Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1158
อันที่จริงทั้งเหอเต๋าและอู๋เจ๋อนั้นไม่ได้นับว่าเป็นคนที่เลวร้ายอะไร อย่างน้อยพวกเขาก็ยินดีแบ่งปันทรัพยากรล้ำค่าให้กับเหล่าศิษย์น้อง ถ้าไม่ใช่เพราะอู๋เจ๋อยึดติดกับชัยชนะเกินไปถึงขนาดใช้วิธีไม่ซื่อกับจักรพรรดิพิรุณ หลิงฮันคงไม่ท้าทายและหักหน้าเขาต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้
หลังจากที่ไถ่ถามศิษย์รอบข้าง หลิงฮันถึงรู้ว่าสี่ราชาที่เหลือออกไปนอกนิกายเพื่อฝึกฝน
ในความเป็นจริงศิษย์ของนิกายสวรรค์เยือกแข็งนั้นมีปฏิสัมพันธ์ที่ค่อนข้างดีต่อกัน ถ้าศิษย์พี่ได้รับทรัพยากรที่ล้ำค่ามาระหว่างการเดินทางฝึกตน พวกเขาก็จะนำมาแบ่งปันให้กับศิษย์ใหม่ของนิกาย การแบ่งปันเหล่านี้คือขนบธรรมเนียม
เมื่อราชาอีกสี่คนกลับมา พวกเขาก็จะแบ่งกับทรัพยากรล้ำค่าให้กับหลิงฮันและศิษย์ใหม่คนอื่นๆเช่นกัน การกระทำเช่นนี้ล้วนสืบต่อกับมารุ่นต่อรุ่นจนกลายเป็นธรรมเนียมของนิกาย
ศิษย์ใหม่สิบคนที่ยอดเยี่ยมที่สุดจะถูกเลือกให้เป็นผู้ดื่มด่ำกับชาที่ต้มจากใบชาหยาง แน่นอนว่าหลิงฮันถูกเลือกให้เป็นหนึ่งในสิบแน่นอน ถ้าเขาไม่มีคุณสมบัติให้ถูกเลือก ใครกันจะถูกเลือก?
จักรพรรดิพิรุณก็ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในสิบเช่นกัน เพียงแต่ว่าติงผิงนั้นไม่ได้รับเลือกเนื่องจากเขาแพ้ให้กับหลันหลวน ไม่ว่าจะแพ้ด้วยเหตุผลอะไรแพ้ก็คือแพ้ นั่นแสดงให้เห็นว่าจิตใจของเขายังฝึกฝนมาไม่ได้
เหอเต๋าเดินเข้ามาใกล้เขาและถาม “น้องชายฮัน เจ้าสนใจไปสำรวจดินแดนโบราณรึไม่?”
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ดินแดนโบราณที่ว่าเป็นเช่นไร?”
“มีความเป็นไปได้สูงมากว่ามันจะเป็นดินแดนจากนิกายยักษ์ใหญ่ในอดีต แม้จะดูเหมือนนิกายที่ว่าได้ถูกทำลายไปแล้ว แต่สมบัติทรัพยากรล้ำค่านั้นยังคงหลงเหลืออยู่ในซากนิกาย” เหอเต๋ากล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง เขารู้ว่าไม่มีทางชักจูงหลิงฮันได้ถ้าหากไม่เปิดเผยข้อมูลบางอย่างออกไป
“ขนาดแข็งแกร่งอย่างพี่ชายเหอยังจำเป็นต้องมาชวนข้างั้นรึ?” หลิงฮันกล่าว
เหอเต๋ายิ้ม “ที่นั่นมีคลังสมบัติอยู่ มันจะเปิดได้ก็ต่อเมื่อคนเจ็ดคนร่วมมือกัน ยิ่งกว่านั้น คนเจ็ดคนที่ว่าจำเป็นจะต้องบรรลุระดับภูผาวารีขั้นสมบูรณ์!”
หลิงฮันตกตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนั้น ‘ต้องมีเงื่อนไขที่สูงขนาดนั้นเพื่อเปิดคลังสมบัติเลยงั้นรึ?’
นิกายโบราณนิกายนี้จะต้องแข็งแกร่งมากเป็นแน่ นิกายสวรรค์เยือกแข็งรวบรวมอัจฉริยะมาจากดวงดาวหลายร้อยดวง แต่ถึงอย่างนั้นจอมยุทธที่สร้างภูผาวารีสายที่ห้าได้กลับมีเพียงเจ็ดคนจากคนรุ่นใหม่
“ถ้าเช่นนั้น ข้าคิดว่าข้าคงไปได้!” ความสนใจของหลิงฮันถูกกระตุ้น “พวกเราจะเดินทางกันเมื่อใด?”
เหอเต๋าหัวเราะเสียงดังและกล่าว “ไม่จำเป็นต้องรีบ! ดินแดนแห่งนี้อยู่ในการควบคุมของนิกายของเรา ความจริงคือมันเป็นเขตแดนลี้ลับที่จะเปิดทุกร้อยปีซึ่งตอนนี้ก็ใกล้จะถึงเวลาเปิดอีกครั้งแล้ว พวกเราอาจจะออกเดินทางในอีกครึ่งปี”
สำหรับจอมยุทธระดับพระเจ้า เวลาครึ่งปีเป็นระยะเวลาที่สั้นมาก
“นิกายต้องการเปิดคลังสมบัติมานานแล้ว แต่เงื่อนไงคนที่จะเปิดและเข้าไปข้างในได้มันเข้มงวดเกินไป ก่อนหน้านี้มีเพียงพวกข้าหกคนที่บรรลุระดับภูผาวารีขั้นสมบูรณ์ พวกเราทำได้เพียงถอนหายใจเมื่อต้องปล่อยผ่านคลังสมบัตินั่นไป”
“ถ้าไม่ใช่เพราะคลังสมบัตินั่น เฉินจู๋เอ๋อ สืออันเกาและหวู่เหวินตงคงทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราไปหมดหลายสิบปีก่อนแล้ว เพียงแต่ว่าพวกเขาตั้งความหวังเอาไว้ว่าสักวันจะได้เข้าไปในคลังสมบัตินั่นจึงไม่ทะลวงผ่านระดับเสียที ทุกคนตั้งใจทะลวงผ่านเมื่อสำรวจคลังสมบัติเรียบร้อยแล้ว”
“ฮ่าๆ แต่สวรรค์ก็ทำให้ความปรารถนาเป็นจริงแล้ว ตอนนี้เมื่อมีน้องชายฮันมาร่วมด้วย พวกเราจะได้มีโอกาสเปิดคลังสมบัตินั่นเสียที”
หลิงฮันตกตะลึง “ท่านจะบอกว่าเฉินจู๋เอ๋อ สืออันเกาและหวู่เหวินตง พวกเขาบรรลุระดับภูผาวารีขั้นสมบูรณ์อย่างแท้จริงแล้ว?”
เหลือเชื่อ!
ถ้าเป็นเช่นนั้นพวกเขาต้องมีพลังต่อสู้ไม่น้อยกว่าสิบดาว! หรือก็คือพวกเขามีพลังต่อสู้ที่ทัดเทียมกับจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นต้น!
เหอเต๋ายิ้มมุมปาก “ทั้งสามคนสร้างภูผาวารีสายที่ห้ามาเป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว แต่ถ้าเองก็ไม่มั่นใจว่าพวกเขาบรรลุขั้นสมบูรณ์ที่แท้จริงรึยัง”
หลังจากสร้างภูผาลูกที่ห้าสำเร็จพลังต่อสู้ของคนคนนั้นก็จะมากเกินกว่าเจ็ดดาว เมื่อขัดเกลาไปเรื่อยๆจนวารีสายที่ห้าปรากฏก็จะมีพลังต่อสู้จะเพิ่มขึ้นเกินกว่าแปดดาวและเก้าดาว!
หลิงฮันรู้สึกสงสัยและถามออกไป “แล้วพี่ชายเหอล่ะ?”
“เหอๆ” รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเหอเต๋า “ข้าตามหลังพวกเขาอยู่เล็กน้อย ข้าเพิ่มสร้างวารีสายที่ห้าได้เมื่อไม่กี่วันก่อน”
หรือก็คือพลังต่อสู้ของเขาคือเก้าดาว!
เมื่อเทียบกับราชาคนอื่นๆแล้ว อู๋เจ๋อนั้นอ่อนแอที่สุด ภูผาของเขายังไม่ถูกขัดเกลาจนสมบูรณ์อย่างแท้จริง ไม่เช่นนั้นพลังต่อสู้ของเขาก็คงจะไม่เหนือกว่าหลิงฮันแค่เล็กน้อย
‘สมกับเป็นศิษย์ราชา! พวกเขาช่างแข็งแกร่ง’
หลิงฮันไม่กล้าดูถูกหกราชามาตั้งแต่แรกแล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินการอธิบายจากเหอเต๋าเขายิ่งมองพวกเขาสูงขึ้นไปอีก แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช้ว่าหลิงฮันจะหวาดกลัวพวกเขา เขาเองก็มีไพ่ลับของตัวเองที่ทำให้ไม่ต้องหวาดกลัวใคร
ศิษย์ทุกคนดื่มชาและแลกเปลี่ยนศาสตร์วรยุทธกันต่อ
ชาที่ดื่มเป็นชาที่ดีซึ่งถูกต้มด้วยน้ำคุณภาพยอดเยี่ยม เหล่าอัจฉณิยะที่กินเข้าไปต่างมีแสงสว่างปะทุออกจากร่างกายจากการทำความเข้าใจศาสตร์แห่งเต๋าวรยุทธ
เพียงแต่ว่าก็มีคนที่เป็นข้อยกเว้นเช่นหลิงฮันที่ไม่ปรากฏแสงสว่างปะทุออกจากร่าง
ซึ่งนั่นก็ช่วยไม่เขา ตัวเขาเคยดื่มชากำเนิดใหม่มาก่อนแล้วในทวีปฮงเทียน เพียงแค่ชาที่ต้มจากใบชาหยางจะเกิดผลได้อย่างไร?
ร่างของหลิงฮันกับเหอเต๋าไม่มีแสงปะทุออกมา อีกฝ่ายเองก็เคยดื่มชานี่ชาที่ยอดเยี่ยมกว่านี้มาก่อนแล้ว
ทั้งสองมองหน้ากันและยิ้ม พวกเขาประเมิณอีกฝ่ายสูงยิ่งขึ้นไปอีก
ครืนนน!
ทันใดนั้นเองออร่าที่ทรงพลังก็แพร่กระจายไปทั่วยอดเขาราวกับว่าเทพมารกำลังจุติมาบนโลก ความหนาวเย็นก่อตัวขึ้นในหัวใจของทุกคน
‘ใครกัน?!’
ทุกคนชะงัก ที่นี่คือยอดเขาที่สำคัญของนิกายสวรรค์เยือกแข็ง ใครกันที่กล้าแสดงอำนาจเหิมเกริมเช่นนี้?
ความคิดนี้แวบผ่านเข้ามาในหัวของทุกคนก่อนที่จะมีชายชุดคลุมขาวเดินใกล้เข้ามา สองมือของเขาผาดเอาไว้ที่ด้านหลัง
เขาเป็นบุรุษที่หล่อเหลา ผิวของเขาราวกับหยกชั้นดีและมีร่างกายที่เพรียวบาง บุรุษเช่นนี้ย่อมสามารถทำให้สตรีหลงรักเพียงแค่ชายตามอง
“นะ นายท่านหยาง!” ใครหลายคนอุทานออกมาด้วยความตะลึง แม้ว่าพวกเขาจะเป็นศิษย์เมล็ดพันธุ์ แต่พวกเขาก็ยังแสดงท่าทีหวาดกลัวและเคารพเมื่อเห็นหน้าชายคนนี้
หยางฮ่าว สุดยอดอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ เขาบรรลุระดับสุริยันจันทราด้วยอายุเพียงหกร้อยปี ยิ่งกว่านั้นเขายังไร้เทียมทานในหมู่จอมยุทธที่ระดับพลังเท่ากัน อัจฉริยะคนอื่นเป็นเพียงหินรองเท้าให้เขาก้าวขึ้นไป
ตอนนี้เขามีพลังบ่มเพาะระดับอะไรแล้ว? ไม่มีใครรู้ แต่ที่รู้ๆคือเขาต้องพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดแน่นอน
ระดับสุริยันจันทรากับภูผาวารีนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ต่อให้เป็นจอมยุทธที่บรรลุขั้นสมบูรณ์ของระดับภูผาวารีก็สามารถต่อกรได้เพียงจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นต่ำสุด
ศิษย์มากมายยืนขึ้นและโค้งอย่างเคารพให้กับหยางฮ่าว “เคารพนายท่านหยาง!”
ในนิกายสวรรค์เยือกแข็ง เหล่าจอมยุทธที่มีพลังบ่มเพาะสูงกว่ามากจะถูกเรียกว่านายท่านมากกว่าจะถูกเรียกว่าศิษย์พี่หรืออาจารย์
เหอเต๋านิ่งเงียบ เขากำลังจะบรรลุระดับภูผาวารีขั้นสมบูรณ์แท้จริงแล้ว การทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราสำหรับเขาเป็นเรื่องง่ายมาก ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องหวาดกลัวหรือเคารพหยางฮ่าว
เพียงแต่ว่าในโลกแห่งการฝึกตนพลังก็ยังคงเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด ดังนั้นตราบใดที่เขายังไม่ทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราเขาก็จะไม่ยั่วยุหยางฮ่าว
ออร่าแสนโหดเหี้ยมถูกปลดปล่อยออกมาจากหยางฮ่าว เขาเป็นดั่งเทพมารที่ผู้คนทำได้เพียงคุกเข่าแหงนหน้ามอง
เขากวาดสายตาไปรอบๆยอดเขาก่อนจะกล่าวอย่างใจเย็น “คนไหนคือฮันหลิง?”