A Wizard’s Secret ความลับของพ่อมด - ตอนที่ 173
บทที่ 173 เมืองโฟลทติ้ง
“ยาเกซ?”
เมอร์ลินชําเลืองมองยาเกซ ใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์นั้นได้เติบใหญ่ขึ้นอย่างมาก ตอนนี้เขาดูเป็นผู้ใหญ่และแข็งแกร่งมาก
เมอร์ลินยังคงจําได้ดีว่ายาเกซ์วัยเยาว์ให้คํามั่นว่าจะปกป้องเขาด้วยความมุ่งมั่น แล้วยังจําได้ว่ายาเกซยืนอยู่ตรงหน้าเขาและเผชิญหน้ากับพวกโจรโดยไม่เกรงกลัว
“ยาเกซเป็นคนซื่อสัตย์และกล้าหาญ ผมไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ ที่ท่านพ่อสอนกระบวนท่าลึกลับให้กับเขา”
เมอร์ลินพอใจกับยาเกซ ย้อนกลับไปในตอนนั้น ความฝันของอัศวินหนุ่มคือการเข้าร่วมกับอัศวินเกราะเหล็กของเลห์แมน
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาสามารถเป็นผู้บัญชาการได้ง่าย ๆ ดังนั้นการเป็นอัศวินเกราะเหล็กคงไม่ไกลเกินเอื้อมสําหรับเขา
พอเลห์แมนได้ยินคําตอบ เชสได้ส่ายหัว เขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พ่อไม่ได้ถามลูกคุณเกี่ยวกับนิสัยใจคอของเขา พ่อสอนยาเกซมากับมือ พ่อต้องรู้จักยาเกซเป็นอย่างดีที่พ่อลูกว่าคิดอย่างไรระหว่างยาเกซ์กับเมซีส์”
“อะไรนะ ยาเกซกับเมซี่ส์เหรอ?”
เมอร์ลินแสดงท่าทางแปลกๆ เขากลับมาที่เมืองปรากาชมาสองสามวันแล้ว แต่เขาไม่ได้พบกับเมซีส์ เขารู้เพียงแค่ว่าเมซีส์ยังอยู่ในเมืองคอนซิออนช่วยเลห์แมนดูแลพื้นที่ทั้งหมด ตอนนี้เมซีส์เป็นผู้ช่วยที่เก่งของเลห์แมนไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม เมอร์ลินไม่เคยคาดคิดว่าเลห์แมนจะต้องการหมั้นยาเกซกับเมซี่ส์
“ทําไม? หรือลูกคิดว่ามันไม่ถูกต้อง?” เลห์แมนถามเสียงต่ําพร้อมกับขมวดคิ้ว
เมอร์ลินส่ายหัวและตอบอย่างรวดเร็ว “ผมไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไรกับเรื่องนั้น ผมแค่แปลกใจเท่านั้น”
“ฮ่าฮ่า พ่อก็เหมือนกัน ฉันช็อคไปเลย เมื่อได้ยินยาเกซ์แสดงความรู้สึกของเขาที่มีต่อเมซีส์ บุคลิกที่อดทนของยาเกซกับบุคลิกที่มีชีวิตชีวาของเมซีส์ มันความแตกต่างกันมากเกินไปแต่นี่อาจเป็นโชคชะตาของพวกเขา พ่อเห็นด้วยกับเรื่องนี้ตราบเท่าที่พวกเขาทั้งสองคิดว่ามันไม่เป็นไร” เลห์แมนกล่าวพลางหัวเราะเห็นได้ชัดว่า เขาค่อนข้างพอใจกับยาเกซเช่นกัน
หลังจากนั้น ดูเหมือนโอลด์วิลสันจะคิดอะไรบางอย่างและพูดกับเมอร์ลินว่า “เมอร์ลิน ที่ลูกมาวันนี้มีอะไรรึเปล่า”
เมื่อได้ยินคําถามของเลห์แมน เมอร์ลินก็อธิบายสั้นๆ ว่า “ท่านพ่อขอรับ ผมอาจจะต้องออกจากเมืองปรากาชไปซักพัก ผมจะออกเดินทางไปกับพ่อมดฮิลล์”
“ออกไปแล้วเหรอ?”
เลห์แมนเผยให้เห็นรูปลักษณ์ที่ผิดหวังอย่างเห็นได้ชัดแต่ในไม่ช้เขาก็ฟื้นตัวและทําตัวปกติ เขารู้ว่าเมอร์ลินกลายเป็นนักเวทย์ที่ลึกลับแต่ทรงพลัง เขาอาศัยอยู่ในโลกที่แตกต่างกัน
“เอาล่ะ แต่ยาเกซกับเมซีส์จะแต่งงานกันในอีกครึ่งปี ในฐานะพี่ชายของเธอ ลูกต้องกลับมาร่วมงานนะ” เลห์แมนพูดกับเมอร์ลินด้วยสีหน้าจริงจัง
เมอร์ลินคิดอยู่ครู่หนึ่ง เมืองโฟลทติ้งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก ตราบใดที่เขาไม่ได้ใช้เวลามากเกินไป เขาก็จะสามารถกลับมาได้ภายในเวลาครึ่งปี
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เมอร์ลินก็พยักหน้า “ผมจะรีบกลับมาให้ทันเวลา”
หลังจากนั้นเมอร์ลินก็หันหลังกลับและจากไป เลห์แมนยังคงสอนกระบวนท่าลึกลับกับยาเกซ์และคนอื่นๆ ต่อ
คืนนั้นอากาศเย็นสบายและเงียบสงบ ในราตรีที่แสนยาวนานนี้เมอร์ลิน เชอรีสและแอวริลต่างร่วมรักกันไม่มีที่ท่าว่าจะนอนเลย
หลังที่เชอรีสกับแองริลได้แช่น้ํายาฟื้นฟูทําให้ผิวของพวกเธออ่อนนุ่มและเรียบเนียน พวกเธอดูงดงามมากขึ้นในตอนนี้
ช่วงเวลาแห่งความสุขได้ผ่านพ้นไป พวกเขาทั้งสามดูเหมือนเหนื่อยเล็กน้อยแต่ไม่มีใครหลับไป ในเวลานี้ พวกเขากําลังเพลิดเพลินกับความอบอุ่นของผู้เป็นที่รักอย่างเงียบๆ
“คณจะไปจริง ๆ เหรอ” เชอรี่สถามและทําลายความเงียบในห้องทันที
“ใช่ พรุ่งนี้”
หลังจากพูดจบ บรรยากาศก็เงียบลงอีกครั้ง อันที่จริง เมอร์ลินค่อย ๆ สังเกตเห็นความรู้สึกห่างไกลที่เขามีต่อคนอื่น ๆ อย่างเชอรีส แอวริลหรือแม้แต่เลห์แมนเมื่อเขากลับบ้าน
นั่นเป็นเพราะเขาอยู่ในโลกที่แตกต่างจากและมีหลายอย่างที่เมอร์ลินไม่สามารถอธิบายให้พวกเขาเข้าใจได้อย่างชัดเจนเช่นกัน
นั่นทําให้เขารู้สึกมีช่องว่างขนาดใหญ่คั่นกลางระหว่างพวเขา
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เชอรีสก็ค่อย ๆ พูดขึ้นว่า “เมอร์ลิน ฉันเริ่มรู้สึกว่าคุณอยู่ไกลจากฉันมาก แม้ว่าคุณจะอยู่ในอ้อมแขนของฉันก็ตาม”
เมอร์ลินไม่พูดอะไร เขาปล่อยให้ความเงียบปกคลุมทั่วทั้งห้อง
วันรุ่งขึ้น เมอร์ลินก็ออกจากปราสาทวิลสันอย่างเงียบๆ เขาตรงไปยังที่พักของพ่อมดฮิลล์ ชายชราเตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้วรวมทั้งรถม้ารับจ้างซึ่งกําลังรอเมอร์ลินอยู่
“เป็นอย่างไรบ้าง เจ้าได้จัดการทุกอย่างแล้วหรือ?”
รอยยิ้มจาง ๆ เล่นบนใบหน้าของชายชราชุดดํา
“เรียบร้อยแล้ว ไปกันเถอะ” เมอร์ลินบอกเขาอย่างใจเย็นและพุ่งเข้าไปในรถม้า
ชายชราชุดดําเหลือบมองเมอร์ลินอย่างเข้าใจและถอนหายใจออกมา “พ่อมดเมอร์ลิน เจ้าต้องใช้เวลาอยู่กับครอบครัวของเจ้าให้คุ้มค่า พวกเราเหล่นักเวทย์ถูกลิขิตให้อยู่คนเดียว วันเวลาอันแสนอบอุ่นที่ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวนั้นช่างสั้นนัก…”
นักเวทย์ระดับหนึ่งสามารถมีชีวิตอยู่ได้ถึงสองร้อยปี ในขณะเดียวกันพวกคนธรรมดา แม้จะอายุยืนยาวได้ถึงหนึ่งร้อยปีแต่ส่วนมากก็จากไปตอนอายุเจ็ดสิบโดยประมาณ
ท้ายที่สุดนักเวทย์กับคนธรรมดาเป็นคนสองประเภท เมื่อสมาชิกในครอบครัวอันเป็นที่รักของพวกเขาเสียชีวิตเนื่องจากวัยชรา นักเวทย์ต้องทนอยู่กับวันคืนที่ไม่มีที่สิ้นสุดเพียงลําพัง
เมอร์ลินมองไปที่ชายชราอีกครั้ง บางทีเขาอาจเคยมีประสบการณ์ความรักแต่มันก็เป็นความทรงจําที่น่าเศร้าเช่นกัน
รถม้าเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ บนถนนบนภูเขาที่ขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อ
รถม้ายังคงเดินทางต่อไปยังถนนที่มีภูเขารายล้อม รอบข้างถนนเต็มไปด้วยเมฆและหมอก ไม่มีใครรู้ว่าคนประเภทใดกําลังนั่งอยู่บนรถม้ามายังสถานที่เปลี่ยวเช่นนี้
ในที่สุด รถม้าก็หยุดลงอย่างช้า ๆ ชายชุดดําสองคนออกมาจากรถม้า หนึ่งในนั้นเป็นชายค่อนข้างแก่เขา สื่อสารกับคนขับรถม้าด้วยเสียงที่เบา จากนั้นคนขับรถก็ค่อยๆ ลงจากภูเขา
“พ่อมดฮิลล์ นี่หรือเมืองโฟลทติ้ง?” เมอร์ลินถามด้วยท่าทางแปลกๆ
ชายชุดดําคนที่สองคือเมอร์ลิน ส่วนอีกคนเป็นพ่อมดฮิลล์ พวกเขามาจากเมืองปรากาซ
บนภูเขานั้นแทบไม่มีถนนให้เดินต่อ หากพวกเขาเดินไปทางด้านหน้า พวกเขาจะเข้าไปในป่าทึบที่ปกคลุมไปด้วยหมอก เมอร์ลินนึกไม่ถึงว่านี่คือเมืองโฟลทติ้ง
พ่อมดฮิลล์เงยหน้าขึ้นมองไปยังป่าทึบที่ปกคลุมไปด้วยหมอก รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
“ใช่แล้วที่นี่แหละ ไปกันต่อเถอะ ถ้าเข้าไปอีกจะมองเห็นเมืองโฟลทติ้งแล้ว”
หลังจากนั้นชายชราดําก็เดินเข้าไปในหมอก
เมอร์ลินลังเลอยู่ครู่หนึ่งและในที่สุดก็เดินตาม เขามองโดยรอบและเห็นว่าสังเกตว่าเบื้องหน้าของเขาถูกหมอกหนาทึบขวางกั้นไว้ เขามองเห็นเพียงภาพเงาลาง ๆ ของชายชราที่อยู่ข้างหน้าเขา นอกจากนี้ตัวหมอกได้เข้าไปในเสื้อคลุมทําให้เขารู้สึกเปียกชื้นและเย็นยะเยือก
*ครึก*
ทันใดนั้น เมอร์ลินโบกมือและเหวี่ยงผลึกน้ําแข็งไปยังที่แห่งหนึ่งตรงหน้าเขา
เมอร์ลินขมวดคิ้ว เมื่อเขาเข้าใกล้ร่างนั้น เขาก็รู้ว่ามันคือแมงมุมที่มีรูปร่างคล้ายดอกไม้ มันมีขนาดประมาณฝ่ามือ จากสายตาของเมอร์ลินรู้ว่ามันเป็นพิษและดูน่ากลัว
“พ่อมดฮิลล์ที่นี่มีแมลงพิษมากมาย!”
หลังจากพูดจบ เขาก็ยกมือขึ้นและโยนลูกไฟ ลูกไฟระเบิดทันทีและฆ่าแมลงปีกแข็งขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือสองสามตัว
แม้ว่าเมอร์ลินกับพ่อมดฮิลล์เพิ่งเข้าไปในป่าในช่วงเวลาสั้น ๆ พวกเขาพบแมลงพิษจํานวนหนึ่ง แมลงพิษเหล่านี้ส่วนใหญ่มีพิษเฉียบพลัน หากพวกเขาถูกกัด พิษจะแล่นเข้าสู่หัวใจอย่างรวดเร็ว
มีเพียงนักเวทย์เท่านั้นที่สามารถตรวจสอบการเคลื่อนไหวทั้งหมดรอบตัวได้ตลอดเวลาด้วยพลังจิตของพวกเขา พวกนักดาบธาตุที่แข็งแกร่งก็สมารถทําแบบนี้ได้เช่นกัน
หากพวกเขาไม่ระแวดระวัง พวกเขาน่าจะถูกแมลงพิษกัดเอาได้
“พ่อมดฮิลล์ ที่นี่คือเมืองโฟลทติ้งจริงๆ หรือ?” เมอร์ลินอดไม่ได้ที่จะถาม
ชายชราหยุดชะงักทันทีและยิ้ม เขาพูดเบา ๆ “เอาล่ะ เรามาถึงแล้ว!”
“ที่นี่?”
เมอร์ลินเงยหน้าขึ้นพบว่ายังมีหมอกอยู่เบื้องหน้าพวกเขาและเขามองไม่เห็นอะไรรอบหน้าเลย อย่างไรก็ตาม เมื่อเมอร์ลินมองด้วยพลังจิตของเขา เขาเห็นว่ามีเมืองที่พร่ามัวอยู่ในหมอกราวกับว่ามันลอยอยู่ในเมฆ เขามั่นใจว่านี่คือเมืองโฟลทติ้ง
ชายชราชําเลืองมองเมอร์ลิน แล้วอธิบายด้วยรอยยิ้มว่า “เมืองโฟลทติ้งไม่ได้ลอยอยู่ในอากาศตามชื่อของมันอย่างแน่นอน มันสร้างขึ้นบนยอดเขาที่รายล้อมไปด้วยเมฆและหมอก จึงได้ชื่อว่าเมืองโฟลทติ้ง แล้วอีกอย่างหมอกพวกนี้ถูกสร้างขึ้นโดยวงแหวนเวทย์ขนาดใหญ่ หากคนธรรมดาเข้ามาในภูเขา พวกเขาก็ไม่สามารถหาเมืองโฟลทติ้งได้หากปราศจากพลังจิต”
เมอร์ลินพยักหน้า นักเวทย์บางคนก็ชอบอยู่ร่วมกับคนธรรมดา ในขณะที่บางคนชอบที่จะอยู่ห่างจากคนธรรมดาด้วยเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าเมืองโฟลทติ้งอยู่ในกลุ่มที่ต้องการหลีกเลี่ยงคนธรรมดา ดังนั้นพวกเขาจึงใช้พลังงานและเวลามหาศาลเพื่อสร้างสถานที่ที่แปลกประหลาดเช่นนี้
“เข้าไปข้างในกันเถอะ การเข้าสู่เมืองโฟลทติ้ง เราต้องเปิดใช้งานรูปปั้นหินเหล่านี้ด้วยพลังจิต!”
ชายชราชี้ไปที่รูปปั้นหินขนาดใหญ่ตรงเบื้องหน้า รูปปั้นพวกนี้ดูเหมือนจะถูกสลักโดยนักเวทย์ นอกจากนี้ยังมีอัญมณีและอักษรรูนสลักอยู่ในตัวรูปปั้น
เมอร์ลินและพ่อมดฮิลล์เดินเข้ามาใกล้รูปปั้นและขยายพลังจิตไปยังรูปปั้นอย่างรวดเร็ว จากนั้น ราวกับว่ารูปปั้นมีชีวิตขึ้นมา อักษรรูนที่อยู่บนนั้นเริ่มส่องแสงเจิดจ้า แม้แต่อัญมณีบนรูปปั้นก็ยังส่องแสงที่สวยงามออกมา
*วิ้ง วิ้ง! วิ้ง!!!*
เสาไฟสองดวงส่องประกายวาววับ เมอร์ลินและชายชราถูกอักษรรูนปกคลุมร่างกายและหายวับไปในพริบตา…