Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1030
หลิงฮันในฐานะมือปราบหุ่นเชิด บวกกับจักรพรรดิจอมอสูรที่เปรียบเสมือนจอมยุทธระดับสุริยันจันทรา ในไม่ช้าหุ่นเชิดที่เหลือก็ถูกกำจัดอย่างรวดเร็ว
หยินหยวนเซียง ฟู่เทียน และจินจื้อฮุยดูไม่สบอารมณ์ ถ้าพวกเขาไม่มีหลิงฮันคอยช่วยเหลือ พวกเขาคงหนีไม่พ้นความตาย
ทำไมเขาแข็งแกร่งถึงขนาดต่อกรกับอีกฝ่ายที่เป็นระดับสุริยันจันทราได้?
แม้แต่หยางเทียนเฉิงก็ไม่อาจต่อกรด้วยได้มิใช่หรือ?
เมื่อพูดถึงหยางเทียนเฉิง ทุกคนดูโศกเศร้าเล็กน้อย คนอย่างเขาไม่สมควรมาตายที่นี่
หลังจากจบการต่อสู้ ฟู่เทียนก็เริ่มรักษาบาดแผลที่ได้รับทันที ด้วยนิสัยของเขาแล้ว เขาไม่ต้องการที่จะเป็นตัวถ่วงของคนอื่น
“นายท่านจะไล่ตามมันไปหรือไม่?” จักรพรรดิจอมอสูรถาม
หลิงฮันคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่จะส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่ อีกฝ่ายรู้จักที่นี่ดีและอาศัยอยู่ที่นี่มาเป็นหมื่นปี ถึงจะตามไปพวกเราก็คงจะหาเขาไม่พบ”
“ถ้าเจ้าไม่ตามเขาไป เขาก็จะทำเรื่องโหดร้ายแบบนี้อีก!” สุ่ยเยี่ยนยวี่กล่าว
หลิงฮันพูดว่า “ถ้างั้นพวกเราคอยตรวจสอบที่นี่กันก่อนว่าตาแก่นั่นทิ้งเบาะแสอะไรไว้บ้าง และในความเป็นจริงพวกเราแทบจะไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับตาแก่นั่นเลย ดังนั้นพวกเราจะต้องทำความรู้จักอีกฝ่ายเสียก่อนจะได้เตรียมแผนรับมือถูก”
“นายท่านช่างฉลาดปราดเปรื่องยิ่งนัก!” จักรพรรดิจอมอสูรรีบพูดประจบทันที
หลิงฮันมองไปที่จักรพรรดิจอมอสูรและโยนหุ่นเชิดออกมาพร้อมกับพูดว่า “เจ้าเข้าไปสิงในหุ่นเชิดตัวนี้”
จักรพรรดิจอมอสูรไม่เข้าใจ หุ่นเชิดที่เขาสิงอยู่ก็แข็งแกร่งแล้วมิใช่หรือ? แต่เมื่อเห็นว่าแววตาของเขาเต็มไปด้วยความรังเกียจ ทำให้เขาเข้าใจควาหมายทันที
ในฐานะที่เจ้านายของเขาเป็นมนุษย์คนหนึ่ง เขาย่อมเกลียดที่มนุษย์ถูกทำให้กลายเป็นหุ่นเชิด
จักรพรรดิจอมอสูรรีบย้ายร่างของตัวเองไปสิงหุ่นเชิดอีกตัวทันที
จากนั้นหลิงฮันก็เผาหุ่นเชิดที่ถูกดัดแปลงมาจากมนุษย์ในห้องทำงานของเผยจี้
ในตอนแรกหลิงฮันก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก แต่พวกเขาก็ค้นพบบันทึกประจำวันของเผยจี้และเผยให้เห็นถึงความผิดปกติของอีกฝ่าย
“ที่แท้หุ่นเชิดผู้ชายวัยกลางคนและผู้หญิงคนนั้นคือศิษย์พี่ชายและศิษย์พี่หญิงของเขาเอง ซึ่งพวกเขาทั้งสามคนต่างก็เป็นปรมาจารย์เชิดหุ่น”
“เขาแอบหลงรักศิษย์พี่หญิงมาโดยตลอด แต่ทว่าศิษย์พี่หญิงกลับเลือกที่จะแต่งงานกับศิษย์พี่ชายของเขา”
“ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมาให้เห็น แต่หลังจากที่อาจารย์ของพวกเขาตายจากไป เขาก็วางยาพิษพวกเขาทั้งสองคน และดัดแปลงพวกเขาให้กลายเป็นหุ่นเชิด”
“ข้าไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหุ่นเชิดชายวัยกลางคนถึงเต็มไปด้วยดาบและกระบี่ปักอยู่บนร่าง มันเป็นเพราะเผยจี้เกลียดชังเขามาก!”
“เขาช่างโง่เขลายิ่งนัก! ถึงฆ่าหญิงสาวที่ตัวเองหลงรักและทำให้นางกลายเป็นหุ่นเชิด!”
ในบันทึกยังอธิบายวิธีการดัดแปลงศิษย์พี่ชายและศิษย์พี่หญิงให้กลายเป็นหุ่นเชิดอย่างละเอียดยิบ
“พวกเขาจะรู้สึกยังไงที่ถูกศิษย์น้องของตัวเองหักหลัง และถูกทำให้กลายเป็นหุ่นเชิด” สุ่ยเยี่ยนยวี่ส่ายหัวและรู้สึกโกรธ
“ดังนั้น…การเลือกศิษย์ไม่เพียงแค่ต้องมองถึงพรสวรรค์เพียงอย่างเดียว แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือนิสัย มิฉะนั้นก็จะเหมือนมีหมาป่าอยู่รอบตัว” หลิงฮันพูดพึมพัม ซึ่งทำให้จักรพรรดิจอมอสูรแปลกใจเล็กน้อย หรือว่าเจ้านายจะพูดเพื่อสื่อถึงเขา?
ฉัวะ!
ในขณะนั้น แสงดาบแทงทะลุผ่านร่างกายของหลิงฮันมันทั้งรวดเร็วและทรงพลัง และไม่มีใครคาดคิด เพราะการต่อสู้ได้จบลงแล้ว และพวกเขาที่เหลือก็ได้ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันอีกด้วย แล้วจะมีคนลอบโจมตีหลิงฮันได้อย่างไร?
ซวบ!
ปลายดาบเริ่มมิดดาบ ทันใดนั้นเองหลิงฮันก็ระเบิดเสียงคำรามและหันหลังกลับทันทีเพื่อตอบโต้ จักรพรรดิจอมอสูรเองก็เคลื่อนไหวเช่นกัน และตวัดกรงเล็บไปที่คนที่ลอบโจมตีเจ้านายของเขา
มือสังหารไม่มีเวลาที่จะดึงดาบออกจากร่างของหลิงฮันและปล่อยมือออกจากดาบทันที แล้วกระโดดถอยออกไปตั้งหลักด้านหลังประมาณห้าถึงหกฟุต
นางคือหยินหยวนเซียง!
“หลิงฮัน!” สุ่ยเยี่ยนยวี่กรีดร้องและรีบเข้าไปหาหลิงฮันพร้อมกับน้ำตา เมื่อเห็นดาบแทงทะลุผ่านร่างกายของหลิงฮันจนมิดด้าม
“เจ้า..เจ้าทำอะไรลงไป!” จินจื้อฮุ่ยรู้สึกโกรธมากและตะโกนใส่หยินหยวนเซียง
มีเพียงแค่ฟู่เทียนเท่านั้นที่ยังคงนั่งอยู่บนพื้น และสามารถเห็นได้ว่าบาดแผลของเขายังไม่ฟื้นตัวดี
หลิงฮันจ้องมองไปที่หยินหยวนเซียงและพูดด้วยเสียงที่แหบแห้งว่า “เจ้าคือนักฆ่าตัวจริงบนเรือ!”
“ทำไมเจ้าถึงคิดแบบนั้น?” บุคลิกของหยินหยวนเซียงเปลี่ยนไปและเผยสีหน้าที่ภาคภูมิใจ แม้แต่กลิ่นอายของนางก็ยังแข็งแกร่งขึ้น
หลิงฮันกระอักโลหิตคำโตออกมา ใบหน้าของเขาเริ่มซีดขาวและพูดว่า “ก่อนที่โจวเกาหยางจะตาย เขาพูดว่าเขาไม่ใช่ฆาตกร”
หยินหยวนเซียงจะปิดชีพหลิงฮันเลยก็ได้ แต่ตอนนี้นางไม่รีบร้อนและพูดว่า “เพื่อที่จะมีชีวิตรอด เป็นธรรมดาที่เขาจะพูดปฏิเสธมิใช่หรือ?”
หลิงฮันส่ายหน้าและพูดว่า “ในช่วงเวลาที่สำคัญแบบนั้น ถ้าเขาเป็นฆาตกรจริง เขาควรจะร้องขอความเมตตา แทนที่จะพูดว่าตัวเองไม่ใช่ฆาตกร”
“ถ้างั้น เจ้าเลยเริ่มสงสัยตั้งแต่ตอนนั้น?” หยินหยวนเซียงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
“ใช่” หลิงฮันพยักหน้า “ข้าคิดว่า ในเมื่อสมาคมราตรีนิรันดร์สามารถส่งนักฆ่ามาสังหารข้าได้ แล้วทำไมพวกมันจะส่งมาสองคนไม่ได้ คนหนึ่งเป็นนกต่อ ส่วนอีกคนคอยอยู่ในเงามืด!
หยินหยวนเซียงลักเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นนางก็ส่งเสียงหัวเราะและพูดว่า “อย่างที่เจ้าพูด ดูเหมือนข้าไม่ต้องปิดบังอะไรแล้ว ข้าเป็นนักฆ่าที่สมาคมราตรีนิรันดร์ส่งมาสังหารเจ้า แล้วดาบที่ข้าใช้แทงเจ้านั้นก็ถูกอาบไปด้วยยาพิษ แม้แต่จอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นต้นก็ยังต้องตาย!”
สุ่ยเยี่ยนยวี่รู้สึกตกตะลึง ตอนแรกนางมั่นใจมากว่าหลิงฮันจะต้องไม่เป็นอะไร แต่หลังจากที่ได้ยินว่าดาบเล่มนี้ถูกอาบไปด้วยยาพิษ ทำให้ความมั่นใจของนางหายไปในทันที
แต่ทว่าหลิงฮันกลับเพียงแค่ยิ้มและพูดว่า “ตอนแรกข้าแค่สงสัย แต่ในเมื่อเจ้าพูดยอมรับแล้วมันก็ทำให้ข้าแน่ใจแล้ว!”
เขายืนตัวตรงและยกไหล่ซ้ายขึ้น แล้วดาบก็ตกลงบนพื้น
ปรากฏว่าดาบไม่ได้แทงทะลุผ่านร่างกายของเขา แต่มันแทงทะลุระหว่างแขนและลำตัวของเขาไป!
“อะไรกัน!” สีหน้าของหยินหยวนเซียงเปลี่ยนไปทันที นางไม่อาจทำใจเชื่อได้และพูดว่า “ข้าเห็นกับตาว่าดาบแทงทะลุหัวใจของเจ้า! ข้าไม่มีทางทำพลาดอย่างแน่นอน! เว้นแต่ว่า-” นางจ้องมองไปที่หลิงฮํน “เว้นแต่ว่าเจ้าจะรู้อยู่แต่แรกแล้ว!”
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ในเมื่อข้าสงสัยว่าสมาคมราตรีนิรันดร์จะต้องส่งนักฆ่ามาสังหารข้ามากกว่าหนึ่งคน แล้วข้าจะไม่ตื่นตัวอยู่ตลอดได้อย่างไร?”
“แต่ทำไมเจ้าถึงสงสัยข้าทั้งที่ข้าปกปิดพลังของตัวเองด้วยวิธีการลับแล้ว?” หยินหยวนเซียงดูสับสน
หลิงฮันพยักหน้าและพูดว่า “เจ้าปกปิดพลังของตัวเองได้ยอดเยี่ยม แต่เมื่อเจ้าถูกหุ่นเชิดล้อม เจ้าใช้พลังที่เหนือกว่าระดับพลังของเจ้าออกมา แล้วในตอนนั้นเองที่ข้าสงสัยเจ้า”
หยินหยวนเซียงดูตกตะลึง ในสถานการณ์ที่วุ่นวายแบบนั้น หลิงฮันยังมีเวลามาสนใจคนอื่นอีกหรือ นี่เขาเป็นสัตว์ประหลาดหรือไง?
“หึ่ม ในเมื่อวิธีธรรมดาฆ่าเจ้าไม่ได้ผล ดูเหมือนข้าจะต้องใช้วิธีการพิเศษเพื่อฆ่าเจ้า!” หยินหยวนเซียงแสยะยิ้ม และชักอาบออกมาอีกครั้งพร้อมกับปลดปล่อยกลิ่นอายที่เย็นชา