Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1150
จักรพรรดิพิรุณรู้สึกโกรธจริงๆหลังจากที่ต่อยออกไปสิบหมัด แล้วเจาซวนก็ถูกซัดกระเด็นออกไปอีกครั้ง
แข็งแกร่งมาก!
ทั้งที่ทั้งสองคนมีระดับพลังใกล้เคียงกัน แต่มันกลับเป็นเจาซวนที่พ่ายแพ้อย่างราบคาบ เขาไม่สามารถเป็นคู่มือให้กับจักรพรรดิพิรุณได้เลย
ต้องทราบก่อนว่าทุกคนที่อยู่ที่นี่คือศิษย์เมล็ดพันธุ์ที่เป็นสุดยอดอัจฉริยะ หากพวกเขาอยู่ในระดับเดียวกัน มันควรจะเป็นเรื่องยากที่จะจัดการอีกฝ่ายได้ลง แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนั้นกลับเป็นจักรพรรดิพิรุณที่โจมตีอยู่ฝ่ายเดียว
หลิงฮันรู้ว่าจักรพรรดิพิรุณนั้นต้องการรังแกอีกฝ่าย หากเขาต้องการเอาชนะเพียงแค่สิบกระบวนท่าก็เกินพอแล้ว ไม่ต้องทำให้การต่อสู้มันยืดเยื้อและลากยาวไปเกือบร้อยกระบวนท่า
“มีใครอยากจะสู้กับข้าอีกหรือไม่?” จักรพรรดิพิรุณกล่าวอย่างหยิ่งยโส
ทุกคนมองหน้ากัน แม้แต่คนที่มีพลังบ่มเพาะเท่ากับจักรพรรดิพิรุณยังไม่แน่ใจว่าจะเอาชนะจักรพรรดิพิรุณได้อย่างไร ส่วนคนที่มีพลังบ่มเพาะเหนือกว่าก็ไม่กล้าเคลื่อนไหวอะไร แม้แต่เจาซวนที่เป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นกลางชั้นสูงก็ยังพ่ายแพ้ได้อย่างง่ายดาย เห็นได้ชัดว่าคนที่จะปะมือกับจักรพรรดิพิรุณได้เป็นแค่จอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นกลางชั้นสูงก็ยังไม่เพียงพอ
แต่ถ้าเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูง ช่องว่างก็จะใหญ่เกินไป ใครต้องการที่จะใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้กัน?
ดังนั้น แม้จักรพรรดิพิรุณจะท้าผู้อื่นต่อสู้ แต่ก็ไม่มีใครเสนอตัวต่อสู้กับเขาแม้แต่คนเดียว
“โอ้ว ในเมื่อไม่มีใครเสนอตัว ถ้างั้นข้าจะเป็นคู่มือให้กับเจ้าเอง” อู๋เจ๋อลุกขึ้นยืน
ทุกคนมองหน้ากัน อู๋เจ๋อเป็นหนึ่งในหกราชัน การที่เขาเสนอตัวออกมาสู้แล้วใครจะสามารถเอาชนะเขาได้นอกจากเหอเต๋า? ยิ่งไปกว่านั้นช่องว่างระหว่างระดับพลังห่างกันเกินไป แล้วนี่จะสามารถเรียกว่าการแลกเปลี่ยนวรยุทธได้อีกหรือ?
“เพื่อความเป็นธรรม ข้าจะยับยั้งพลังของตัวเองให้อยู่ในระดับเดียวกับเจ้า” อู๋เจ๋อกล่าวและยับยั้งพลังของตัวเอง กลิ่นอายของเขาลดฮวบอย่างรวดเร็วและอยู่ในระดับใกล้เคียงกับจักรพรรดิพิรุณ
“ศิษย์น้อง แค่นี้ถือว่ายุติธรรมหรือยัง?” อู๋เจ๋อกล่าว
จักรพรรดิพิรุณไม่ตอบ เขาเพียงแค่ส่งเสียงคำรามและเปิดฝ่ายโจมตีใส่อู๋เจ๋อ
ตู้ม หมัดของจักรพรรดิพิรุณนั้นทรงพลังมาก แม้จะอยู่ในระดับเดียวกัน แต่เขาก็สามารถบังคับให้อู๋เจ๋อต้องถอยหลังได้หนึ่งก้าว
ทุกคนรู้สึกตกตะลึง
นั่นคืออู๋เจ๋อที่เป็นหนึ่งในหกราชันเชียวนะ ซึ่งกล่าวกันว่ามีเพียงห้าคนเท่านั้นที่สามารถเรียกตัวเองว่าเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้ แต่ตอนนี้การต่อสู้ในระดับพลังเดียวกัน จักรพรรดิพิรุณกลับเป็นฝ่ายเหนือกว่าอู๋เจ๋ออย่างเห็นได้ชัด นี่เป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน
หากจักรพรรดิพิรุณทะลวงผ่านระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นสูงสุด เขาจะกลายเป็นราชันคนที่เจ็ดหรือไม่?
แม้ว่าอู๋เจ๋อยังคงแสดงรอยยิ้มบนใบหน้า แต่ภายในใจเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น
เขาไม่คิดเลยว่าทักษะหมัดของจักรพรรดิพิรุณจะทรงพลังที่เพียงนี้ ก่อนที่จะลงมาต่อสู้ด้วยตัวเอง เขาเตรียมใจไว้แล้วว่ามันจะต้องทรงพลัง แต่เมื่อเผชิญหน้าด้วยตัวเอง มันก็ทำให้เขาค้นพบว่าทักษะหมัดของอีกฝ่ายเกือบจะบรรลุระดับเต๋าที่เขาไม่สามารถต่อต้านได้เลย
แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางต่อสู้ แต่นั่นมันจะต้องใช้พลังที่เหนือกว่า ทว่าตอนนี้พวกเขาทั้งสองคนมีพลังบ่มเพาะเท่ากัน แล้วอู๋เต๋าจะเอาชนะจักรพรรดิพิรุณได้อย่างไร?
เขาไม่สามารถยอมรับความพ่ายแพ้ได้ ถึงแม้ว่าจะต้องปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมาก็ตาม
ในฐานะที่เขาเป็นหนึ่งในหกราชัน เขาจะพ่ายแพ้ให้กับจอมยุทธที่อยู่ในระดับเดียวกันได้อย่างไร?
เขาต่อยหมัดออกไปและปะทะกับหมัดของจักรพรรดิพิรุณ
ปัง!
เมื่อหมัดทั้งสองปะทะกัน ทำให้เกิดคลื่นกระแทกที่รุนแรงขึ้นอย่างกะทันหัน แม้แต่ศิษย์เมล็ดพันธุ์ที่อยู่รอบข้างยังต้องโคจรพลังปราณเป็นโล่ป้องกัน
อู๋เจ๋อและจักรพรรดิพิรุณกระเด็นไปด้านหลังพร้อนกัน อู๋เจ๋อกระเด็นไปด้านหลังเจ็ดก้าว ขณะที่จักรพรรดิพิรุณกระเด็นไปด้านหลังเก้าก้าว ยิ่งไปกว่านั้นถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่ากำปั้นของจักรพรรดิพิรุณย้อมไปด้วยเลือดและมีรูปร่างที่บิดเบี้ยว เห็นได้ชัดว่ากระดูกหัก
การต่อสู้ครั้งนี้จักรพรรดิพิรุณเป็นฝ่ายพ่ายแพ้
“สมแล้วที่เป็นศิษย์พี่อู๋ สมญานามหกราชันไม่ได้ตั้งขึ้นมาเพื่อโอ้อวด แต่พวกเขานั้นไร้พ่ายให้กับจอมยุทธที่อยู่ในระดับเดียวกัน!” ทุกคนกล่าวชื่นชมในตัวอู๋เจ๋อ
ในขณะที่หลิงฮันจ้องมองไปที่อู๋เจ๋อด้วยสายตาที่เย็นชา
เมื่อครู่ หมัดของอู๋เจ๋อนั้นมีอักขระศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดเก้าสิบเอ็ดแถว!
นั่นหมายความว่าถึงแม้เขาจะไม่ได้คลายพลัง แต่ก็ใช้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ที่แข็งแกร่งกว่า
มันไม่ยุติธรรม!
แม้ว่าความแข็งแกร่งจะเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดสำหรับจอมยุทธ แต่พลังแห่งกฎเกณฑ์ก็ไม่ควรประมาท เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสุสาน ความแข็งแกร่งของรูปปั้นหินไม่ได้เปลี่ยนแปลง แต่เนื่องจากพลังของอักขระศักดิ์สิทธิ์จึงทำให้รูปปั้นหินแข็งแกร่งขึ้น
ในขณะต่อสู้ อู๋เจ๋อเคลื่อนไหวอย่างลับๆ แต่การกระทำของเขาจะรอดพ้นจากหลิงฮันที่มีเนตรแห่งสัจธรรมได้อย่างไร?
เจ้ากล้ารังแกพี่รองของข้าอย่างนั้นรึ?
หลิงฮันจ้องมองไปที่อู๋เจ๋อด้วยความโกรธ เขาต้องการเอาคืน
จักรพรรดิพิรุณเป็นคนตรงไปตรงมา ถึงแม้เขาจะค้นพบว่าอีกฝ่ายนั้นเล่นไม่ซื่อ แต่ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายแพ้ เขาก็ไม่มีข้อแก้ตัว เขาพยักหน้าและพูดว่า “ข้าแพ้แล้ว!” หลังจากพูดจบจักรพรรดิพิรุณก็กลับไปยังตำแหน่งเดิมของเขาและนั่งลง
“เจ้าทำดีแล้ว” อู๋เจ๋อแสร้งทำเป็นสุภาพ
“ศิษย์พี่อู๋ ข้าอยากแลกเปลี่ยนวรยุทธกับท่าน!”
หลิงฮันกำลังจะเคลื่อนไหวเพื่อท้าอีกฝ่ายสู้ แต่ในขณะนั้นเองก็มีใครบางคนเร็วกว่าเขา และกระโดดเข้าไปในสนามประลองเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่รอให้การต่อสู้รอบนี้จบลงเท่านั้น
คนที่กระโดดเข้าไปในสนามประลองคือซูจิง
“เข้ามา!” อู๋เจ๋อคลายพลัง อีกฝ่ายเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงเหมือนกัน ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องยับยั้งพลังของตนเอง “ในฐานะที่ข้าเป็นศิษย์พี่ ข้าจะโจมตีเจ้าทั้งหมดสิบกระบวนท่า ตราบใดที่ศิษย์น้อยซูสามารถรับการโจมตีของข้าทั้งสิบกระบวนท่าได้จะถือว่าข้าเป็นฝ่ายแพ้”
เขาพูดด้วยความมั่นใจ!
แต่ไม่ใช่เรื่องมากเกินไป ในเมื่อเขาไม่ต้องยับยั้งพลังของตัวเอง มันก็เท่ากับว่าเขาจะมีพลังของภูผาวารีสายที่ห้าและมีพลังต่อสู้อย่างน้อยเจ็ดดาว แต่อย่าได้ดูถูกความแตกต่างระหว่างหกดาวกับเจ็ดดาวเชียว ช่องว่างระหว่างหนึ่งดาวนั้นใหญ่มาก
ซูจิงไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย อีกฝ่ายเป็นหนึ่งในหกราชันที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของที่นี่
เมื่อเริ่มต่อสู้ เขาเปิดฉากโจมตีครั้งใหญ่ทันที ร่างของเขาห่อหุ้มด้วยแสงสีแดงเหมือนลาวาและพ่นไอร้อนออกมาจากจมูก
นี่เขายังเป็นมนุษย์อีกหรือ? มันเหมือนกับยักษ์ลาวามากกว่า!
อู๋เจ๋อสงบและดูมั่นใจ หากเขาพ่ายแพ้ให้กับอีกฝ่าย เขาจะเรียกตัวเองว่าหกราชันได้อีกหรือ?
ซูจิงปล่อยฝ่ามือออกไป ทำให้ท้องฟ้ากลายเป็นสีแดงเพลิงและมีลาวาไหลทะลักออกมาราวกับเป็นวันสิ้นโลก
ทุกคนรีบโคจรพลังปราณสร้างเกาะป้องกัน นี่เป็นการต่อสู้ของจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูง มันไม่เหมือนกับการต่อสู้ที่ผ่านมาก
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ซูจิงและอู๋เจ๋อห่ำหั่นกันอย่างดุเดือด
“กระบวนท่าที่เก้า!” อู๋เจ๋อยิ้มและพูดว่า “ศิษย์น้องซูระมัดระวังตัวให้ดี ข้าจะทำการตอบโต้แล้ว!”