A Wizard’s Secret ความลับของพ่อมด - ตอนที่ 9
เมอร์ลินได้ถือประติมากรรมนูนที่ซื้อเอาไว้ในมือ เขาไม่กล้าจ้องมองมันตรง ๆ เพราะกลัวว่าจะเห็นภาพแปลก ๆ อีก เขาตั้งใจไว้ตรวจสอบอย่างละเอียดเมื่อตอนกลับถึงบ้าน
ส่วนแอนสันเลือกซื้อหยกแต่มันมีราคาสูงถึง 100เหรียญทอง แม้ว่าแอนสันเกิดมาในตระกูลขุนนางแต่เขาก็ไม่สามารถใช้จ่ายได้มากขนาดนั้น
ทำให้แอนสันยอมแพ้แต่โดยดี ในขณะเดียวกันคาริซเลือกสร้อยข้อมือหยก แต่มันก็มีราคาสูงกว่าที่หนึ่งร้อยยี่สิบเหรียญทอง เครื่องประดับหยกจากจักรวรรดิมอลต้านั้นนำสมัยที่สุดในหมู่ขุนนาง ดังนั้นนาธานจึงไม่ต้องกังวลว่าจะไม่สามารถขายได้แม้ว่าราคามันจะค่อนข้างสูงก็ตาม
คาริซสวมต่างหูมรกต และสร้อยข้อมือหยกอยู่ทางขวามือของเธอ เธอดูเหมือนจะรักเครื่องประดับหยกพวกนี้มาก แม้ว่าสร้อยข้อมือหยกนี้จะมีราคามากกว่า 100เหรียญทอง แต่เธอก็ยังกัดฟันซื้อมัน
กัตต์เข้ามาหาเธอและต้องการจะซื้อกำไลหยกอีกวงให้คาริซ ดูเหมือนเจ้าอ้วนกัตต์ชอบคาริซมากแต่อย่างไรก็ตามเธอปฏิเสธไป นั่นทำให้กัตต์ค่อนข้างผิดหวัง
“แอนสัน คุณนาธาน เขาเป็นใครเหรอ? เขาก็ดูน่าเชื่ออยู่นะแต่ฉันสงสัยว่าเขาไปหาพวกศิลปวัตถุจำนวนมากขนาดนี้มาจากไปและที่สำคัญสินค้าจำนวนขนาดนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะหลุดรอดสายตาของกองกำลังของเมือง แล้วที่สำคัญทำไมพวกเขาถึงไม่ทำอะไรเลยล่ะ” เมอร์ลินถามด้วยเสียงต่ำ
“ฮี่ฮี่ คำตอบง่ายมาก ที่คุณนาธารถึงรอดพ้นการตรวจสอบเพราะเขามีผู้อำนาจหนุนหลังไงล่ะ”
เมอร์ลินรู้สึกประหลาดใจแต่เขาก็ไม่ได้แสดงความเห็นอื่นออกมา ก็จริงอยู่ที่นาธานจะต้องมีผู้สนับสนุนที่อยู่เบื้องหลังเป็นแน่นอน จึงทำให้ที่นี่รอดจากการตรวจสอบจากทางการ ซึ่งในเมืองแบล็กวอเตอร์นั้นมีขุนนางผู้ครองตำแหน่งสูงสุดคือบารอน โดยเฉพาะตระกูลออกัสติน ซึ่งนับว่ามีอิทธิพลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมือง ที่เป็นแบบนี้เพราะตระกูลออกัสตินมีกองกำลังเป็นของกำลังและกองกำลังเดียวกับที่ปกป้องเมืองซึ่งขุนนางบารอนตระกูลอื่นไม่มี
จากนั้นพวกเมอร์ลินได้เดินออกจากร้านของนาธาน สายลมอันหนาวเหน็บได้พัดเข้าสู่ใบหน้าของพวกเขา.
“ดูสิหิมะตกแล้ว!” แอนสันตะโกน
เมอร์ลินจ้องมองไปบนท้องฟ้า เกล็ดน้ำแข็งสีขาวที่โปรยปรายลงเบื้องล่าง เขารู้สึกความผิดปกติเนื่องจากนี่มันเดือนกันยายนแต่กลับมีหิมะตกแล้ว
“ฮัดชิ่ว!! หนาวจังเรารีบกลับบ้านกันเถอะ! เมอร์ลินฉันจะไปส่งนายคฤหาสน์วิลสันก่อนก็แล้วกัน”
กัตต์กระชับเสื้อคลุมของเขาเข้าและพุ่งเข้าไปในรถม้าของเขาอย่างรวดเร็ว
รถม้ามาหยุดที่หน้าคฤหาสน์วิลสันอย่างช้าๆ เมอร์ลินลงจากรถม้า แม้จะมีเสื้อโค้ทผ้าขนสัตว์ที่หนานุ่มแต่เขาก็ยังรู้สึกหนาวสั่น
“เจอกันพรุ่งนี้นะ!”
แอนสันและกัตต์โบกมือลาเมอร์ลิน หลังจากรถม้าวิ่งเหยาะๆ ออกไปแล้วเมอร์ลินก็เดินเข้าไปในคฤหาสน์
“ฟู่~”
เมื่อเมอร์ลินเข้ามาในคฤหาส เขาก็ถอนหายใจโล่งอก เขาเห็นว่ามีสาวใช้กำลังก่อไฟที่เตาผิง ทำให้ตัวบ้านได้อบอุ่น เขาถอดเสื้อคลุมของเขาแล้วตบหิมะออกเบา ๆ
“อืม…ฉันจะทำยังไงกับประติมากรรมอันนี้ดีเนี่ย?”
เขาได้หันซ้ายแลขวา เมื่อพบว่าไม่มีใครสนใจเขา เขาได้ปรี่เข้าไปในห้องพร้อมกับประติมากรรมนูนอย่ารวดเร็ว
หลังจากปิดประตู เมอร์ลินหยิบรูปปั้นนูนออกมาจากเสื้อคลุมของเขา
“ไหนของลองอีกทีสิ ว่าผลลัพธ์มันจะเหมือนเดิมมั้ย”
จากนั้นเมอร์ลินก็เพ่งมองไปที่ประติมากรรมนูนอีกครั้ง เขาจ้องลวดลายจากล่างขึ้นบน
“หื้ม?”
ดูเหมือนประติมากรรมนูนจะสั่นเล็กน้อย จากนั้นเมอร์ก็รู้สึกแปลก ๆ ราวกับโลกกำลังสั่นไหว เขาเห็นผู้ชายเปลือยในรูปปั้นกลับมามีชีวิตอีกครั้ง เขาจ้องมองการเคลื่อนไหวของชายเปลือยอย่างจริงจัง
การเคลื่อนไหวมีความซับซ้อนมากและท่วงท่ามันเหมือนจะเหยียดยืดร่างกายออก จู่ ๆ ร่างกายของเมอร์ลินได้ขยับตามท่วงท่าของชายเปลือยโดยไม่รู้ตัว
“อึก!! เจ็บจัง”
เมอร์ลินอดไม่ได้ที่จะร้องออกมา ในระหว่างที่ร่างกายของเขาขยับไปมาโดยไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ จากนั้นสติของเมอร์ลินก็ค่อย ๆ เลือนหายไป…
เขาได้ลืมตาขึ้นและพบว่าตัวเองนอนอยู่บนพื้น เขาได้ลุกยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาหันไปมองประติมากรรมนูนอย่างไม่เข้าใจ
‘รูปปั้นนี้มันคือะไรกันและเกิดอะไรขึ้นกับฉัน!’
เมอร์ลินรู้สึกหวาดกลัว เขาไม่กล้ามองดูรูปปั้นนั้นอีก ความรู้สึกที่ไม่สามารถควบคุมร่างกายของเขาเองได้นั้นน่ากลัวมาก มันทำให้เขาสั่นเทาเมื่อคิดถึงมัน รูปปั้นนี้ช่างสะพรั่นพรึงอย่างแท้จริง
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงเมอร์ลินก็สงบสติอารมณ์ได้แต่เขาตั้งใจที่จะไม่มองมันอีก
“ท่าทางพวกนั้นมันคืออะไรกันนะ?” เขากล่าวอย่างสงสัย
เมอร์ลินได้ลองเลียนแบบการท่วงท่าพวกนั้นดู เขาคิดว่าเขาควรจะทำมันด้วยตัวในขณะที่ยังมีสติอยู่คิดอยู่จะดีกว่า
สำหรับท่วงท่าของประติมากรรมนูนนั้น มันมีความซับซ้อนมาก เขาต้องทำมันอย่างช้า ๆ ทีละขั้นตอน โชคดีที่เขาพอจะจำมันได้ เขาจึงสามารถขยับการเคลื่อนไหวตามท่าต่าง ๆ ได้อย่างสมบูรณ์
คราวนี้เมอร์ลินไม่ตกอยู่ในการควบคุมจึงทำให้เขารู้สึกถึงบางอย่างที่เปลี่ยนไป
“อืม ก่อนหน้านี้มันยังหนาวอยูเลยแต่ทำไมตอนนี้ถึงร้อนแบบนี้นะ หื้ม ดูเหมือนกล้ามของจะกระชับขึ้นนะ” เมอร์ลินรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของเขา
หลังจากนั้น เมอร์ลินก็ได้ออกกำลังกายตามท่าทางของประติมากรรมนูนต่ออีกครึ่งชั่วโมง แม้เขาจะไม่รู้สึกถึงอะไรที่ผิดปกติแต่เขารู้สึกว่ากล้ามเนื้อกับกำลังกายของเขาเพิ่มขึ้น
เขาได้ฝึกท่วงท่าอย่างต่อเนื่องจนเวลาล่วงเลยไปถึงเวลากลางคืน
*ปังปังปัง!*
ทันใดนั้นมีเสียงเคาะประตูชุดหนึ่งก็มาจากประตู
“เมอร์ลิน พี่กำลังทำอะไรอยู่ในห้องน่ะ?”
เมอร์ลินรู้สึกตกกับเสียงที่ดัง เขาเปิดประตูและเห็นว่าท้องฟ้ามืดแล้วในตอนนี้
เมซี่มองเมอร์ลินด้วยความสับสน จากนั้นกลิ่นเหงื่อเของเขาก็กระทบเข้ากับจมูกของเธอ เธอเห็นว่าเมอร์ลินเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ
“พี่เมอร์ลิน พี่ไปทำอะไรมาเนี่ย ทำไมเหงื่อถึงได้ออกเยอะขนาดนี้?”
นอกจากเมอร์ลินเพิ่งสังเกตเห็นว่าเขาถูกปกคลุมไปด้วยเหงื่อ เขายังความรู้สึกอบอุ่นอยู่ภายในและมีพลังบางอย่างที่แฝงอยู่ในร่างกายของเขาซึ่งทำให้เขากระชับกระแชงไร้ซึ่งความอ่อนเพลีย
“ฉันแค่เห็นว่ามันมืดแล้ว เลยขึ้นมาดูว่า พี่กลับมาหรือยัง”
เมซี่ยังคงพยายามแอบดูในภายในห้องแต่ถูกตัวเมอร์ลินขวางเอาไว้ ดังนั้นเธอจึงไม่เห็นอะไรเลย เธอทำได้แค่ปิดจมูกและพูดว่า
“ให้ลูเซียเตรียมน้ำร้อนให้ก่อนแล้วกัน แล้วพี่ก็อาบน้ำก่อนลงไปด้วยนะ”
เมอร์ลินพยักหน้าและยอมรับว่ากลิ่นเหม็นจากเหงื่อไคลเหม็นมาก แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังทนไม่ได้กับกลิ่นนี้
หลังจากนั้นไม่นาน ลูเซียเตรียมน้ำร้อนไว้ในอ่างอาบน้ำ เมอร์ลินถอดเสื้ออันผ้าเปียกโชกของเขา ก่อนจะลงไปในอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่
น้ำที่อุ่นกำลังดีมันทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย
เขาได้นอนแช่อ่างอาบน้ำและพลางจ้องมองเพดานอย่างเงียบ ๆ