Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1066
“ไม่ใช่!” ราชาสวรรค์เก้าเพลิงสวรรค์รีบส่ายหัว “ต่อให้เป็นอุปกรณ์มิติระดับศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่สามารถหายไปอย่างไร้ร่องรอยโดยที่ไม่อาจสัมผัสได้! เขาใช้ทักษะลับอันใดกันแน่?”
“เจ้าหนูนั่นเป็นใครกันแน่?”
เขาพึมพำคนเดียว “ดาบเก้าอสุรกายเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง ไม่ว่ายังไงก็ห้ามล้มเหลว ยิ่งกว่านั้นก็ใกล้จะถึงวันเก็บเกี่ยวแล้ว แผนการมิอาจถูกทำลาย!”
“ข่าวนี้จะรั่วไหลไปถึงหูของจอมยุทธที่ทรงพลังคนอื่นรึยังนะ?”
“แต่ด้วยพลังของข้า นอกจากจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนกับจักรวรรดิราชวงศ์นภาสีครามแล้วใครจะต่อต้านพวกเรา?”
“ถ้าพวกจักรวรรดิราชวงศ์รู้ตัวแล้ว พวกเขาสงกองทัพขนาดใหญ่มาแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะส่งมาเพียงจอมยุทธระดับภูผาวารีตัวจ้อย!”
“บัดซบ! ไม่เห็นเข้าใจสถานการณ์เลย!”
“แต่ไม่ว่าอย่างไรการสังเวยโลหิตมาใกล้มาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว พรุ่งนี้จักรพรรดิจะเป็นคนมาที่นี่และเก็บเกี่ยวดาบเก้าอสุรกายด้วยตัวเอง ต่อให้วันนี้ผู้บุกรุกจะรอดไปได้ แต่หากจักรพรรดิได้ดาบเก้าอสุรกายมาครอง พวกเรายังจะต้องกลัวใครอีก?”
เขาเลิกพึมพำกับตนเองและกวาดสายตามองผู้คุ้มกันแท่นบูชา “ทำการสังเวยโลหิตต่อไปและห้ามผิดพลาดเด็ดขาด!”
“ขอรับองค์ราชา!”
ราชาสวรรค์เก้าเพลิงสวรรค์มาดูแลความปลอดภัยด้วยตัวเองพร้อมกับการสังเวยโลหิตที่ดำเนินต่อไป ทีนี้หากมีบุกรุกอีกใครกันจะสามารถหลบหนีไปได้?
“บัดซบ!!”
หลิงฮันไร้คำพูด ถ้ามีเพียงจอมยุทธระดับสุริยันจันทราเขายังคงหาทางหลบหนีได้ แต่นี่จอมยุทธระดับดาราขั้นสูงถึงขนาดมาคุ้มกันที่นี่ด้วยตัวเอง หากเขาออกจากหอคอยทมิไปตอนนี้เขาคงถูกจับได้ในไม่กี่อึดใจ
“ลองดูก่อนแล้วกัน” หลิงฮันโยนร่างของผู้คุ้มกันแท่นบูชาออกไป
‘พรึบ’ ราชาสวรรค์เก้าเพลิงสวรรค์ปรากฏตัวทันทีและจ้องมองไปยังร่างที่ถูกโยนออกมา
เป็นอย่างที่คิด สัมผัสสวรรค์ของราชาสวรรค์เก้าเพลิงสวรรค์โอบหุ้มไปทั่วแท่นบูชาแล้ว ตราบใดที่มีความผิดปกติแม้เล็กน้อย เขาก็จะเคลื่อนไหวทันที
“เหอๆ เจ้าหนูน้อย เจ้าคิดจะซ่อนตัวไปถึงเมื่อไหร่?” ราชาสวรรค์เก้าเพลิงสวรรค์หัวเราะ “ข้าไม่รู้ว่าเจ้าใช้วิธีใดในการซ่อนร่องรอย แต่เจ้าเป็นเพียงระดับภูผาวารี เจ้าคิดว่าจะซ่อนตัวจากข้าไปได้ตลอด?”
เขาหยุดพูดไปชั่วครู๋ก่อนจะกล่าวต่อ “ข้าจะให้โอกาสเจ้าโผล่ตัวออกมา ข้าสามารถยอมปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่ได้และบางทีอาจจะยอมให้เจ้าเป็นคนรับใช้ของข้า”
สำหรับตัวตนที่ทรงพลังเช่นเขา การได้มาเป็นคนรับใช้นั้นไม่ใช่ความอัปยศ แต่เป็นความรุ่งโรจ
ที่จริงมีเพียงจอมยุทธระดับสุริยันจันทราระดับสูงสุดเท่านั้นถึงจะได้รับสิทธิ์นี้
หลิงฮันจะต้องไม่ปฏิเสธข้อเสนอเขาแน่
ราชาสวรรค์เก้าเพลิงสวรรค์รอสักพักก่อนจะถอนหายใจด้วยความโกรธและกล่าวอย่างเย็นชา “ในเมื่อเจ้ายืนกรานที่จะดื้อรั้นข้าก็จะสนองให้!”
ตูม!
เพลิงทั้งเก้าเบื้องหลังของเขาขยายกระจายตัวออกเกิดเป็นคลื่นเปลวเพลิงเผาผลาญระยะรัศมีใกล้ๆ พื้นหินที่ถูกเผาเริ่มหลอมละลาย
แต่ว่าก็ไม่มีใครปรากฏตัว
ราชาสวรรค์เก้าเพลิงสวรรค์อดที่จะรู้สึกตกตะลึงไม่ได้ ตั้งแต่ตอนที่เขาปรากฏตัวเวลาก็ยังผ่านไปไม่ถึงหนึ่งร้อยลมหายใจ เขาจึงคาดว่าอีกฝ่ายคงยังหนีไปไหนไม่ได้และกำลังลบกลิ่นอายร่องรอยของตนเองด้วยทักษะลับบางอย่าง
แต่ภายใต้การเผาผลาญของเก้าเพลิงของเขากลับไม่มีใครโผล่ออกมา?
นี่มันเหลือเชื่อยิ่งนัก!
ต่อให้อีกฝ่ายเป็นจอมยุทธระดับดาราเหมือนกับเขา ภายใต้การเผาผลาญของเก้าเพลิงของเขา อีกฝ่ายจะต้องใช้พลังเต็มที่เพื่อต้านทาน และหากอีกฝ่ายลงมือก็ต้องมีร่องรอยของการปราณก่อเกิดอยู่บ้างซึ่งเขาจะพบตัวได้ในทันที
นี่อีกฝ่ายเป็นผีรึอย่างไร?
ร่างของผู้คุ้มกันเมื่อครู่จะต้องถูกโยนออกมาจากอุปกรณ์มิติแน่นอน! แต่เขาลองค้นหาอย่างละเอียดก็ไม่พบอะไรเหมือนกับอุปกรณ์มิติระดับศักดิ์สิทธิ์อยู่ใกล้ๆเลย ต่อให้เขาไม่ให้เห็นสมบัติเช่นนั้นมาการแต่มันก็ต้องเหมือนกับอุปกรณ์มิติธรรมดาที่ต้องจับต้องได้ เช่นแหวน สร้อยคอ ขวดหยก หรืออะไรทำนองนั้น
แต่ที่นี่ไม่มีอะไรเลยนอกจากพื้นหิน
ราชาสวรรค์เก้าเพลิงสวรรค์แทบจะคลั่ง เขาที่ผ่านประสบการณ์ยากลำบากมามากมายในชีวิตและเข้าโบราณสถานอันตรายมามากมายทำให้อารมณ์ของเขาถูกหล่อหลอมจนสงบนิ่ง แต่สถานการณ์ในตอนนี้กลับทำให้เขาจะปวดตัวแทบคลั่ง
“เหอะ แต่อย่างน้อยก็ยืนยันได้แล้วว่าพลังของอีกฝ่ายอ่อนแอมาก เขาไม่ได้ปลอมแปลงตัวเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารี ที่เขากลัวไม่กล้าปรากฏตัวก็เพราะรู้ว่าจะต้องถูกข้ากำจัด”
“เอาเถอะ ตราบใดที่พี่ชายข้ามาถึงในวันนี้พรุ่งนี้และได้ครอบครองดาบเก้าอสุรกาย สิ่งที่เกิดขึ้นในแท่นบูชานี้ก็ต้องถูกล่วงรู้ไปทั่วโลกอยู่ดี”
“พวกเราถูกตัดสินให้ไร้เทียมทานที่สุด!”
เขาพูดราวกับว่าจงใจให้หลิงฮันได้สินเสียงอย่างชัดเจน
ดาบเก้าอสุรกาย?
หลิงฮันตกตะลึง นี่น่ะรึสมบัติที่พวกเขาวางแผนครอบครองอยู่?
เขาถามเรื่องสมบัตินี้กับจักรพรรดิจอมอสูร แต่จักรพรรดิจอมอสูรก็ทำได้เพียงส่ายหัว เพราะอย่างไรเขาก็ไม่ใช่คนของดินแดนแห่งนี้ แต่ในทางกลับกันเมื่อเขาถามกับลูกสุนัข มันกลับเห่าตอบกลับด้วยท่าทีตื่นเต้น
“เจ้ารู้งั้นรึ?” หลิงฮันประหลาดใจ เขาไม่คาดคิดว่าลูกสุนัขตัวนี้จะรู้เรื่องนี้ด้วย
“ข้ารู้! ข้ารู้!” ลูกสุนัขตอบด้วยท่าท่างตกตะลึง
“งั้นทำไมเจ้าไม่รีบพูดออกมาล่ะ!” จักรพรรดิแสดงออกถึงความไม่พอใจ เขารังเกียจสุนัขตนนี้มากเพราะกลัวจะถูกอีกฝ่ายแย่งความสำคัญ
ลูกสุนัขรีบวิ่งไปหาหลิงฮันและชี้ไปหาจักรพรรดิจอมอสูรด้วยอุ้งเท้าขนาดเล็ก “พี่ชาย เจ้านั่นโหดเหี้ยมยิ่งนัก!”
จักรพรรดิจอมอสูรคำรามอย่างเกรี้ยวกราด เขาต้องเรียกหลิงฮันว่านายท่าน แต่เจ้ากลับเรียกว่าพี่ชาย นี่เจ้าหาโอกาสใช้ประโยชน์จากข้างั้นรึ?
หลิงฮันยิ้ม เขานั่งขัดสมาธิและกล่าว “ไม่ต้องทะเลาะกัน ไหนเจ้าเล่าเกี่ยวกับดาบเก้าอสุรกายมาหน่อย”
“อืม!” ลูกสุนัขไม่กล้าขัดขืนหลิงฮัน “ตามตำนานที่เล่ามาตั้งแต่โบราณ บรรพบุรุษผู้ก่อตั้งจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์นั้น เมื่อหนึ่งร้อยล้านปีก่อนเขาเป็นปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งที่สุดได้สร้างดาบเล่มหนึ่งขึ้นมา มันถูกเรียกว่าดาบเก้าอสุรกาย”
“ปรมาจารย์ตระกูลฉังได้ใช้ดาบเก้าอสุรกายเล่มนั้นสยบดาวดวงนี้และกลายเป็นตัวตนที่ไร้เทียมทานที่สุด”
“แต่ต่อมา จู่ๆก็มีปรมาจารย์จากภายนอกดาวดวงนี้ปรากฏตัว ปรมาจารย์ที่ว่ากับปรมาจารย์ตระกูลฉังได้เข้าปะทะกันจนผลสุดท้ายปรมาจารย์ของตระกูลฉังเป็นฝ่ายพ่ายแพ้และดาบเก้าอสุรกายก็หายสาปสูญไปตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา”
“มีคำกล่าวว่าเก้าอสุรกายเป็นอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับวารีนิรันดร์!”
พรวด!
จักรพรรดิจอมอสูรสำลักออกมา สำหรับตัวเขาแค่ระดับสุริยันจันทราก็เรียกได้ว่าสูงส่งแล้ว ส่วนระดับดารานั้นเป็นตัวตนที่ไร้เทียมทาน ตอนนี้เมื่อมีอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับวารีนิรันดร์ปรากฏขึ้นมาเขาจึงอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง
หลิงฮันรู้สึกสงสัยถึงต้นกำเนิดของลูกสุนัขตนนี้มากขึ้นไปอีก “เจ้ารู้อะไรเยอะดีนะ”
“ถึงแม้เผ่าตระกูลของข้าจะไม่แข็งแกร่ง แต่ตระกูลข้าก็ได้ทำการรวบรวมสะสมข้อมูลของเหตุการณ์ในแต่ละยุคสมัยเอาไว้ เหตุการณ์ที่สำคัญเช่นดาบอสุรกายย่อมไม่พลาดอยู่แล้ว” ลูกสุนัขกล่าว “โคร้ายที่ข้ายังอายุน้อยเกินไปทำให้เข้าถึงข้อมูลในอย่างจำกัด”
หลิงฮันคาดเดา “ตระกูลฉังสมควรสูญเสียดาบเก้าอสุรกายไปแล้ว แต่หลังจากการสืบค้นหาเป็นระยะเวลายาวนาน พวกเขาก็พบที่อยู่ของดาบเก้าอสุรกายในที่สุด แต่เนื่องจากดาบเก้าอสุรกายเป็นอุปกรณ์ระดับวารีนิรันดร์ หรือก็คือเป็นอุปกรณ์ศักดิ์ศิทธิ์ระดับสิบสามเป็นอย่างน้อย พวกเขาจึงไม่สามารถนำมันกลับไปได้ในทันทีและปัดเป่าปราณชั่วร้ายจากดาบด้วยการสังเวยโลหิต”