A Wizard’s Secret ความลับของพ่อมด - ตอนที่ 7
“ประวัติศาสตร์จะส่งมอบความรู้และอารยธรรมให้กับผู้คน ดังนั้นในฐานะขุนนาง พวกเธอจึงจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ หากพวกเธอศึกษาพวกศิลปวัตถุเข้าไปด้วยจะทำให้พวกเธอเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ได้ง่ายขึ้น”
“ขุนนางควรจะมีผู้มีความรู้ที่รอบด้านและฉลาดหลักแหลม พวกเขาจะต้องรักพวกศิลปวัตถุและผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับมัน ดั่งเช่นแหวนวงนี้ในมือของครู ทุกคนสามารถบอกครูเกี่ยวกับที่มาที่ไปของมันได้มั้ย?”
คุณครูจีอายกแหวนขึ้นสูง ภายใต้แสงแดดมันไม่ได้ส่องประกายอะไรมากนัก เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้ทำมาจากอัญมณีธรมดา ๆ มันน่าจะทำจากวัสดุพิเศษ
เมอร์ลินไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับศิลปวัตถุนี้เลย แต่แอนสันรู้ได้ในทันที เนื่องจากเขาเคยสะสมของโบราณที่น่าสนใจมาก่อน เมื่อได้ยินคำถามของอาจารย์จีอา แอนสันก็ลุกขึ้นยืนทันที
“คุณครูครับ! ผมขอดูแหวนใกล้ ๆ ได้มั้ยครับ?”
คุณครูเจียพยักหน้าและนำแหวนให้แอนสัน แอนสันลูบแหวนเบา ๆ และตรวจสอบด้วยความระมัดระวัง ในที่สุดเขาพูดอย่างมั่นใจว่า
“แหวนนี้ทำจากวัสดุพิเศษ ผมเดาว่าเป็นหยก การใช้หยกเพื่อทำแหวนในอดีตนั้น มันที่นิยมในช่วงยุคหนึ่งของของจักรวรรดิมอลต้าเมื่อเมื่อ 3,600 ปีก่อน ในยุคนั้น การทำแหวนจากหยกถือว่าเป็นเรื่องปกติ ลวดลายบนแหวนยังชี้ให้เห็นถึงความนิยมในสมัยนั้น เพราะฉะนั้นมันน่าจะเป็น แหวนในสมัยจักรวรรดิมอลต้าอย่างแน่นอน ไม่ต้องสงสัยเลยครับ”
ในขณะที่เธอฟังการวิเคราะห์เชิงเหตุผลของแอนสันเกี่ยวกับภูมิหลังของแหวน เธอมองเขาด้วยความประหลาดใจ เธอพยักหน้า “ถูกต้อง! เธอเก่งมาก เธอชื่ออะไร?”
แอนสันมีความสุขและตอบกลับทันทีว่า “ผมมีชื่อว่าแอนสันครับ!”
อาจารย์จีอาพยักหน้าและดำเนินการสอนต่อ “ดีมาก สำหรับการวิเคราะห์ของแอนสันนั้นถูกต้อง ครูเห็นได้ว่าแอนสันมีความรู้อย่างมาก เขาได้รับองค์ประกอบพื้นฐานที่ดีที่สุดของมารยาทขุนนาง ทุกคนควรมีความรู้รอบตัวเช่นนี้บ้าง อย่างไรก็ตามแม้ว่าพวกเธอจะไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับศิลปวัตถุในตอนนี้ก็ไม่เป็นไร ครูจะค่อยๆ สอนพวกเธอเกี่ยวกับพื้นฐานในการทำความเข้าใจศิลปวัตถุเอง ตอนนี้ครูจะให้ทุกคนได้ดูแหวนวงนี้ ครูอยากให้พวกเธอพิจารณาถึงวัสดุและลวดลายของมัน”
อาจารย์ได้นำแหวนและแสดงให้ยังนักเรียนทุกคนได้ดูโดยเริ่มจากแถวหน้า เมอร์ลินได้รับมา เขามองอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะส่งแหวนส่งคืนและให้คนอื่นดูต่อแทบจะทันที ตัวเขาไม่ได้สนใจศิลปวัตถุเป็นพิเศษ แต่เขารู้สึกสนใจจักรวรรดิมอลต้าที่แอนสันกล่าวถึงมากกว่า
จากความทรงจำของเมอร์ลิน จักรวรรดิมอลต้านั้นดำรงอยู่เมื่อ 3,600 ปีก่อน เป็นจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่และแสนจะลึกลับ
โดยจักรวรรดิมอลต้าเมื่อ 3600 ปีก่อน จักรวรรดิมอลต้าได้ปกครองทั่วทั้งแผ่นดินเป็นปึกแผ่นเดียวกัน
สิ่งที่น่าประหลาดใจเกี่ยวกับจักรวรรดิมอลต้าก็คือจักรวรรดินี้ได้ล่มสลายภายในคืนเดียว จนถึงทุกวันนี้ก็ไม่มีใครรู้ว่าเพราะเหตุใดจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ถึงได้ล่มสลายไปได้ง่ายดาย
“ทำไมจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นถึงล่มสลายในคืนเดียว?” เมอร์ลินรู้สึกว่าสิ่งนี้มันออกจะเกินจริงไปหน่อย เขาคิดว่าการเล่าเรื่องราวแบบปากต่อปากทำให้ข้อมูลได้บิดเบือนไปตามกาลเวลา สาเหตุจริง ๆ ที่จักรวรรดิมอลต้าล่มสลายอาจจะบางอย่างปกปิดไว้ก็ได้
แหวนได้ถูกส่งไปยังด้านหลังและอาจารย์จีอาได้เดินตามพร้อมกับตอบข้อซักถามพูดคุยจากเหล่านักเรียน
เมอร์ลินได้เหลือบไปมองแอนสัน เขาสังเกตุเห็นว่าแอนสันกำลังมีท่าทีที่แปลกๆ
“เป็นอะไรเหรอแอนสัน?” เมอร์ลินถามด้วยเสียงเบา
แอนสันหันมองไปที่อาจารย์จีอาที่อยู่ด้านหลัง แล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขากล่าวอย่างช้า ๆ ว่า “เรื่องที่ฉันจะได้ครองคู่กับครูจีอาคงเป็นไปไม่ได้แน่นอน ฉันคิดว่าเธอไม่น่าจะเหมือนกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่มาที่นี่เพื่อเสาะหาลูกขุนนางแน่นอน ดูแหวนที่เธอเอาโชว์สิ ฉันคิดว่าราคาของมันต้องไม่น้อยแน่นอน”
“ฉันว่ามันน่าจะราว ๆ สิบเหรียญเงินนะ” กัตต์คาดเดา
ในสายตาของกัตต์แล้ว สิ่งอื่นนอกเหนือจากอัญมณี พวกมันดูจะไม่ค่อยมีราคามากเท่าไหร่ ยิ่งแหวนวงนี้ทำจากหยกด้วย ทำให้เขาคิดว่าราคาสิบเหรียญเงินก็หรูสำหรับมันแล้ว
อย่างไรก็ตามแอนสันกลับต่าง เขาส่ายหัวเบา “ของพวกนี้มันไม่สามารถซื้อได้ต่อให้ใช้เหรียญทองก็ตาม นายรู้มั้ยพวกศิลปวัตถุจากจักรวรรดิมอลต้านั้น ราคาของมันไม่สามารถประเมินค่าได้ การที่ครูจีอาสามารถครอบครองมันได้แบบนี้ก็แสดงให้เห็นว่าสถานะทางสังคมของเธอต้องไม่ธรรมดาแน่นอน แล้วคนแบบนี้จะมาคบหากับพวกลูก ๆ ขุนนางอย่างนั้นเหรอ?”
‘ในโลกนี้มีสกุลเงินที่ใช้แลกเปลี่ยนสิ่งของอยู่สามแบบสินะ มันน่าจะเป็นเหรียญทอง เหรียญเงิน และเหรียญทองแดง คนที่สามารถเอาของที่มูลค่าสูงออกมาโชว์ได้อย่างง่ายดายแบบนี้ สถานะทางสังคมของอาจารย์น่าจะสูงกว่าขุนนางทั่วไปแน่นอน’ เมอร์ลินคิด
“ดูเหมือนว่าครูจีอาจะมีภูมิหลังที่ที่ไม่ธรรมดา แต่ก็ไม่เป็นไร ไม่มีใครที่ฉันไม่สามารถตรวจสอบได้ ให้เวลาฉันสักสองสามวัน แล้วฉันจะสามารถขุดข้อมูลตระกูลของครูจีอาได้อย่างแน่นอน” กัตต์กล่าวด้วยความมั่นใจ
หลังจากนั้น ชั่วโมงสอนของอาจารย์จีอาก็ได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว พวกลูกขุนนางต่างพากันเดินออกจากห้องโถง โดยชั้นเรียนมารยาทนี้จะมีแค่วันละหนึ่งวิชาเท่านั้น เมื่อเรียนเสร็จพวกเขาก็ต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน
เมอร์ลินและเพื่อนของเขาเดินออกมาจากอาคาร เขาเดินไปหามอสส์ที่กำลังรออยู่ที่รถม้า เมื่อเมอร์ลินกำลังจะขึ้นรถม้า แอนสันก็รีบคว้าเสื้อโค้ตของเมอร์ลินและพูดด้วยเสียงเบา ๆ ว่า “เมอร์ลินนายจะรีบไปไหน?”
เมอร์ลินคิดถึงคำเตือนก่อนหน้าของเมซี่ส์ เขาส่ายหัวทันที “พอดีเมซี่ส์กำชับให้ฉันกลับบ้านก่อนจะค่ำน่ะ โทษทีนะ”
แอนสันพูดอย่างรวดเร็ว “นี่เมอร์ลินนายคิดว่าเรากำลังจะไปไหนเหรอ ฮิฮิ พอดีก่อนหน้าฉันได้ข่าวมาว่ามีศิลปวัตถุล๊อตใหม่จากคนรู้จักฉันเอง นายไม่อยากรู้เหรอว่ามันคืออะไร”
“พาไปดูแค่ศิลปวัตถุแน่นะ?” เมอร์ลินถามอย่างสงสัย
“ไม่ต้องพูดมาก รีบไปกันเถอะ”
ในที่สุดเมอร์ลินก็ตกลง เขาได้พูดกับแอนสันและกัตต์ว่า “ขึ้นมาสิ ฉันจะให้มอสส์ไปส่งพวกเรา”
แอนสันบ่น ”ม่ายอ่ะ ฉันไม่ถูกทรมานด้วยรถม้าของนายหรอก เราไปขึ้นรถม้าของกัตต์ดีกว่านะ”
เมอร์ลินหันไปมอง เขาเห็นรถม้าที่ดูหรูหรา มันถูกปกคลุมไปด้วยขนสัตว์และเทียมด้วยม้าสี่ตัว ต่อหน้าพวกเขา เขาแสดงรอยยิ้มอันขมขื่น เขาพยักหน้าแล้วหันไปบอกมอสส์ว่า “งั้นมอสส์ นายช่วยแวะรับเมซี่ส์ที่โบสถ์ด้วยนะ มันคงจะดีกว่าถ้าจะนั่งรถม้าในสภาพอากาศที่หนาวเย็นอย่างนี้”
“แล้วนายน้อยจะกลับยังไงครับ”
มอสส์หันไปมองแอนสันกับกัตต์ด้วยสีหนืที่เป็นกังวล
กัตต์ โบกมือของเขา “ไม่ต้องเป็นห่วงเดี๋ยวฉันจะไปส่งเขากลับเอง”
มอสส์พยักหน้าและไม่พูดอีก จากนั้นเขาก็ขับรถม้าไปที่โบสถ์ทันที
เมอร์ลินและทุกคนต่างก็เข้าไปในรถม้าคันหรูของกัตต์และจากนั้นก็ออกเดินทาง