Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1108
หลิงฮันหยุดกะทันหัน
“เกิดอะไรขึ้น?” สุ่ยเยี่ยนยวี่ถาม
หลิงฮันถอนหายใจและพูดว่า “เหมือนมีใครบางคนกำลังตามพวกเราอยู่”
“สมาคมราตรีนิรันดร์…จ้าวหลุนหรือว่าจะเป็นเซี่ยอู๋เฉียน?” สุ่ยเยี่ยนยวีพูดรายชื่อที่เป็นไปได้ แต่ในไม่ช้านางก็แสดงรอยยิ้มที่ขมขืน มีหลายคนที่ต้องการทำร้ายหลิงฮัน
หลิงฮันคิดอยู่ชั่วครู่แล้วพูดว่า “มันไม่น่าจะเป็นจ้าวหลุน เพราะเขาอยู่กับแม่ทัพจ้าว และถ้าเป็นเขาคงไม่ทำตัวลับๆล่อๆแบบนี้”
“ส่วนเซี่ยอู๋เฉียนเองก็เป็นไปไม่ได้ เพราะเขาไม่มีผู้ติดตามที่เป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทรา หลังจากที่เห็นพลังป้องกันของข้าแล้ว”
“สมาคมราตรีนิรันดร์จึงมีความเป็นไปได้มากที่สุด!”
หลิงฮันตัดสินใจ
“ถ้าเป็นสมาคมราตรีนิรันดร์ ทำไมถึงไม่โจมตีเจ้าโดยตรงไปเลย? หรือความแข็งแกร่งจะไม่เพียงพอเลยรอกำลังเสริม?” สุ่ยเยี่ยนยวี่คาดเดา
หลิงฮันส่ายหัวและพูดว่า “ที่แห่งนี้เป็นสถานที่แปลกประหลาดสำหรับทุกคน แม้กระทั่งทิศไหนเป็นทิศเหนือหรือใต้ก็ไม่มีใครรู้ แล้วเขาจะบอกคนอื่นได้อย่างไรว่าข้าอยู่ที่นี่?”
“มันก็จริงอย่าที่เจ้าพูด ทุกคนต่างก็เดินทางมาที่นี่เป็นครั้งแรกและไม่มีแผนที่ แล้วจะบอกคนอื่นได้อย่างไรว่าพวกเราอยู่ที่นี่?” สุ่ยเยี่ยนยวี่กล่าว “หากเป็นเช่นนั้นก็หมายความว่าอีกฝ่ายอ่อนแอเกินไปจึงไม่กล้าเผชิญหน้ากับพวกเราโดยตรง”
“อาจจะไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดก็เป็นได้” หลิงฮันไม่เห็นด้วย “บางทีอีกฝ่ายอาจสัมผัสได้ถึงตัวตนของจักรพรรดิน้อยและรู้ว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ ดังนั้นจึงมองหาโอกาสอยู่”
อืม!
สุ่ยเยี่ยนยวี่พยักหน้า นางเพิกเฉยต่อจักรพรรดิจอมอสูรโดยที่ไม่รู้ตัว เพราะส่วนใหญ่มันคอยประจบประแจงหลิงฮันอย่างไร้ยางอาย จึงทำให้นางลืมไปว่ามันก็แข็งแกร่งเหมือนกัน
“ทำไมข้าถึงสัมผัสตัวตนของคนผู้นั้นไม่ได้?” จักรพรรดิจอมอสูรถามด้วยใบหน้ามึนงง
หลิงฮันส่ายหัวและพูดว่า “แม้ว่าเจ้าจะสิงอยู่ในหุ่นเชิดระดับสุริยันจันทรา แต่ความแข็งแกร่งของเจ้ายังอยู่แค่ระดับภูผาวารีเท่านั้น ทั้งยังมีพลังวิญญาณที่อ่อนแอ จึงเป็นเรื่องปกติที่เจ้าสัมผัสไม่ได้”
จักรพรรดิจอมอสูรเผยสีหน้าผิดหวัง เพราะระดับพลังของมันไม่สามารถก้าวหน้าขึ้นได้ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์
“แล้วเจ้าจะทำยังไง?” สุ่ยเยี่ยนยวี่ถาม
“แน่นอน ข้าจะปล่อยให้จักรพรรดิน้อยออกห่างพวกเรา” หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้ม เขามียันต์อาคมเหล็กไหล ยันต์อาคมราชสีห์คลั่ง แม้อีกฝ่ายจะเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทรา เขาก็ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัว
“นายท่านจะไม่ทิ้งข้าใช่ไหม?” จักรพรรดิจอมอสูรนั่งลงเหมือนลูกสุนัข แต่น่าเสียดายที่มันไม่มีหางให้กระดิก
“ไปซะ!” หลิงฮันเตะก้นของมันทันที
“นาย-ท่าน-” จักรพรรดิจอมอสูรถูกเตะกระเด็นไปไกลหลายร้อยไมล์ทันที
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “ข้าหวังว่าคนที่ตามพวกเราอยู่จะปรากฏตัวเร็วๆนี้”
สุ่ยเยี่ยนยวี่เผยสีหน้ากังวล ถ้าอีกฝ่ายเคลื่อนไหว จะต้องเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราแน่นอน บางทีเขาอาจไม่ปล่อยโอกาสให้หลิงฮันหนีเข้าไปในหอคอยทมิฬหรือใช้ยันต์อาคม
“ไม่ต้องกังวล สามีของเจ้าไม่ใช่คนธรรดา” หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้ม
สุ่ยเยี่ยนยวี่จ้องมองตาขาวใส่ นี่เขายังมีเวลามาพูดจาอวดดีอยู่อีกหรือ?
ทั้งสองคนยังคงเดินหน้ากันต่อ ในขณะที่จักรพรรดิจอมอสูรถูกขับไล่ออกมาเพื่อสร้างโอกาสให้กับศัตรู
หนึ่งวันต่อมา
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” มีชายคนหนึ่งปรากฏตัวอยู่ด้านหน้าหลิงฮันและสุ่ยเยี่ยนยวี่
เขาเป็นชายวัยกลางคนที่ดูน่าเกลียด และมีสุริยันจันทราอยู่ด้านหลังเขาหนึ่งดวง นี่แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นจอมยอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นต้น
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมก่อนหน้านี้เขาถึงไม่ปรากฏตัว นั่นเป็นเพราะเขาไม่ได้แข็งแกร่งเท่าจักรพรรดิจอมอสูร
“เจ้าหนู เจ้าจงใจขับไล่เจ้าหุ่นกระบอกนั่นออกมาและสร้างโอกาสให้กับข้า ถึงแม้ข้าจะไม่ทราบเจตนาของเจ้า แต่…เจ้าคิดหรือว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าข้าเจ้าจะมีโอกาสหนี?” ชายวัยกลางคนแสยะยิ้ม
หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “ในที่สุดเจ้าก็ปรากฏตัวออกมาซักที ข้าคิดอยู่แล้วว่าเจ้าเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทรา แต่เจ้าไม่รู้สึกละอายใจเลยหรือที่แอบสะกดรอยตามพวกข้าสองคนที่เป็นจอมยุทธระดับภูผาวารี?”
“รนหาที่ตาย!” ชายวัยกลางคนแสดงสีหน้าเย็นชาและไม่พูดจาไร้สาระอีกต่อไป เขาเริ่มโจมตีหลิงฮันทันที
เขาเป็นนักฆ่า แน่นอนว่าการสังหารศัตรูที่เป็นเป้าหมายคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ส่วนเหตุผลที่เขาไม่โจมตีใส่หลิงฮันก่อนหน้านี้ นั่นเป็นเพราะเขากลัวจักรพรรดิจอมอสูร แต่ตอนนี้ในเมื่อุปสรรคนั่นไม่อยู่แล้ว เขายังต้องกลัวอะไรอีก
ตู้ม แสงสีดำอันไร้ที่สิ้นสุดแผ่ออกมาจากร่างกายของเขา และกลายเป็นหอกขนาดใหญ่ที่พุ่งแทงเข้าใส่หลิงฮัน
“ยันต์อาคมราชสีห์คลั่ง!” หลิงฮันนำยันต์อาคมออกมาและแปะบนร่างกายของเขา
ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกได้ว่ามีพลังอันมหาศาลกำลังไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเขาและมีอักขระศักดิ์สิทธิ์หลายร้อยแถวบนร่างกายของเขา
นอกจากระดับภูผาวารีและระดับสุริยันจันทราแล้ว มันยังมีวิธีที่ง่ายมากว่าอีกฝ่ายบรรลุระดับใด นั่นคือการนับจำนวนของอักขระศักดิ์สิทธิ์
– จอมยุทธระดับภูผาวารีจะมีอักขระศักดิ์สิทธิ์ไม่ถึงหนึ่งร้อย จอมยุทธระดับสุริยันจันทราจะมีอักขระศักดิ์สิทธิ์ไม่ถึงหนึ่งพัน ส่วนจอมยุทธระดับดาราจะมีอักขระศักดิ์สิทธิ์มากกว่าหนึ่งพันเป็นต้นไป
ตอนนี้หลิงฮันมีอักขระศักดิ์สิทธิ์มากถึงแปดร้อย!
ปัง!
หลิงฮันกำหมัดและโคจรพลังปราณเป็นหมัดยักษ์ทุบหอกทมิฬ เพียงแค่สัมผัสหอกทมิฬก็ถูกทุบด้วยหมัดยักษ์และยังมุ่งหน้าบดขยี้ชายวัยกลางคน
นี่มันอะไรกัน!
ชายวัยกลางคนกรีดร้องด้วยความตกใจ อักขระศักดิ์สิทธิ์แปดร้อยแถว! อักขระศักดิ์สิทธิ์แปดร้อยแถว!
ต้องทรายก่อนว่าจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงชั้นสูงสุดมีอักขระศักดิ์สิทธิ์ได้มากกว่าสามร้อยแถว เพราะถ้ามีอักขระศักดิ์สิทธิ์หนึ่งพันแถวจะเป็นจอมยุทธระดับดารา แล้วอักขระศักดิ์สิทธิ์แปดร้อยแถวหมายถึงอะไร? อาจเรียกได้ว่ากึ่งระดับดารา
หมัดดังกล่าว ถ้าเขาโดนเข้าล่ะก็เพียงพอที่จะบดขยี้เขาให้กลายเป็นผง
เขารีบเคลื่อนที่หลบด้วยพลังทั้งหมดทันที
ตู้ม!
โชคดีที่เขาหลบทัน ไม่เช่นนั้นคงกลายเป็นผีเฝ้าก้นทะเลไปแล้ว
พรึบ ร่างของหลิงฮันหายไป
สีหน้าของชายวัยกลางคนกลายเป็นสีเขียวทันที แม้ว่าเขาจะมีสมบัติที่ช่วยชีวิตติดตัวอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีสมบัติชิ้นใดสามารถต่อต้านพลังของกึ่งระดับดาราได้
เขาทำได้แค่โกยขาวิ่งเท่านั้น อีกฝ่ายมีไพ่ลับเหนือกว่าที่เขาคิดไว้มาก ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงขับไล่หุ่นเชิดตัวนั้นออกไป ที่แท้เขาต้องการล่อเสือออกจากถ้ำต่างหาก ไม่ใช่เพราะความอวดดีแต่อย่างใด
“อะไรกัน!”
เขากรีดร้องอีกครั้ง เพราะรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคย
“ไท่เฟิง ผู้อาวุโสไท่เฟิง!” เขารู้สึกแปลกใจ อีกฝ่ายเป็นตัวตนระดับสูงของสมาคมราตรีนิรันดร์ ซึ่งแน่นอนว่าเขาจะต้องเป็นจอมยุทธระดับดารา!
ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าไม่คิดเลยว่าจะพบเจอท่านที่นี่!
แม้เจ้าจะใช้วิธีการพิเศษเพื่อยกระดับพลังเป็นกึ่งระดับดารา แต่ก็ไม่อาจทัดเทียมกับจอมยุทธระดับดาราตัวจริงได้ ยิ่งไปกว่านั้นผู้อาวุโสไท่เฟิงยังมีพลังต่อสู้สี่ดาว!