Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1132
ยานบินดาราบินเข้ามาใกล้หลิงฮัน ยานไม่ได้หยุดจอดทันทีแต่ค่อยๆชะลอความเร็วลง
เมื่อยานบินดาราเริ่มเดินเครื่องจำเป็นต้องใช้ผลึกก่อเกิดจำนวนมหาศาล ดังนั้นต่อให้พวกเขาจะยอมให้หลิงฮันขึ้นยานไปด้วยก็ไม่มีความจำเป็นที่พวกเขาจะหยุดจอดยานแต่ทำเพียงชะลอความเร็ว
หลิงฮันกระโดดลอยขึ้นไป ยานบินดาราลำนี้ไม่ได้กางโล่ป้องกันเอาไว้ แต่นั่นก็ไม่แปลก ในสถานการณ์ที่ไม่มีภัยอันตรายทำไมพวกเขาจะต้องกางโล่ให้เปลืองผลึกก่อเกิดด้วย?
เขาลอยตัวลงไปยังดาดฟ้ายาน ซึ่งที่นั่นมีชายสามคนรออยู่
“ข้าจะเรียกเจ้าว่าอย่างไรดี?” ชายคนหนึ่งเอ่ยถาม เขาเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทรา ในตอนแรกเขาวิตกกังวลเป็นอย่างมาก แต่เมื่อเห็นว่าหลิงฮันเป็นเพียงจอมยุทธระดับภูผาวารีเขาก็ผ่อนคลายทันที
หลิงฮันผสานมือคารวะเพื่อทักทายและกล่าว “ชื่อของข้าคือฮันหลิง ก่อนหน้านี้เขาพบเจอกับกลุ่มโจรสลัดอวกาศแต่โชคดีที่หนีรอดมาได้ เพียงแต่ว่าตอนนี้ข้าสูญเสียยานบินดาราของข้าไปแล้วทำให้ไม่สามารถมุ่งหน้าไปยังเป้าหมายปลายทางได้ ต้องขอขอบคุณพวกท่านมากที่ผ่านมาช่วยเหลือข้า”
ในเมื่อผู้บุกรุกคิดว่าตนเองทำภารกิจสำเร็จแล้ว ทำไมเขาจะไม่ลองปกปิดสถานะดูล่ะ? หากทำเช่นนี้เขาจะสามารถบ่มเพาะพลังต่อไปได้โดยที่ไม่มีใครไล่ล่า
“โอ้ ที่แท้ก็เป็นสหายน้อยฮันนี่เอง” ชายคนนั้นพยักหน้า เขาไม่สงสัยในคำพูดของหลิงฮัน ถ้าจะบอกว่าหลิงฮันตั้งใจรอพวกเขาอยู่ที่นี่เพื่อล่อให้มาติดกับดักหรืออะไรสักอย่างนั้นเขาไม่มีทางเชื่อแน่นอน นั่นเพราะจักรวาลนั้นกว้างใหญ่ไพศาล ใครกันจะสามารถล่วงรู้เส้นทางการเดินยานของคนอื่นได้?
“สหายน้อยจะมุ่งหน้าไปยังที่ใดรึ?” เขาถามอีกครั้ง
“ดาวเฟยหยุน” หลิงฮันกล่าวตอบ
ชายคนนั้นยิ้มและกล่าว “งั้นก็ช่างบังเอิญจริงๆ พวกเราก็มีเป้าหมายอยู่ที่ดาวเฟยหยุนเช่นกัน เช่นนั้นพวกเราจะพาเจ้าไปด้วยก็แล้วกันสหายน้อย”
“ขอบคุณพวกท่านมาก!” หลิงฮันรีบกล่าว ในโลกแห่งการฝึกตนที่ความแข็งแกร่งคือทุกอย่าง การที่จะเจอคนที่แข็งแกร่งกว่าแต่มีท่าทีเป็นมิตรต่อผู้อื่นเช่นนี้หาได้ยากยิ่ง
ชายคนนั้นเดินจากไปและให้ผู้ติดตามเป็นคนพาหลิงฮันไปยังด้านล่างเพื่อพักผ่อน
หลิงฮันพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลกับผู้ติดตามคนนั้นและพบว่ายานบินดาราลำนี้คือยานส่งสินค้าของตระกูลโม่ ชายที่แข็งแกร่งเมื่อครู่มีนามว่า โม่กู่ เขาคือคนที่มีตำแหน่งสำคัญในตระกูลโม่
ตระกูลโม่ตั้งรากฐานอยู่ที่ดาวหนานเฟิง แต่เพราะการค้าขายในอวกาศพวกเขาจึงมีตระกูลสาขาอยู่ที่ดาวหลายดวง ที่ดาวหนานเฟิงนั้นตระกูลโม่ถือว่ามีอำนาจยิ่งใหญ่มาก ถ้าหากจักรวรรดิหนานเฟิงคิดจะรุกรานพวกเขา สิ่งที่พวกเขาจะทำก็แค่เปลี่ยนสถานที่ตั้งของตระกูลหลักไปยังที่ใหม่เท่านั้นเอง
ในการเดินยานครั้งนี้พวกเขากำลังขนส่งสินค้ำนวนมหาศาลไปยังดาวเฟยหยุน ถือว่าเป็นเรื่องบังเอิญอย่างมากที่พวกเขาเปลี่ยนเส้นทางเดินยานหลักมาหาหลิงฮันเพราะถูกดึงดูดโดยบททดสอบสายฟ้าสวรรค์
หลิงฮันเก็บหนี้บุญคุณครั้งนี้ไว้ในใจ แม้พวกเขาจะยื่นมือมาช่วยโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนจากเขาก็ตาม แต่ถ้าเขาไม่ตอบแทนเขาก็จะไม่นับว่าตัวเองเป็นลูกผู้ชาย
หลิงฮันนับว่าโชคดีไม่น้อยเพราะอยู่ไม่ไกลจากดาวเฟยหยุนเท่าไหร่ พวกเขาใช้เวลาราวๆเจ็ดวันยานบินดาราก็แล่นลงจอดที่พื้นดินของดาวเฟยหยุน
แน่นอนว่าไม่มีทางเลยที่ตัวตนระดับสุริยันจันทราเช่นโม่กู่จะเก็บเรื่องของจอมยุทธระดับภูผาวารีเช่นหลิงฮันไว้ในหัว ในช่วงเจ็ดวันมานี้เขาไม่ได้โผล่หน้ามาให้หลิงฮันเห็นสักครั้ง มีเพียงเมื่อยานบินลงจอดหลิงฮันถึงจะได้พบหน้าเขาและกล่าวขอบคุณ
หลิงฮันซื้อแผนที่ในเมืองและจากที่ดูในแผนที่แล้ว เขาอยู่ไม่ห่างจากนิกายสวรรค์เยือกแข็งมากนัก
บนดาวดาวเฟยหยุนแห่งนี้มีจักรวรรดิราชวงศ์อยู่สองจักรวรรดิ นั่นคือจักรวรรดิราชวงศ์สี่สมุทรและจักรวรรดิราชวงศ์มหาสวรรค์ เพียงแต่ว่าต่อให้นำอาณาเขตของทั้งสองจักรวรรดิราชวงศ์มารวมกันก็ยังใหญ่ไม่เท่านิกายสวรรค์เยือกแข็ง
แต่นั่นก็ช่วยไม่ได้ ถึงแม้ปรมาจารย์สามวิถีจะไม่มีความคิดต้องการจะยึดครองดาวดวงนี้ แต่ถ้าหากปรมาจารย์สามวิถีต้องการจะขยายอาณาเขตของตัวเอง มีหรือที่ทั้งสองจักรวรรดิราชวงศ์จะกล้าบุกโจมตีเพื่อแย่งชิงอาณาเขต?
ที่จริงการที่จักรวรรดิราชวงศ์ถูกยินยอมให้ก่อตั้งขึ้นได้ก็นับว่าดีแค่ไหนแล้ว ใครไปยอมรับได้หากอาณาเขตของจอมยุทธระดับระดับวารีนิรันดร์มีขนาดเล็กกว่าจอมยุทธระดับสวรรค์?
ตอนนี้หลิงฮันอยู่ที่จักรวรรดิราชวงศ์มหาสวรรค์ เขาต้องใช้เวลาราวๆหนึ่งเดือนในการเดินทางไปยังนิกายสวรรค์เยือกแข็ง นี่เป็นความเร็วที่เขาเดินทางด้วยอุปกรณ์บินแหวกเมฆา หากเขาเดินทางด้วยเท้าตัวเองเป็นไปได้ว่าต้องใช้เวลาถึงครึ่งปีเป็นอย่างน้อย
“ออกเดินทางเลยแล้วกัน!”
หลิงฮันนำอุปกรณ์บินแหวกเมฆาออกมาและมุ่งหน้าไปยังนิกายสวรรค์เยือกแข็ง
เจ็ดวันต่อมาเขาได้เดินทางมาถึงอาณาเขตของนิกายสวรรค์เยือกแข็งและใช้เวลาอีกยี่สิบวันจนมาถึงประตูทางเขานิกายสวรรค์เยือกแข็งในที่สุด
ไม่น่าแปลกใจเลยทำไมที่แห่งนี้ถึงถูกเรียกว่านิกาย ’สวรรค์’ เยือกแข็ง!
ด้านหน้าของเขาเป็นภูเขาที่ปลายเสียดสูงถึงไปถึงชั้นเมฆ ขนาดเขากระตุ้นใช้งานเนตรแห่งสัจธรรมก็ไม่สามารถมองเห็นปลายของภูเขาลูกนี้ เป็นได้ว่ามันจะมีความสูงถึงหนึ่งหมื่นเมตรเป็นอย่างน้อยและมีภูเขาย่อยอีกเจ็ดลูก
เมื่อมาถึงที่นี่แล้วเขาก็ไม่สามารถเดินทางด้วยอุปกรณ์บินเมฆาได้ตามใจชอบ เขาเก็บอุปกรณ์บินเมฆาและเดินทางต่อด้วยเท้า
ที่นี่คืออาณาเขตหลักของนิกายสวรรค์เยือกแข็งมีสถานที่มากมายที่ไม่ได้รับอณุญาติให้เข้าถึง โดยมีศิษย์ของสำนักคอยทำหน้าที่เดินตรวจตา
หลิงฮันเดินทางตามทานเดินหลักและมาถึงยังตีนเขาของภูเขาย่อย
หลังจากสอบถามเขาก็พบว่าโดยปกติแล้วคนนอกไม่ได้รับอณุญาติให้เข้าในไปภูเขาหลักและภูเขาย่อยทั้งเจ็ด แต่ช่วงนี้นั้นแตกต่างออกไปเนื่องจากเพิ่งจะมีศิษย์เมล็ดพันธุ์เข้าร่วมกับนิกายและกำลังรับสมัครผู้ติดตามอยู่ ทำให้มีผู้คนมากมายที่มาที่นี่เพื่อขอรับตำแหน่งผู้ติดตาม
ก่อนหน้านี้เคยอธิบายไปแล้ว มีเพียงศิษย์เมล็ดพันธุ์เท่านั้นที่สามารถมีผู้ติดตามได้ นอกจากการที่จะได้รับทรัพยากรบ่มเพาะแล้ว การได้รับปฏิบัติอื่นๆนั้นไม่ต่างอะไรกับศิษย์ทั่วไป แถมยังได้รับโอกาสติดตามศิษย์เมล็ดพันธุ์ไปรับฟังคำชี้แนะจากปรมาจารย์สามวิถีด้วย!
ผลประโยชน์เช่นนี้มันน่าดึงดูดขนาดไหน?
ไม่ต้องกล่าวถึงจอมยุทธที่ไม่ผ่านการทดสอบเข้าร่วมศิษย์เลย ขนาดศิษย์ทั่วไปภายในนิกายสวรรค์เยือกแข็งเองก็ยังต้องการเป็นผู้ติดตามของศิษย์เมล็ดพันธุ์
ยิ่งกว่านั้นศิษย์เมล็ดพันธุ์ทุกคนต่างมีโชคชะตาที่จะกลายเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งระดับแนวหน้าในอนาคต แม้จะยากเกินไปที่จะบรรลุระดับดารา แต่พวกเขาก็ต้องได้กลายเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราเป็นอย่างน้อย
ถ้าพวกเขาสามารถติดตามและยืนอยู่ข้างตัวตนเช่นนั้นได้ก็จะเป็นประโยชน์ต่อตัวพวกเขาอย่างมากในอนาคต
ดังนั้นที่ตีนเขาของภูเขาย่อยที่ถูกเรียกว่าภูเขายอดเมฆาขาวในตอนนี้จึงผู้คนมากมายที่เดินทางมาเพื่อเป็นผู้ติดตามของศิษย์เมล็ดพันธุ์
ศิษย์เมล็ดพันธุ์แต่ละคนสามารถมีผู้ติดตามได้สูงสุดสามคน แม้จำนวนจะไม่มากแต่ผู้คนมากมายก็ยินดีที่จะแย่งตำแหน่งนั้นมา
“หลบไป! หลบไป!” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังฝูงชน ชายสี่คนกำลังทำการเปิดทางเดินอยู่โดยที่ด้านหลังของพวกเขาเดินตามมาด้วยชายหนุ่มท่าทีมืดมน ชายหนุ่มมืดคนนั้นเป็นรุ่นเยาว์ที่อายุน้อยแต่เขากลับมีพลังบ่มเพาะระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดชั้นสูงสุด ซึ่งน่าตกตะลึงอย่างมาก
“เขาเป็นใครกัน? ทำไมถึงได้กล้าทำตัวอวดดีเช่นนี้ หรือว่าจะเป็นศิษย์หลัก?” ใครบางคนเอ่ยถาม
“เจ้าไม่รู้รึไงว่าเขาเป็นใคร?”
“ทำไมข้าต้องรู้จักเขาด้วย?”
“เหอๆ ชายคนนั้นคือฉางตง ผู้ติดตามของหยางฮ่าว”
“ว่าไงนะ หยางฮ่าว!? เจ้าหมายถึงสุดยอดอัจฉริยะที่อายุเพียงหกร้อยปีก็บรรลุระดับสุริยันจันทราแล้ว หยางฮ่าวนั้นน่ะรึ?”
“ถูกต้อง!”
“โอ้ว… แต่ทำไมคนที่ยอดเยี่ยมเช่นนายท่านหยางถึงได้สนใจในตัวเขาล่ะ?”
“เจ้าไม่รู้งั้นรึ? ฉางตงนั้นเคยเป็นศิษย์หลักของนิกายสวรรค์เยือกแข็งมาก่อน แต่เขาก็ยอมละทิ้งสถานะนั้นเพื่อกลายเป็นผู้ติดตามของนายท่านหยาง! ในตอนนั้นมีแต่คนคิดว่าการกระทำของเขานั้นโง่งม แต่ดูตอนนี้สิ แม้แต่ศิษย์ที่มีสถานะเมล็ดพันธุ์บางคนก็ยังต้องการติดตามนายท่านหยาง แต่น่าเสียดายที่นายท่านหยางไม่แยแสพวกเขา!”
“ว่าไงนะ เรื่องจริงรึ?”
ในขณะที่พวกเขาพูดกันอยู่ คนสี่คนก็แหวกทางจนมาถึงด้านหลังหลิงฮัน คนอื่นๆยินยอมหลีกทางให้ทั้งสี่คนแต่โดยที ทำให้ในตอนนี้หลิงฮันเดินอยู่คนเดียวอย่างโดดเด่น