับกลับเจ้าค่ะ ต้องขออภัยด้วยที่พวกเราเสียมารยาทกับท่าน”
เมอร์ลินไม่ใส่ใจในเรื่องนั้น เขาจ้องมองไปที่ซีเลียกับโคซิออน ลูกน้อยของเขาไม่กลัวคนแปลกหน้า พวกเขามองเมอร์ลินด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เขาก้มลงไปและเข้าไปกอดลูกน้อยของเขา ทั้งคู่ดูเงียบและไม่ดิ้นออกมาอ้อมแขนของเขา พวกเขาดูสงสัยเกี่ยวกับเสื้อคลุมยาวสีดําของเมอร์ลินมากกว่า พวกเขาดึงเสื้อคลุมเล่น
เมอร์ลินรู้สึกอบอุ่นหัวใจนี่เป็นความของเป็นพ่อ มันไม่รู้จะหาคําอธิบายความรู้สึกนี้อย่างไร
“เมอร์ลิน!”
“เมอร์ลิน! คุณกลับมาแล้ว”
ทันใดนั้นเอง เสียงอันคุ้นเคยได้ดังขึ้น เมอร์ลินเงยหน้ามองหญิงสาวแสนสวนทั้งสองคนวิ่งลงมาจากชั้นสอง พวกเธอเป็นภรรยาของเขา เชอรีสและแอวริล
เชอรีสยังคงสวยเหมือนเดิม ในขณะที่แอวริลดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย ผ่านไปหนึ่งปี เธอกลายเป็นหญิงสาวเต็มตัว ใบหน้าของเธอมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น มีเสน่ห์ที่น่าดึงดูดยิ่งกว่าเหมือนก่อน
เมอร์ลินปล่อยซีเลียและโคซิออนและหันไปยิ้มให้ภรรยาของเขา
“ใช่ ฉันกลับมาแล้ว”
เชอรีสและแอวริลเต็มไปด้วยความประหลาดใจ พวกเธอเข้ามาหาเมอร์ลินอย่างรวดเร็วและอุ้มลูกน้อยไว้ในอ้อมแขนตามลําดับ
แอวริลยังคงขี้อายเหมือนเมื่อก่อน แม้ว่าเธอจะมีคําถามมากมายแต่เธอก็ไม่ได้ถามเขาโดยตรง
ส่วนเชอรีสที่มีความตรงไปตรงมามากกว่า เธอได้ถามเมอร์ลินไปว่า
“เมอร์ลิน เราได้รัจดหมายจากคุณซึ่งในนั้นมันเขียนว่าคุณจะกลับในสองหรือสามปีหลังจากนี้”
เมอร์ลินส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “มีเรื่องนิดหน่อยในดินแดนมนต์ดํา ดังนั้นฉันจึงกลับมาเร็วกว่าที่คาดไว้แต่ฉันไม่รู้ว่าจะกลับไปที่นั่นได้เมื่อไหร่เหมือนกัน”
หลังจากนั้นเมอริ้ลนก็ถามเรื่องของซีเลียและโคซิออน เมื่อพูดถึงเรื่องเด็ก ๆ แอวริลที่ขี้อายก็มีเรื่องราวที่เล่าไม่รู้จบซึ่งเธอไม่สามารถหยุดการสนทนาได้
เมอร์ลินนั่งฟังอย่างตั้งใจ ในขณะที่มองดูซีเลียและโคซิออน ความอบอุ่นเช่นนี้มันทําให้เขารู้สึกอบอุ่นหัวใจด้วยสถานที่แห่งนี้มันทําให้เขารู้สึกผ่อนคลายได้อย่างสมบูรณ์
หลังจากที่พวกเขาเริ่มพูดคุยไปได้สักพัก พวกสาวใช้ได้ทยอยออกไปอย่างเงียบ ๆ เมอร์ลินจึงถามถึงเลห์แมน
“จริงสิ ท่านพ่ออยู่ไหน เขายังอยู่ในดินแดนหรือเปล่า”
เชอรีสพยักหน้า “ใช่แล้ว ท่านพ่ออยู่ในดินแดนมาโดยตลอดเพื่อดูแลเมืองคอนซิออนแต่เนื่องจากความตึงเครียดระหว่างเมืองปรากาซกับเมืองเลบิส ทําให้การจัดเก็บภาษีลดลงไปอย่างน้อยเกือบครึ่งหนึ่งในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมานี้”
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้เชอรีสก็รู้สึกทําอะไรไม่ถูกและยิ่งไปกว่านั้นเลห์แมนก็อยู่แต่ในเมืองคอนซิออนตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้ทําให้เธอกับพ่อบ้านเฒ่าต้องดูแลจัดการทุกอย่างในปราสาทวิลสัน
ด้วยประสบการณ์ที่มากกว่าของเชอรีส ทําให้พ่อบ้านเฒ่าไม่ค่อยใส่ใจมากนักและเชอรีสจัดการสิ่งต่าง ๆ โดยไม่มีอะไรผิดพลาด ทุกอย่างจัดการเรียบร้อยภายใต้การดูแลของเธอ
ดังนั้นเมื่อพูดดถึงรายได้จากภาษีในดินแดนที่อยู่นอกการควบคุมของเธอ มันจึงทําให้เธอขมวดคิ้วออกมา
“เมืองเลบิสงั้นหรือ?” เมอร์ลินนึกถึงพวกนักดาบธาตุที่ดําตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ในระหว่างเดินทางกัลป์มายังเมืองปรากาซ พวกเขาเหล่านั้นต้องมาจากเมืองเลบิส
“มันเกิดอะไรขึ้น”
เมอร์ลินไม่ทราบอะไรเกี่ยวกับเมืองเลบิสมากนัก เขารู้เพียงแค่ว่ามันเป็นเมืองที่มีพรมแดนติดกับเมืองปรากาซ แล้วก่อนออกจากเมืองปรากาซ ความสัมพันธ์ของทั้งสองเมืองก็ดูปกติดี
เชอรีสส่ายหัว “เรื่องนี้เราก็ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด บางทีมีเพียงเคานต์เซลินเท่านั้นที่ทราบเรื่องนี้ สถานการณ์ตึงเครียดมันเพิ่งเกิดขึ้นในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมาแล้วท่านเคานต์ยังได้ทําการรวบรวมนักเวทย์อีกครั้ง ดูเหมือนว่าพวกเขากําลังทําสงคราม”
แอวริลเหลือบมองเมอร์ลินและพูดด้วยน้ําเสียงแผ่วเบา “นับตั้งแต่ที่คุณจากไปท่านเคานต์ได้คัดเลือกนักเวทย์มาสองคน โดยเฉพาะพ่อมดแบร์ส…”
ก่อนที่เธอจะพูดจบ เชอรีสได้พูดขัดเธออย่างรวดเร็ว “แอวริล!”
เมอร์ลินขมวดคิ้วและมีประกายแสงในแววตาของเขา จากนั้นเขาโบกมือ “ไม่เป็นไร แอวริล พูดต่อเลย”
แอวริลไม่กล้าพูดอะไร เธอเหลือบมองเชอรีสอย่างระมัดระวัง เมื่อเห็นปฏิกิริยาของแอวริลทําให้เขารู้ว่าตอนนี้เชอรีสกลายเป็นเจ้าของที่แท้จริงของปราสาทวิลสันไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม เมอริ้ลนไม่ค่อยพอใจในเรื่องนี้เท่าไหร่ การมีภรรยาที่มีความสามารถเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมแต่ก็ไม่ควรล้ําเส้นมากเกินไป
“ในเมื่อแอวริลไม่กล้าพูด งั้นเชอรีส คุณบอกผมมาที่สิว่าเกิดอะไรขึ้น!”
เชอรีสทําอะไรไม่ถูกแต่เมื่อเธอเห็นสีหน้าที่จริงจังของเมอร์ลินทําให้เธอตัดสินบอกเขา “…คือ เมื่อสามเดือนก่อน พ่อมดแบร์สได้รับการคัดเลือกจากเคานต์เซลิน เขาได้ยินมาว่าคุณสามารถปราบเมอแรงค์แห่งหอคอยอเวจีได้และได้รับแหวนของเขามา
นั่นทําให้เป็นสาเหตุที่เขาพยายามทุกวิถีทางที่จะเข้ามาในปราสาทวิลสันแต่เราปฏิเสธเขา เขาต้องการเขามาในปราสาทโดยหวังว่าคุณต้องทิ้งอะไรบางอย่างไว้ที่ปราสาท เขาจึงต้องการมาหาพวกมัน
แต่โชคดีที่พ่อมดฮิลล์เข้ามาช่วยได้ทันเวลา ทําให้พ่อมดแบร์สถอยหนีไป…”
หลังจากเชอรีสอธิบายสถานการณ์ทั้งหมด เมอร์ลินหรี่ตาและปล่อยบรรยากาศที่เย็นยะเยือกออกมา เขามองไปที่เชอรีสและแอวริลและถามอย่างนุ่มนวลว่า
“เกิดอะไรขึ้นกับพวกเธอรึเปล่า?”
พวกเธอส่ายหัวและตอบว่า “พวกเราสบายดี ต้องขอบคุณพ่อมดฮิลล์ที่ช่วยพวกเราไว้แต่ว่าตอนนี้อาการของเขาแย่ลงมากหลังจากวันนั้น เขาไม่ได้ออกจากบ้านของเขาเลยตั้งแต่วันนั้น”
เมอร์ลินพยักหน้า นี่คือเหตุผลที่เขาขอให้ชายชราดูแลครอบครัวของเขา ถ้าไม่ได้ชายชราช่วยไว้ เขาเกรงว่าปราสาทวิลสันคงไม่สงบสุขดังเช่นทุกวันนี้
อย่างไรก็ตาม เมอร์ลินได้รู้สถานการณ์ปัจจุบันของชายชรา แม้ชายชราจะทําให้พ่อมดแบร์สถอยไปได้แต่เขาก็มีราคาที่ต้องจ่ายกับการกระทําครั้งนี้เช่นกัน
โครงสร้างเวทมนต์ของเขาไม่เสถียรและสามารถฟังได้ทุกเมื่อ
“แบร์สงั้นหรือ? ครั้งนี้ฉันเป็นหนี้พ่อมดฮิลล์อีกครั้ง…แต่ก็ดีแล้วล่ะที่พวกคุณไม่เป็นอะไร เอาล่ะ เราลืมเรื่อง แย่ ๆ ไป มาสนใจเรื่องลูกของเราซีเลียกับโคซิออนดีกว่า…”
เมอร์ลินเหลือบมองพวกเด็ก ๆ ที่กําลังนอนบิดตัวอยู่บนพื้น จากนั้นเขาก็เล่นกับซีเลียและโคซิออนร่วมกับเชอรีสและแอวริล เขากําลังเพลิดเพลินกับโอกาสที่หาได้ยากยิ่งที่จะใช้เวลากับครอบครัว หลังจากนั้นก็มีเสียงดังก้องมาจากห้องโถง
ในปราสาทของเคานต์เซลิน ทหารยามกําลังรางงานข่างการกลับมาของบารอนเมอร์ลินอย่างละเอียด
เคานต์เซลินเผยความประหลาดใจออกมา “แน่ใจจริง ๆ ใช่มั้ยว่านั่นคือบารอนเมอร์ลิน”
ทหารยามพยักหน้าอย่างจริงจัง “กระผมแน่ใจของรับเป็นท่านเมอร์ลินอย่างแน่นอน”
“ดีๆ ตอนนี้บารอนเมอร์ลินกลับมาแล้ว ทําให้เรามีตัวช่วยที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้น”
เคานต์เซลินรู้สึกดีใจอย่างแท้จริง เขากังวลเกี่ยวเมืองเลบิส เมื่อไม่นานมานี้แต่เมื่อเมอร์ลินกลับมาแล้ว ทําให้เขาไม่ต้องกังวลเรื่องเมืองเลบิสมากนัก
“โอ้ พ่อมดเมอร์ลินผู้ที่ช่วยเหลือเคานต์เซลินจากเมอแรงค์แห่งหอคอยอเวจีหรือไม่”
ด้านข้างเคานต์เซลิน ชายที่ดูสงบพูดด้วยน้ําเสียงตื่นเต้น
เคานต์เซลินพยักหน้าและยิ้ม “ใช่แล้ว พ่อมดเมอร์ลินคนนั้ง แต่ตอนนี้เขาเป็นบารอนในเมืองปรากาซแล้ว พ่อมดแบร์สไม่ใช่ว่าท่านอยากพบกับพ่อมดเมอร์ลินตลอดเวลาหรือ นี่เป็นโอกาสของท่านแล้ว ข้าจะเรียกให้พ่อมดเมอร์ลินมาที่นี่”
เคานต์เซลินส่งทหารสองสามคนไปตามเมอร์ลินที่ปราสาทวิลสันทันที
“ใช่ ฉันอยากเจอพ่อมดเมอร์ลินจริง ๆ” พ่อมดแบร์สจ้องมองไปที่ประตูด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกระหาย
“ท่านบารอน มีพวกยามได้แจ้งเข้ามาว่ามีทหารถูกส่งมาจากท่านเคานต์เซลิน พวกเขาต้องการเชิญท่านบารอนไปที่ปราสาท” ยาเกซที่ดกล้ามโตก้าวเข้ามาในห้องโถงและรายงานเมอร์ลินด้วยความเคารพ
รอยยิ้มบนใบหน้าเชอรีสและแอวริลค่อย ๆ จางหายไป พวกเธอเหลือบมองไปที่เมอร์ลิน
เมอร์ลินค่อย ๆ ลุกขึ้นและตอบไปอย่างใจเย็นว่า “ในเมื่อเคานต์เซลินต้องการพบฉัน ฉันก็จะไป มันถึงเวลาที่ฉันต้องไปพบเคานต์เซลินด้วย”
ออร่ามันดํามืดได้แพร่ออกจากตัวของเมอร์ลินเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ก้าวเดินออกจากปราสาทและนั่งรถม้าตามอัศวินไป เขากําลังมุ่งหน้าไปยังปราสาทของเคานต์เซลิน