A Wizard’s Secret ความลับของพ่อมด - ตอนที่ 20
ภายในตำราเวทมนต์มันได้ถูกเขียนในรูปแบบของไดอารี่ที่บันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน แม้ว่าเมอร์ลินจะอ่านคำศัพท์ภาษามอลต้าได้มากกว่าหนึ่งพันคำแต่การอ่านและทำความเข้าใจเนื้อหาในตำราเวทมนต์นั้นยังเป็นเรื่องยากสำหรับเขา
หากเป็นคำศัพท์ทั่วไปเขาก็พอจะเข้าใจอยู่บ้างแต่ถ้าเป็นพวกศัพท์เฉพาะทางที่เกี่ยวกับเวทมนต์เขาไม่สามารถเข้าใจมันได้ทั้งหมด
ในไม่ช้าเมอร์ลินก็พบข้อความอธิบายเกี่ยวกับวิธีการที่จะใช้คาถา
“การที่จะใช้คาถาได้นั้นสิ่งพื้นฐานที่สุดที่ต้องมีคือพลังจิต! เฉพาะผู้ที่มีพลังจิตที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะสามารถจำลองรูปแบบคาถาได้และสามารถใช้มันเป็นต้นกำเนิดพลังแห่งเวทย์”
เมอร์ลินทวบประโยคนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจว่าการจำลองรูปแบบคาถาคืออะไรแต่เขาก็สามารถเข้าใจสิ่งที่ข้อความกำลังจะสื่อแล้ว
‘พลังจิตเป็นพื้นฐานในการเป็นพ่อมด’
บางทีชายชราอีธานคงได้เห็นพลังจิตที่ไม่ธรรมดาของเมอร์ลินในตอนนั้น นั่นคงเป็นเหตุผลที่เขาได้มอบแหวนที่ซ่อนตำราเวทมนต์ให้กับเมอร์ลิน
สำหรับเหตุผลที่พลังจิตของเมอร์ลินนั้นแตกต่างจากคนอื่นนั้น คงเพราะเขาเกิดใหม่ในโลกนี้
เมื่อเขารู้ว่าเขามีเงื่อนไขที่จะกลายเป็นพ่อมดได้ เมอร์ลินก็ดีใจมาก ดังนั้นเขาประโยคถัดไปเพื่อค้นหาวิธีที่จะใช้คาถา
ในไม่ช้าเมอร์ลินก็พบข้อความเก่า ๆ ที่เขียนโดยอีธานในหน้าสามของตำราเวทมนต์ “พลังจิตเป็นพื้นฐานของพ่อมด ในขณะเดียวกันการสร้างโครงสร้างเวทมนต์เป็นสิ่งที่กำหนดความแข็งแกร่งของพ่อมด”
เมอร์ลินเจอคำว่า “โครงสร้างเวทมนต์” ปรากฏในตำราเวทมนต์อยู่บ่อยมาก แต่หลังจากที่เขาได้ค้นหามันเป็นเวลานาน เมอร์ลินก็ไม่เห็นว่าจะมีโครงสร้างเวทมนต์ใดๆ ในตำราเลย
ตอนนี้เมอร์ลินรู้ขั้นตอนส่วนใหญ่ที่จำเป็นในการเป็นพ่อมดแล้ว ประการแรกต้องมีพลังจิตที่ไม่ธรรมดา ต่อไปคือการโครงสร้างเวทมนต์และสุดท้ายประทับโครงสร้างเวทมนต์ลงในใจโดยใช้พลังจิต มันเหมือนกับร่ายคาถาในใจแล้วปล่อยออกมา
หากทุกอย่างได้ คน ๆ นั้นก็จะกลายเป็นพ่อมด
ตำราเวทมนต์ของชายชราอีธาน มีหลายส่วนมาก เมอร์ลินได้อ่านไปและพบว่ามันมีเนื้อหาของมันเกี่ยวกับประสบการณ์ของอีธานเมื่อตอนเขาที่เริ่มฝึกฝนคาถา ไม่มีส่วนไหนพูดถึงโครงสร้างเวทมนต์ของคาถาใด ๆ เลย ที่จะช่วยให้เขาเป็นพ่อมด
จากนั้นเมอร์ลินก็พลิกไปที่ส่วนที่สอง ทันทีที่เขาเปิดมันเขาก็เห็นรูปวาดที่ซับซ้อนมาก ภายใต้ภาพวาดมีข้อความอธิบายบางอย่างจากชายชราอีธาน
“คาถาระดับศูนย์ – โครงสร้างเวทมนต์คาถาลูกไฟ ฉันได้ปรับปรุงโครงสร้างคาถานี้หลายต่อหลายครั้งทำให้เป็นรูปแบบนี้มีความเสถียรมากที่สุด แม้ว่าพลังของมันจะอ่อนแอแต่ทว่าหากเมื่อประทับโครงสร้างเวทมนต์ไปแล้วครั้งหนึ่ง พ่อมดสามารถใช้คาถาลูกไฟต่อได้โดยไม่ต้องร่างโครงสร้างเวทมนต์ใหม่”
เมอร์ลินได้จ้องไปที่ภาพวาดที่อันซับซ้อนของคาถาระดับศูนย์ ลูกไฟ
นอกจากโครงสร้างเวทมนต์คาถาลูกไฟที่เขาเห็นในตอนแรกแล้ว มันยังมีคาถาลูกไฟแบบอื่นด้วยซึ่งพลังของมันแข็งแกร่งกว่าแต่โครงสร้างของมันไม่เสถียรเท่าไหร่ หากพ่อมดฝืนใช้คาถาที่ไม่เสถียรอาจทำให้ตัวพ่อมดบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้
ดังนั้นแล้วสิ่งสำคัญสำหรับที่สุดของพ่อมดก็คือการสร้างโครงสร้างเวทมนต์ที่เหมาะสมกับตัวเอง
เมอร์ลินได้พลิกกระดาษไปหน้าต่อไปและพบกับโครงสร้างเวทมนต์คาถาลมกรด
คาถาลมกรดอยู่ในระดับศูนย์เช่นเดียวกับคาถาลูกไฟ
มีคาถาระดับศูนย์ทั้งหมดสองคาถาและเป็นคาถาทั้งหมดที่บันทึกไว้ในตำราเวทมนต์ของชายชราอีธาน เมอร์ลินรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเพราะสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงคาถาระดับศูนย์ที่ถือได้ว่าเป็นคาถาขั้นพื้นฐานที่สุด
อย่างไรก็ตามเมื่อเมอร์ลินเริ่มศึกษารายละเอียดที่สำคัญเพิ่มเติมเพื่อที่จะกลายเป็นพ่อมด
ยกตัวอย่างเช่น คาถาลูกไฟ แม้ว่ามันจะเป็นเพียงคาถาระดับศูนย์แต่ความซับซ้อนของโครงสร้างเวทมนต์นั้นลึกล้ำเกินกว่าที่เมอร์ลินจะเข้าใจได้ โดยโครงสร้างเวทมนต์คาถานี้ มันดูคล้ายกับสูตรคำนวณทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อนที่เขาเคยเห็นในโลกเก่าของเขา
ด้วยความซับซ้อนโครงสร้างเวทมนต์ มันจึงยากมากที่จะไม่เกิดข้อผิดพลาด หากเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมามันจะส่งผลกระทบต่อพลังจิตของผู้ร่าย
จึงไม่น่าแปลกใจที่พ่อมดจำเป็นต้องมีพลังจิตที่แข็งแกร่ง หากพลังจิตของบุคคลนั้นอ่อนแอ เขาจะไม่สามารถจำลองโครงสร้างเวทมนต์ที่ซับซ้อนเช่นนี้ในใจได้
เมอร์ลินสังเกตเห็นว่าคาถามีอยู่สองแบบคือคาถาที่ไม่รุนแรงแต่โครงสร้างเวทมนต์เสถียรกับคาถาที่รุนแรงแต่โครงสร้างเวทมนต์ไม่เสถียร
เช่นเดียวกับคาถาลูกไฟของชายชราอีธาน ที่เขาได้สร้างโครงสร้างเวทมนต์คาถามากกว่าสิบแบบซึ่งพวกมันดูซับซ้อนมาก เมอร์ลินมองดูเพียงแปปเดียว เขาก็รู้สึกเวียนหัวขึ้นมาทันที
ส่วนเดียวกับคาถาลมกรด มันมีหลายแบบหลายประเภท แค่คาถาเดียวกลับถูกเขียนไปมากกว่าสามสิบหน้า ดูเหมือนในเล่มที่สองนี้จะมีเพียงสองคาถาเขียนอยู่ข้างใน
เมอร์ลินนั่งบนเก้าอี้และปิดตำราเวทมนต์ เขาลูบหน้าผากของเขาเบาๆ เขากำลังคิดเกี่ยวกับคาถาทั้งสองนี้ในหัวของเขา เขากำลังพิจารณาว่าควรใช้โครงสร้างเวทมนต์อันไหนดี
“หากเทียบในเรื่องของพลังแล้วคาถาลูกไฟนั้นแข็งแกร่งกว่าลมกรดเล็กน้อย ยิ่งกว่านั้นมันเป็นคาถาที่อาจารย์อีธานเชี่ยวชาญมากที่สุด ดังนั้นคาถาแรกของฉันควรเป็นลูกไฟ!”
หลังจากเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของทั้งสองคาถาแล้ว เมอร์ลินก็เลือกใช้คาถาระดับศูนย์ ธาตุไฟ – ลูกไฟ
แม้ว่าจะไม่มีการจำกัดจำนวนคาถาระดับศูนย์ แต่พ่อมดทั่วไปจะมีคาถาระดับศูนย์อย่างน้อยสามคาถาเพราะมันจะทำให้พ่อมดใช้คาถาได้อย่างเสถียร ถึงจำนวนจะน้อยแต่ก็สามารถอัพเกรดให้แข็งแกร่งขึ้นได้ในอนาคต
อย่างไรก็ตามก็มีพ่อมดที่แข็งแกร่งซึ่งสามารถครอบครองคาถาระดับศูนย์ ได้สี่หรือมากกว่านี้ได้ แต่พ่อมดคนนั้นต้องมีพลังจิตที่แข็งแกร่งพอจะรองรับได้
จากที่กล่าวมาข้างต้น พ่อมดระดับฝึกหัดอย่างเมอร์ลินมีพลังจิตที่สามารถรองรับโครงสร้างเวทมนต์ได้เพียงอันเดียวเท่านั้น
เมื่อเมอร์ลินตัดสินใจเลือกคาถาได้แล้ว เขาก็พลิกหน้ากระดาษไปดูคาถาลูกไฟอีกครั้ง
ด้วยโครงสร้างที่ซับซ้อนที่หลากหลายรูปแบบจึงทำให้จับต้นชนปลายไม่ถูกเลย
แม้ว่าลูกไฟจะเป็นเพียงคาถาระดับศูนย์ แต่ชายชราอีธาน ได้สร้างโครงสร้างเวทมนต์ที่แตกต่างกันถึงสิบสามแบบ ตามที่ชายชราศึกษามันตลอดหลายปีที่ผ่านมา
บางอันเสถียร บางอันไม่เสถียร โดยแต่ละอันก็มีเอกลักษณ์ตัว
เมอร์ลินได้อ่านตำราอีกครั้ง เขาพบว่าแบบโครงสร้างเวทมนต์พื้นฐานบางอย่าง บางครั้งต้องแก้ไขตามความต้องการส่วนบุคคล
คาถาบางคาถาต้องการมีแบบจำลองคาถาที่เสถียรกว่าเพื่อรองรับการปรับปรุงในอนาคตเพื่อเป็นเปลี่ยนคาถาให้เป็นระดับหนึ่งหรือระดับสอง
โดยชายชราอีธานได้กล่าวไว้ในตำราว่า คาถาทุกคาถาควรปรับปรุงโครงสร้างเพื่อให้มีความเหมาะสมตัวเอง
แต่เมอร์ลินเป็นเพียงผู้เริ่มต้นเท่านั้น เขาจะเอาความสามารถที่ไหนมาแก้ไขโครงสร้างเวทมนต์ที่ถูกทิ้งไว้โดยชายชราอีธาน
มันทำให้ ตอนนี้เขามืดแปดด้านมาก การจะเปลี่ยนโครงสร้างแต่ละจุดนั้นจำเป็นต้องใช้การคำนวณที่หลากหลายซึ่งมันยากมาก เขาไม่รู้จะต้องใช้เวลาศึกษาเรื่องพวกนี้กี่ปีถึงจะทำได้สำเร็จ
“มันจะง่ายกว่านี้ ถ้าฉันมี เดอะเมทริกซ์” เมอร์ลินกล่าพลางถอนหายใจ
‘เดอะเมทริกซ์’ เป็นเครื่องคิดเลขควอนตัมที่สุดแสนจะก้าวล้ำ ในฐานะเครื่องคิดเลขขั้นสูงนั้น มันมีฟังก์ชั่นในการคำนวณ การวาดกราฟและการวิเคราะห์ข้อมูล ที่เชื่อถือได้เป็นอันดับต้น ๆ ของอุตสาหกรรม ยิ่งไปกว่านั้นมันมีชิพอัจฉริยะที่สามารถช่วยในเรื่องสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์หรือฟิสิกส์อันสมบูรณ์ให้กับผู้ใช้ได้
หากเขามี ‘เดอะเมทริกซ์’ เมอร์ลินจะสามารถหาโครงสร้างเวทมนต์ที่เหมาะสมกับโดยไม่ต้องเสียเวลาศึกษาพวกมันทั้งหมด
คุณต้องการเริ่มเดอะเมทริกซ์หรือไม่
เมอร์ลินตกตะลึงครู่หนึ่ง ดูเหมือนว่าเขาจะได้ยินเสียงการแจ้งเตือนเพื่อเริ่มต้น ‘เดอะเมทริกซ์’
หลังจากผ่านไปสักพักดูเหมือนจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เมอร์ลินส่ายหัว เขาพูดพึมพำกับตัวเองว่า “ดูเหมือนว่าการอ่านตำราพวกนนี้นานเกินไปจะทำให้ฉันหลอนไปซะแล้ว ฉันจะไปมีเดอะเมทริกซ์ได้อย่างไง?”
เมอร์ลินคิดว่าเสียงก่อนหน้านี้เกิดมาจากความเหนื่อยล้า
เมื่อเมอร์ลินกำลังจะกลับไปศึกษาโครงสร้างเวทมนต์อีกครั้ง จู่ ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นในหัวของเขาอีกครั้ง
คุณต้องการเริ่มเดอะเมทริกซ์หรือไม่
ครั้งนี้เสียงมันดังชัดเจนมาก เมอร์ลินที่ตกตะลึงได้ไม่นาน เขาก็เปลี่ยนเป็นดีใจมาก
“หรือว่า ‘เดอะเมทริกซ์‘ จะข้ามโลกมาพร้อมกับฉันงั้นหรือ”
ถึงแม้ว่าจะเต็มไปด้วยข้อสงสัย แต่เมอร์ลินพูดขึ้นว่า “เริ่มต้นเดอะเมทริกซ์!”
หลังจากที่เขาพูดไปแล้ว เขาก็รอผลที่จะตามมาด้วยความคาดหวัง
…
ห้องแห่งลับ ‘ความลับ’ ได้เปิดขึ้นแล้ว หากท่านสนใจสามารถติดตามรายละเอียดได้ที่เพจ Toppu7