A Wizard’s Secret ความลับของพ่อมด - ตอนที่ 49
ณ ห้องใต้ดินของปราสาทวิลสัน
เมซี่ส์กำลังจับจ้องไปที่ประตูทางเข้าลับ ในขณะที่ประตูได้เปิดออกมา เธอได้ใช้พละกำลังทั้งหมดที่มีฟันดาบไปเบื้องหน้า
แม้เมซี่ส์จะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงแต่อีกฝ่ายนั้นเร็วกว่า เขาเอื้อมมือไปคว้าแขนของเมซี่ส์อย่างรวดเร็ว
“เมซี่ส์นี่พี่เอง”
ด้วยเสียงและใบหน้าที่คุ้นเคยทำให้เมซี่ส์ตะลึงไปชั่วชณะ กัตต์ที่หลบอยู่ เมื่อเขาได้เห็นเมอร์ลินก็รู้สึกดีใจขึ้นมาทันที
“เมอร์ลิน ฉันไม่คิดว่าจะเป็นนาย ถ้านายไม่มาเร็วกว่านี้ ฉันเกรงว่าพวกเราอาจจะไม่รอด จริงสิ!! ทีรอธอยู่ที่ไหน นายผ่านเขามาได้ไง”
กัตต์รอบไปรอบ ๆ เขาไม่เห็นพวกอัศวินของทีรอธเลยสักคนเดียว เขาจำได้ว่าทีรอธได้พาอัศวินมากว่าร้อยนายเข้ามาในปราสาท
“กัตต์ ทำไมนายถึงมาที่นี่?” เมอร์ลินมองกัตต์ด้วยความประหลาดใจ
พ่อบ้านได้เดินเข้ามาและอธิบายว่า “คุณนายเมอร์ลิน ทางเราต้องขอบคุณคุณชายกัตต์ที่เสี่ยงชีวิตมาเตือนพวกเรา ถ้าไม่ได้เขา พวกเราคงตายไปหมดแล้ว”
เมอร์ลินจ้องมองกัตต์และกล่าวอย่างจริงจังว่า “กัตต์ ฉันต้องขอบคุณนายมากที่มาช่วยพวกเรา”
กัตต์ส่ายหัวอย่างรวดเร็วพร้อมกับยิ้มอย่างเขิน “พวกเราเป็นเพื่อนกันยังไงก็ต้องช่วยเหลือกันอยู่แล้ว แต่ยังไงก็เถอะดูเหมือนฉันจะไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก”
จนถึงตอนนี้กัตต์ยังไม่หายหวาดกลัว เขารู้สึกว่าตัวเองช่วยอะไรไม่มากหนำซ้ำยังพาตัวเองเข้ามาเสี่ยงด้วย
ส่วนเมซี่ส์ที่สงบสติอารมณ์ได้แล้ว เธอก็ได้ตรวจสอบร่างกายเมอร์ลินและพบว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บ เธอก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ในเมื่อพี่กลับมาแล้วและท่านพ่อล่ะ ตอนนี้ท่านพ่ออยู่ที่ไหน”
เมอร์ลินได้เล่าสถาการณ์ปัจจุบันอย่างคร่าว ๆ ในฟัง “ท่านพ่อไปที่ปราสาทคาสเทลแลน ส่วนลุงแพรตต์กับพี่แยกมาที่ปราสาท พี่หาเธอไม่เจอเลยคิดว่าพวกเธอน่าจะอยู่ที่ห้องใต้ดิน”
จากนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากนอกห้องนายพลแพรตต์เข้ามาอย่างรีบร้อนและรายงานกับเมอร์ลินว่า
“คุณชายเมอร์ลิน พวกรากำจัดศัตรูที่อยู่ในปราสาทหมดแล้วและมีบางส่วนที่หนีไปได้ มันอาจจะทำให้ที่นี่ไม่ปลอดภัย พวกเราควรไปที่ประตูเมืองและรอท่านบารอนที่นั่น”
ชุดเกราะสีขาวเงินของแพรตต์ในตอนนี้ได้ถูกย้อมไปด้วยเลือด นั่นทำให้คนที่มองไปที่เขาแอบหวั่นกลัวขึ้นมา
“ละแล้วทีรอธล่ะ เขาหนีไปแล้วเหรอ” กัตต์ถามด้วยความสงสัย
“ฮิ ๆ เจ้าทีรอธจะหนีไปได้ยังไง เขาถูกจับโดยคุณชายเมอร์ลินและฉันก็ได้จบชีวิตเขาด้วยมือคู่นี้เอง” แพรตต์เผยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมา เห็นได้ชัดว่าเขาคงใช้วิธีที่โหดร้ายทรมานทีรอธ ก่อนที้ขาจะสิ้นใจ เขาต้องทรมานอย่างแสนสาหัสจนต้องร้องของความตายแน่นอน
“เมอร์ลินจับตัวเขาได้เหรอ?” กัตต์มองไปที่เมอร์ลินด้วยสายตางุนงง เขารู้สึกได้ว่าเมอร์ลินนั้นแตกต่างจากเมื่อก่อน เขาดูมั่นใจขึ้นมาก
“พวกเรารีบออกไปที่ประตูเมืองกันก่อนเถอะ” เมอร์ลินไม่อยากเสียเวลาอธิบายใด ๆ ในตอนนี้ เขาต้องการให้พวกเขาออกไปจากที่นี่ให้โดยเร็วที่สุด หากอยู่นานไปเขาเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย
พวกเมอร์ลินได้วิ่งออกมาถึงห้องโถง เมซี่ส์ กัตต์กับคนที่เหลือได้เห็นศพมากมายบนพื้น กลิ่นเลือดอันเข้มข้นทำให้เมซี่ส์ถึงกับหน้าซีด ส่วนกัตต์ยังพอรับได้แต่เมื่อเขาได้เห็นร่างของทีรอธ เขาถึงกับเมินหน้าหนีด้วยความสยอง
ร่างของทีรอธนอนอยู่บนพื้นด้วยสภาพที่บิดเบี้ยว ใครเห็นก็รู้ได้เลยว่า เขาถูกการทรมานอย่างโหดร้ายก่อนที่เขาจะขาดใจตาย
เมอร์ลินมองไปที่แพรตต์ที่ทำหน้าเฉยเมยราวกับเป็นปกติ ดูเหมือนว่าเขาจะพบเจอเรื่องนี้มาจนชินชาแล้ว
จากนั้นเมอร์ลินกับคนอื่น ๆ ได้รีบออกจากปราสาททันที โดยด้านนอกมีอัศวินหลายนายรออยู่
เมอร์ลินกวาดตามองรอบ ๆ และพบว่า ตอนนี้เขามีอัศวินเหลืออยู่ราว ๆ 60นาย
แม้ว่าเขาจะใช้เวทมนต์ต่อสู้กับอัศวินของทีรอธแต่เขาก็เสียกำลังพลไปกว่า 40นาย
เมื่อเห็นอย่างนี้ เขาก็อดเป็นห่วงเลห์แมนไม่ได้ เนื่องจากการรักษาความปลอดภัยของปราสาทคาสเทลแลนนั้นเข้มงวดกว่านี้ ที่นั่นมีอัศวินป้องกันเมืองกว่าพันนาย แม้ว่าอัศวินเกราะเหล็กจะมีพลังที่น่าเหลือเชื่อแต่พวกเขาจะต้องรับความเสียหายหนักแน่นอน
“รีบไปที่ประตูเมืองเร็วเข้า!!” เมอร์ลินได้ตัดสินใจสั่งการให้อัศวินที่เหลือเคลื่อนพลไปที่ประตูเมืองพร้อมกับพวกเขาทันที
หลังจากที่เมอร์ลินพาเมซี่ส์ มาดามหน้าอกใหญ่และพ่อบ้านไปส่งที่ประตูเมืองได้แล้ว เขาก็หันไปพูดกับแพรตต์ว่า
“ลุงแพรตต์ คุณอยู่ที่นี่คอยปกป้องเมซี่ส์และมาดาม ผมรู้สึกไม่ค่อยดีเกี่ยวกับสถานการณ์ในปราสาทคาสเทลแลน ผมจะไปที่นั่น”
แพรตต์ได้คิดเรื่องนี้พักหนึ่ง เขารู้ว่าเมอร์ลินมีอีกตัวตนนั่นก็คือพ่อมด ดังนั้นจึงไม่น่าจะมีอะไรที่เขาต้องเป็นห่วง
“ได้ครับคุณชายเมอร์ลิน ผมจะปกป้องคุณหนูกับมาดามอย่างสุดความสามารถ”
เมอร์ลินที่ไม่รู้วิธีขี่ม้า เขาจึงสั่งให้อัศวินคนหนึ่งพาเขาไปที่ส่งที่ปราสาทคาสเทลแลน ในระหว่างที่เขากำลังจะไป เมซี่ส์ได้ออกจากรถม้าและรีบเข้ามาขวางเขาไว้ “เมอร์ลิน พี่อย่าไปเลย ไม่มีประโยชน์อะไรที่พี่จะไปที่นั่น ท่านพ่อได้รับการคุ้มครองอย่างดีจากอัศวินเกราะเหล็ก พี่ไปก็มีแต่สร้างความเดือดร้อนให้ท่านพ่อเปล่า ๆ”
“ทำให้เดือดร้อนงั้นเหรอ?” เมอร์ลินมองไปที่เมซี่ส์อย่างประหลาดใจ แต่เขาพึ่งนึกได้ว่าคนอื่น ๆ ยังไม่รู้ว่าเขาเป็นพ่อมด ดังนั้นมุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อยและเอามือชี้ไปประตูเมือง
*ตูม!!*
ลูกไฟได้ชนกับประตูเมือง เกิดหลุมขนาดปรากฏขึ้นบนประตูที่เขาพังในตอนแรก
จากนั้นเมอร์ลินก็สั่งให้อัศวินขี่ม้าไปทันทีโดยที่เขาไม่สนใจท่าทีที่ตกใจของเมซี่ส์
“นี่มัน…”
เมซี่ส์กับจ้องมองไปที่รูขนาดใหญ่บนประตูหนา เธอและคนอื่น ๆ ถึงกับอึ้งอยู่พักใหญ่…
ณ ปราสาทคาสเทลแลน
เลห์แมนได้เดินไปหาออกัสตินอย่างช้า ๆ ออร่ารอบตัวของเขาได้ทำให้บรรยากาศโดยรอบเต็มได้ด้วยแรงกดดัน
“ช่างเป็นออร่าที่น่าประทับใจจริง ๆ…ดูหมือนท่านใกล้จะกลายเป็นนักดาบธาตุระดับสามในไม่ช้าแล้วสินะ” ออกัสตินกล่าวด้วยรอยยิ้มรอยขมขื่น
เขารู้วามีเพียงนักดาบธาตุระดับสามขึ้นไปเท่านั้นที่จะสามารถใช้ ‘ออร่า’ ในการปราบปรามศัตรูได้
“วิลสัน!! ไม่ว่าเจ้าจะทำอะไร เจ้าก็ไม่สามารถหยุดยั้งศาสนจักรที่จะมาแทนที่ราชวงศ์ได้หรอก ตอนนี้อาณาจักรแห่งแสงมาอยู่ในจุดที่ไม่อาจย้อนคืนได้แล้ว บารอนออกัสติน ท่านไม่จำเป็นต้องกลัวมัน พวกเราต่างเป็นนักดาบธาตุระดับสอง ทำไมต้องกลัวเขาด้วย”
บารอนวิงกูลชักดาบออกมาและตัวของเขาก็ได้เปล่งแสงสีเหลืองออกมา นั่นคือแสงของพลังธาตุดิน เขาเป็นนักดาบปฐพีระดับสอง
นักดาบปฐพีนั้นมีความโดดเด่นเรื่องพลังป้องกัน แม้แต่นักดาบธาตุระดับสามเองก็ยากที่จะเอานักดาบปฐพีระดับสองลง
ด้วยเหตุนี้ทำให้บารอนวิงกูลจึงไม่กลัวเลห์แมน เขาจับด้ามแน่นและเปิดการโจมตีใส่เลห์แมน
ทางเลห์แมนได้ถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิง เขาชักสีหน้าเยาะเย้ยบารอนวิงกูลเบา ๆ
“คลื่นอัคคี!!” เลห์แมนได้ง้างฟันไปที่บารอนวิงกูล ทางด้านบารอนวิงกูล เขาได้ควบคุมพลังธาตุดินสร้างเกราะหนาขึ้นมาเองหน้า
*ตูม!!!*
บารอนวิงกูลได้จ้องมองเลห์แมนด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ ด้วยการตวัดดาบเพียงครั้งเดียว ก็ทำให้การป้องกันของเขาได้พังทลายลงไป
บารอนวิงกูลได้ล้มไปนอนบนพื้น เขาไม่มีโอกาสโต้กลับเลย ตัวเขานั้นสู้กลับเลห์แมนมาหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่เขาแพ้อย่างหมดท่าแบบนี้
“ท่านช่างอ่อนแอเหลือเกิน…บารอนวิงกูล ท่านไม่คู่ควรที่จะมาเป็นคู่แข่งของข้าด้วยซ้ำ”
เลห์แมนเหลือบมองบารอนวิงกูลด้วยหางตา จากนั้นเขาก็ก้าวเดินต่อโดยไม่สนใจบารอนวิงกูลอีกต่อไป
เขาได้จ้องไปที่ออกัสติน นั่นคือคู่ต่อสู้ของเขา!!