Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1126
หรือหลิงฮันจะเป็นคนคลายพลังป้องกันของกายหยาบเอง?
จักรพรรดินีแห่งดารานึกออกเพียงความเป็นไปได้เดียว แต่ทำไมเขาต้องทำแบบนั้น? ทำไมต้องคลายพลังป้องกันของตัวเองด้วย? ด้วยพลังป้องกันที่เทียบได้กับแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ของหลิงฮัน เขาสามารถผ่านพ้นบททดสอบสายฟ้าสวรรค์ได้แม้จะนอนอยู่เฉยๆด้วยซ้ำ
เป็นไปได้รึไม่ว่าเขาทำเพื่อขัดเกลากายหยาบของตัวเอง?
จิตใจของนางสั้นสะท้านด้วยความตะลึง พลังป้องกันของเขาจะน่ากลัวขนาดไหนหากยังสามารถพัฒนาขึ้นไปได้อีก?
แน่นอนว่าพลังป้องกันที่เทียบได้กับแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดัดบห้านั้นไม่นับเป็นอันใดได้เมื่ออยู่ต่อหน้านาง แต่นั่นก็เป็นเพราะนางมีระดับพลังบ่มเพาะที่สูงกว่าหลิงฮันหลายเท่า ถ้าหากเขายังสามารถพัฒนากายหยาบของตัวเองขึ้นไปทีละขั้นพร้อมกับระดับพลังของตัวเองได้แล้วล่ะก็…
นั่นจะเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวมาก!
ชายคนนี้มาจากโลกใบเล็กแท้ๆ… เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะมีความสามารถที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้ หรือว่าเขาเองก็เป็นเผ่าสวรรค์บรรพกาลสักเผ่าหนึ่ง?
“ฮึ่ม!” เซียนหวู่เซียงอุทานออกมา เขาแต่เดิมแล้วมีระดับพลังบ่มเพาะที่สูงกว่าและมีชีวิตอยู่มานานกว่าจักรพรรดินีแห่งดารา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่เคยได้ยินหรือพบเห็นคนที่มีกายหยาบที่น่ากลัวเช่นนี้มาก่อน
เขาเคยคิดว่าที่หลิงฮันที่กายหยาบที่แข็งแกร่งเป็นเพราะกินสมบัติบางอย่างเข้าไป แต่ตอนนี้เขากลับพบว่าหลิงฮันสามารถพัฒนากายหยาบได้ไปพร้อมๆกับระดับพลัง!
“เจ้าหนูนี่มาจากขุมอำนาจที่ยิ่งใหญ่อันใดกัน?” เซียนหวู่เซียงรู้สึกราวกับฝันไป
การปรากฏตัวของสายเลือดเก้าอสรพิษก็นับว่าหาได้ยากยิ่งแล้ว เผ่าเก้าอสรพิษคือหนึ่งในเผ่าสวรรค์บรรพกาลที่ไม่เคยพบเห็นในดินแดนศักดิ์สิทธิ์มาก่อน ด้วยศักยะที่น่าอัศจรรย์ของหลิงฮัน เขาไม่ด้อยไปกว่าเผ่าเก้าอสรพิษเลย
หรือหลิงฮันก็เป็นทายาทของเผ่าสวรรค์บรรพกาล?
เซียนหวู่เซียงตกตะลึงยิ่งกว่าเดิม ถ้าเผ่าสวรรค์บรรพกาลทั้งสองคนทำลูกด้วยกัน บุตรที่เกิดออกมาจะมีศักยะภาพที่ท้าทายสวรรค์ขนาดไหน?
เรื่องเช่นนี้ไม่เคยพบเห็นมาแม้แต่ในครั้งอดีตกาล เนื่องจากเผ่าสวรรค์บรรพกาลนั้นมีน้อยมากจนถึงน้อยที่สุดในยุคนั้นและแต่ละคนที่ครอบครองสายเลือดก็ไม่เคยแต่งงานกันมาก่อน
“ข้าอดใจรอไม่ไหวแล้ว!” เซียนหวู่เซียงพึมพำ
กระดูกศักดิ์สิทธิ์ในร่างของเขาถูกสายฟ้ากระหน่ำใส่ ฝ่ายใต้การขัดเกลาจากสายฟ้าสวรรค์ คัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ก็ค่อยๆเพิ่มระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับหลิงฮันบททดสอบสายฟ้าสวรรค์เป็นเรื่องจิ๊บจ๊อย การขัดเกลากายหยาบต่างหากที่เป็นเรื่องสำคัญ เขานำดาบอสูรนิรันดร์ออกมาดูดซับสายฟ้าเช่นกัน ในเมื่อดาบเล่มนี้สามารถดูดกลืนแร่โลหะชนิดอื่นเพื่อเพิ่มคุณภาพของตัวมันเองได้ งั้นสายฟ้าสวรรค์ก็น่าจะเป็นประโยชน์ต่อมันเช่นกัน
ครึ่งวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลิงฮันขัดเกลากายหยาบเสร็จสมบูรณ์และใช้หยดวารีอมตะฟื้นฟูอาการบาดเป็น
เขานั่งลงและนำชุดใหม่ออกมาเปลี่ยน เนื่องจากขณะที่อยู่ท่ามกลางสายฟ้าสวรรค์ เสื้อผ้าของเขาได้ถูกเผาเป็นขี้เถ้าหมดแล้ว
เขาแหงนหน้ามองท้องฟ้าก่อนจะขมวดคิ้ว เพราะว่าในขณะที่เกิดบททดสอบสายฟ้าสวรรค์ ชั้นมิติได้ถูกขยายออกอย่างต่อเนื่อง แต่ตอนนี้ชั้นมิติกลับฟื้นสภาพจนเหลือช่องว่างแค่พอให้เขาหนีออกไปได้แค่คนเดียว ดูเหมือนว่าสายฟ้าสวรรค์จะไม่สามารถทำลายชั้นมิติแห่งนี้ได้อย่างสมบูรณ์
นั่นหมายความว่าอำนาจของตัวตนระดับเซียนนั้นได้อยู่เหนือการคาดการณ์ของเขา
“เจ้าหนู ข้าไม่นึกเลยว่าเจ้าจะทำให้ข้ารู้สึกตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิมขนาดนี้!” เซียนหวู่เซียงหัวเราะ “กายหยาบของเจ้าในตอนนี้สมควรบรรลุเป็นแร่โลหะระดับห้าแล้ว?”
หลิงฮันรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะปกปิดพลังจากสายตาของเซียน “ยังไม่ถึงขั้นนั้นแต่ก็ทรงพลังกว่าแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่มาก แต่เมื่อเทียบกับระดับห้าแล้วยังมีช่องว่างอยู่อีกเล็กน้อย”
บางทีหลิงฮันคงต้องสร้างภูผาวารีสายที่ห้าให้ได้และได้รับบททดสอบสายฟ้าสวรรค์อีกครั้งเสียก่อนถึงจะขัดเกลากายหยาบให้บรรลุแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับห้า
“รีบๆทำลูกศิษย์ให้ผู้อาวุโสได้แล้ว!” เซียนหวู่เซียงตื่นเต้น
“ข้าเบื่อจะสนใจเจ้าแล้ว” หลิงฮันนั่งขัดสมาธิและเริ่มบ่มเพาะพลังต่อ
เซียนหวู่เซียงเค้นเสียงกล่าว “เจ้าต้องการอยู่ที่นี่ไปตลอดกาลเลยรึไง?”
“ที่จริงที่นี่ก็ไม่ได้แย่ พลังชีวิตเข้มข้นเหมาะกับการบ่มเพาะพลัง” หลิงฮันหัวเราะ
“จะคอยดูแล้วกัน!” เซียนหวู่เซียงหายไปด้วยความโกรธ
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว สามเดือน หกเดือน เก้าเดือน หนึ่งปี… หลิงฮันถูกขังอยู่ที่นี่เป็นเวลาทั้งหมดหนึ่งปี ถึงแม้เวลาแค่นี้จะเล็กน้อยสำหรับจอมยุทธระดับพระเจ้า แต่เมื่อคิดว่าเขาต้องถูกขังอยู่ดีนี่ต่อไปอีกสิบปี ร้อยปี หรืออาจจะพันปีเขาก็ไม่อาจยอมรับได้
พลังบ่มเพาะของหลิงฮันพัฒนาอย่างก้าวกระดูกจนบรรลุระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดชั้นสูงสุดเรียบร้อย สิ่งที่เขาต้องทำต่อจากนี้คือสร้างภูผาวารีสายที่ห้าเพื่อทำให้ระดับพลังภูผาวารีสมบูรณ์หรือไม่ก็ทะลวงผ่านระดับสุริยันต์จันทราเพื่อเข้าสู่ระดับพลังใหม่
เพียงแต่กว่าความอดทนของเซียนหวู่เซียงได้หมดลงแล้ว เสียงของแท่นหินได้ดังขึ้นอีกครั้ง “ผู้อาวุโสมีเวลาจำกัด เจ้าเป็นคนบังคับให้ข้าทำเช่นนี้เอง”
“ฮ่าๆๆ เจ้าคงไม่เปลี่ยนใจสังหารพวกเราหรอกนะ? แล้วก็เจ้าจะมีเวลาจำกัดได้อย่างไรในเมื่อเจ้าตายไปแล้ว?” หลิงฮันยิ้ม
“ฮึ่ม ผู้อาวุโสอยู่ในสภาพของจิตวิญญาณซึ่งไม่อาจคงสภาพอยู่ในนาน” เซียนหวู่เซียงกล่าวอย่างเย็นชา “ในเมื่อเจ้าปฏิเสธที่จะเป็นฝ่ายลงมือ งั้นข้าก็จะทำให้สตรีคนนั้นเป็นคนลงมือเอง”
‘ครืนน!’
จู่ๆพลังของจักรพรรดิแห่งดาราก็ปะทะออกมาอย่างรุนแรง ตอนนี้พลังบ่มเพาะระดับดาราของนางถูกปลดผนึกออกแล้ว
แต่หลิงฮันไม่คิดว่านี่เป็นข่าวดีสักเท่าไหร่ ในเมื่อเซียนหวู่เซียงได้กล่าวเอาไว้เช่นนั้นต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน
ใบหน้าของจักรพรรดินีแห่งดาราถูกปกคลุมไปด้วยออร่าที่ปั่นป่วนแต่ก็ยังงดงามและน่าหลงไหล นางจ้อมเขม็งมายังหลิงฮัน แม้หลิงฮันจะมองไม่เห็นแววตาของนางแต่เขารู้สึกราวกับว่ากำลังจะถูกหมาป่าจ้องเขมือบ
มันไม่ใช่สายตาของหมาป่าที่หิวโหยอยากกินกระต่ายหรือล่าเหยื่อ… แต่มันเป็นสายตาของหมาป่าเพศเมียที่กำลังจ้องมองหมาป่าเพศผู้!
“เฒ่าตัวเหม็น เจ้าทำอะไรกับนาง?” หลิงฮันถามด้วยความตะลึง
“เหอๆ ข้าก็แค่ทำให้นางรู้สึกใคร่และเร่าร้อนเท่านั้นเอง” เซียนหวู่เซียงยิ้ม “เอาล่ะ ผู้อาวุโสขอตัวก่อนแล้วกันจะได้เป็นเป็นก้างขวางคอ!”
“เต่าบัดซบ รอก่อ…”
พรึบ!
หลิงฮันยังไม่ทันพูดจบเขาก็เห็นจักรพรรดินีแห่งดาราพุ่งเข้ามาโผลกอดเขา นางกอดเขาแน่นกอดจะจับกดลงพื้น
“เดี๋ยวก่อน ข้ากำลังอดกลั้นตัวเองอยู่ เจ้าก็ต้องทำให้ได้!” หลิงฮันกล่าวและพยายามผลักร่างของจักรพรรดินีแห่งดารา แต่ต่อให้เขาบรรลุระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดแล้วก็ตาม เขาจะต่อต้านตัวตนระดับดาราได้อย่างไร?
จักรพรรดินีแห่งดราพึมพำเสียงเบาอย่างไม่อาจต่อต้าน
นางคือที่สุดของสาวงามที่แค่มองก็ทำให้บุรุษบ้าคลั่ง แม้แต่สุ่ยเยี่ยนยวี่ก็ต้องถูกนางบดบังรัศมี การที่ถูกจับกดโดยสตรีที่งดงามเช่นนี้บุรุษผู้ใดบางจะต้านทานไหว?
หลิงฮันกัดฟันแน่น ฉวยโอกาศกับสตรีไม่ใช่สิ่งที่บุรุษควรทำ
จักรพรรดินีแห่งดาราค่อยๆยื่นปากของตัวเองเข้ามาใกล้ปากของหลิงฮัน
หลิงฮันอยากจะตบหน้าตัวเองเหลือเกิน สตรีที่งดงามขนาดนี้กำลังกอดรัดเขาอยู่แต่เขากลับพยายามจะพลักไสนางออกไปเนี่ยนะ?
เสื้อผ้าของเขาถูกฉีกกระชากทีละชิ้นจนส่วนลับเกือบจะโผล่ออกมาให้เห็น