Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1039
อีกคนที่ปะทะด้วยคือชายที่ดูเหมือนมีอายุสี่สิบปี ร่างของเขาเปลือย ร่างท่อนบนของเขาเปลือยเปล่าและเต็มไปด้วยมัดกล้าม แต่สิ่งที่น่าตกตะลึงคือตามผิวของเขามีรูปแบบอาคมที่ทรงพลังสลักเอาไว้ ผิวของเขานั้นดูแล้วเหมือนไม่ใช่ผิวหนังแต่เป็นเหล็กกล้า
ใช่ไม่เพียงเท่านั้น หลังของเขาเองก็มีหนามหลายสิบแท่งโผล่ออกมาจากบริเวณสันหลัง หนามแต่ละแท่งมีขนาดยาวถึงสองฟุต
รอบกายเขาถูกปกคลุมไปด้วยปราณสีดำที่หลิงฮันรู้สึกคุ้นเคย
ปราณอสูร!
ถูกแล้ว มันคือปราณอสูรไม่ผิดแน่
ชายคนนี้คือสิ่งมีชีวิตจากดินแดนใต้พิภพ ส่วนชายชราเป็นคนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ นี่คือการต่อสู้ระหว่างสองตัวตนที่ทรงพลังที่สุด
พวกเขาปะทะกันโดยที่สามารถเปลี่ยนชนาดร่างกายได้ตามต้องการ บางครั้งพวกเขาก็มีรูปร่างเท่าคนทั่วไป แต่บางครั้งร่างของพวกเขามีขนากสูงถึงร้อยล้านฟุต เพียงแค่พวกเขาขยับมือก็สามารถหยิบจับดวงดาวเอาไว้ได้และปาใส่อีกฝ่าย
การต่อสู้ของทั้งสองคนแทบจะทำให้ระบบสุริยะพังทลาย
หลิงฮันมองด้วยปากที่อ้าค้าง อำนาจแห่งกฎเกณณ์ของทั้งสองคนเข้าชนกันจนเกิดเป็นพลังทำลายล้างที่แท้แต่จอมยุทธระดับดาราก็ต้องถูกบดขยี้
แต่ต่อให้พลังทำลายล้างจะน่าสะพรึงกลัวก็ไม่ได้ส่งผลกระทบใดๆของทั้งสองคนแม้แต่น้อย ทั้งสองปะทะกันจนทำให้ความเสียดายเพิ่มขึ้นไปอีก
แต่สุดท้ายสิ่งมีชีวิตของดินแดนใต้พิภพก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เขาถูกชายชราใช้พลังทั้งหมดโจมตีจนร่างลอยกระเด็นและชนเข้ากับดวงดาว ร่างของเขาแนบติดไปกับเศษดวงดาวและลอยไปตามจักรวาลที่มืดมิด
การโจมตีที่รุนแรงทำให้กายหยาบของเขาแหลกสลายและสัมผัสสวรรค์ก็ถูกทำลาย ตามตรรกะทั่วไปแล้ว เขาควรจะตายไปแล้ว
สิ่งมีชีวิตใต้พิภพและเศษดวงดาวล่องลอยอยู่ในจักรวาลเป็นเวลานานจนไม่อาจจำได้ว่าวันเวลาผ่านไปเท่าใด แต่ในที่สุดเศษดวงดาวก็ล่วงลงสู่ดาวดวงหนึ่งและเปลี่ยนพื้นทีราบเรียบให้เป็นมหาสมุทร
มหาสมุทรดารา!
หลิงฮันเข้าใจในที่สุด ที่แท้แต่ปรมาจารย์สองคนได้เข้าปะทะกัน ฝ่ายหนึ่งพ่ายแพ้และถูกสังหาร ร่างของฝ่ายที่พ่ายแพ้ติดอยู่กับเศษดวงดาวและลอยมายังดาวเหอหนิง และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดมหาสมุทรดาราขึ้นมา
แต่ใครจะไปคาดคิดว่าสิ่งที่ทำให้เกิดมหาสมุทรดาราจะเป็นสิ่งมีชีวิตจากดินแดนใต้พิภพ
เขามีระดับพลังเท่าใดกันแน่ …ระดับสร้างสรรพสิ่ง?
หลิงฮันยังไม่ทันจะได้ขยับตัวก็สัมผัสได้ถึงความปั่นป่วน จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความอาฆาต
สังหาร… เขาต้องการสังหารทุกสิ่งบนโลกใบนี้!
นี่คือเจตจำนงของสิ่งมีชีวิตใต้พิภพ
แม้อีกฝ่ายอาจจะตายไปนานแล้ว แต่เศษเสี้ยวเจตจำนงที่เหลืออยู่ของตัวตนระดับนั้นก็สามารถครอบงำจอมยุทธคนอื่นได้ ตอนนี้ปราณอสูรครอบงำไปทั่วจิตใจของหลิงฮัน มันพยายามที่จะทำลายนิสัยเดิมของเขาและจะเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นอสูร
หลิงฮันเค้นเสียง หากเป็นภายนอกเขาอาจจะถูกครอบงำ แต่ตอนนี้เขาอยู่ในหอคอยทมิฬ!
ระดับสร้างสรรพสิ่งอาจจะแข็งแกร่งที่สุดในจักรวาลก็จริง แต่ปรมาจารย์จากดินแดนใต้พิภพคนนี้ไม่รู้ว่าตายไปนานเท่าใดแล้ว
หลิงฮันโคจรอำนาจของหอคอยทมิฬเพื่อต่อต้านปราณอสูร
หลิงฮันรีดเค้นพลังด้านลบแห่งความปั่นป่วนและความกระหายเลือดของปราณอสูรออกมาจนเหลือเพียงพลังงานที่บริสุทธิ์และชี้นำมันไปยังตันเถียน พลังงานบริสุทธิ์ถูกเปลี่ยนเป็นก้อนลูกบอลพลังงานที่มีขนาดไม่เกินไข่ไก่
ที่น่าตกใจก็คือก้อนพลังงานนั้นเต็มไปด้วยพลังบริสุทธิ์ที่แม้แต่จอมยุทธระดับภูผาวารีก็สามารถดูดซับได้ หลิงฮันค้นพบว่าภูผาลูกที่สองของเขากำลังขยายใหญ่ด้วยความเร็วที่น่าตะลึง หากเป็นเช่นนี้คาดว่าเขาจะสามารถบรรลุระดับภูผาวารีขั้นกลางราวๆชั้นปลายได้ในระยะเวลาหนึ่งเดือน
นี่มันน่าอัศจรรย์มาก!
ต้องรู้ก่อนว่าระดับภูผาวารีขั้น ในทุกๆชั้นพลังจำเป็นต้องใช้เวลาถึงหมื่นปีกว่าจะทะลวงผ่านได้ มีเพียงทายาทของจอมยุทธระดับดาราอย่างจ้าวหลุนและชาหยวนเท่านั้นที่มีทรัพยากรจำนวนมาก ทั้งสองจึงใช้เวลาเพียงหลายร้อยปีในการบ่มเพาะพลัง
ส่วนหลิงฮันน่ะรึ?
หากเขายังบ่มเพาะพลังด้วยความเร็วเช่นนี้ต่อไป บางทีเขาอาจจะสามารถบรรลุระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดชั้นสูงสุดได้ภายในไม่กี่ปี
“ไม่มีอะไรต้องแปลกใจ สิ่งนี้คือพลังชีวิตของจ้าวอสูร” หอคอยน้อยกล่าวแทรก
“จ้าวอสูร!” ถึงแม้หลิงฮันจะคาดเอาไว้อยู่แล้ว แต่เขาก็ยังตะลึงอยู่ดี
จ้าวอสูรนั้นหากเทียบกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็คือระดับสร้างสรรพสิ่งนั่นเอง
“ความนึกคิดและกายหยาบของของจ้าวอสูรถูกทำลายไปนานแล้ว แต่เพราะความแข็งแกร่งของระดับสร้างสรรพสิ่ง ต่อให้เศษร่างกายถูกทิ้งเอาไว้หลายร้อยหลายปีก็ยังคงมีพลังเหลืออยู่ดี” หอคอยน้อยกล่าว
หลิงฮันพยักหน้า เนื่องจากมีร่างของจ้าวอสูรอยู่ มหาสมุทรจึงสร้างแรงโน้มถ่วงนี้ที่รุนแรงขึ้นมา
ไม่น่าแปลกใจที่ทำไมถึงมีปราณอสูรลอยออกมาจากเกาะของเผยจี่ ที่แท้รูของเกาะนั่นก็เชื่อมต่อกับทะเลแห่งนี้นี่เอง
หลิงฮันสำรวจในตันเถียนตนเอง พลังงานของจ้าวอสูรถูกเปลี่ยนเป็นบอลพลังงานสีดำและปลดปล่อยพลังงานอันไร้ที่สิ้นสุดออกมาเพื่อหล่อเลี้ยงร่างกายและพลังบ่มเพาะของเขา
พลังงานถูกหล่อเลี้ยงอยู่ตลอดเวลา จากที่ดูแล้วพลังงานเหล่านี้เพียงพอที่จะช่วยให้เขาบรรลุระดับสุริยันจันทรา!
สิ่งนี้คือพลังชีวิตของจ้าวอสูร มันจะแปลกอะไรหากมันสามารถช่วยให้หลิงฮันบรรลุระดับสุริยันจันทรา? หากไม่ใช่เพราะเวลาที่ผ่านไปนานและสูญเสียพลังส่วนใหญ่ไปแล้ว มันสมควรจะสามารถช่วยให้หลิงฮันบรรลุระดับดารา หรืออาจจะระดับวารีนิรันดร์ด้วยซ้ำ!
“โชคดีที่พลังจากก้อนพลังถูกปล่อยออกมาทีละนิด ไม่เช่นนั้นร่างของข้าคงจะระเบิดไปแล้ว”
หลิงฮันรู้สึกหวาดกลัวไปพร้อมๆกัน แม้เขาจะสามารถบรรลุระดับสุริยันจันทราได้ในระยะวเลาสั้นๆ แต่ก้อนพลังนี้มีอำนาจที่น่ากลัวขนาดไหน? มันไม่ต่างอะไรกับการเก็บก้อนระเบิดเอาไว้ในตัวเลย
“สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่การเพิ่มความเร็วในการบ่มเพาะพลัง แต่เป็นอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของดินแดนใต้พิภพที่จ้าวอสูรสั่งสมมา หากข้าเข้าใจมันได้ในระดับหนึ่งข้าจะสามารถควบคุมอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ได้ทั้งของดินแดนใต้พิภพและดินแดนศักดิ์สิทธิ์ สิ่งนี้ต่างหากที่ยอดเยี่ยมที่สุด”
“แต่ข้าเคยได้ยินมาว่ากฎเกณฑ์ของทั้งสองดินแดนนั้นขัดแย้งกัน กฎเกณฑ์ทั้งสองไม่สามารถอยู่รวมกันได้”
“ช่างมัน… เรื่องนี้จะเป็นไปได้หรือไม่ก็ต้องเป็นหลังจากข้าบรรลุระดับสร้างสรรพสิ่ง ไว้ค่อยคิดทีหลังแล้วกัน”
“จากสิ่งที่ข้าเห็น เหตุผลที่ทำไมมหาสมุทรดารามีแรงโน้มถ่วงที่น่าสะพรึงกลัวนั้นเป็นเพราะจ้าวอสูรตนนี้ แล้วในเมื่อข้าครอบครองแก่นพลังของจ้าวอสูรแล้ว นั่นก็หมายความว่ามหาสมุทรแห่งนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับมหาสมุทรธรรมดาแล้วน่ะสิ?”
“ฮ่าๆ ทีนี้ข้าก็สามารถกลับขึ้นไปได้แล้ว!”
“เห้อ ข้าช่างโชคดียิ่งนัก การที่เปิดสวรรค์สำเร็จจะได้รับวาสนาจากสวรรค์และปฐพีคงไม่ใช่เรื่องโกหกแล้ว”
“นอกจากนั้นแล้ว…”
หลิงฮันตั้งสมาธิ ทันใดนั้นต้นกำเนิดพลังในตันเถียนของเขาก็อบอวลไปด้วยพลังงานของจ้าวอสูร คลื่นปราณอสูรที่ราวกับเส้นไหมถูกปลดปล่อยออกมาทำให้กลิ่นอายของเขาเปลี่ยนไป แม้แต่ลมหายใจของเขาก็กลายเป็นไอสีดำ ตัวของหลิงฮันในตอนนี้ราวกับกลายเป็นอสูรไปแล้ว
“ฮ่าๆๆ ข้าสามารถปลอมตัวเป็นสิ่งมีชีวิตของดินแดนใต้พิภพได้!”
“ให้จักรพรรดิจอมอสูรดูให้แล้วกันว่ามีข้อบกพร่องใดๆรึเปล่า”
หลิงฮันยิ้ม