Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1167
หลิงฮันหัวเราะก่อนจะกล่าวอย่างจริงจัง “ผู้จัดการฮัน ข้าอยากรบกวนอะไรท่านเสียหน่อย ข้าต้องการให้ท่านรวบรวมแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสามให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ข้าจะซื้อพวกมันด้วยส่วนแบ่งจากการขายเม็ดยา”
“ไม่มีปัญหา!” ฮันหั่วไม่ไถ่ถามว่าทำไมหลิงฮันถึงต้องการแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์จำนวนมาก เขาตอบรับคำขอด้วยความมั่นใจ
“เช่นนั้นข้าคงต้องรบกวนผู้จัดการฮันแล้ว!”
“ข้ายินดีจะช่วยนายน้อยฮัน!”
หลิงฮันพยักหน้าและซื้อวัตถุดิบสมุนไพรเพิ่มเติม เขายังต้องหลอมเม็ดยาเจ็ดเพลิงลอยล่องอีก เพราะสิ่งนี้คือแหล่งรายได้ของเขา
ฮันหั่วปาดเหงื่อในขณะที่นำทางหลิงฮันไปซื้อวัตถุดิบ
“ผู้จัดการฮัน ท่านกำลังเสียใจกับข้อตกลงเมื่อครั้งก่อน? ข้าได้ส่วนแบ่งเก้าส่วน ท่านได้หนึ่งส่วน ท่านคงคิดสินะว่ามันเป็นการขาดทุนครั้งใหญ่?”
“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร!” ฮันหั่วรีบส่ายหน้า แม้เขาจะปวดหัวกับเรื่องนั้นอยู่บ้าง แต่ในฐานะผู้ทำการค้าที่เชี่ยวชาญ เขารู้ว่าหลิงฮันไม่จำเป็นเลยที่จะต้องให้เขาเป็นตัวแทนในการขายเม็ดยา
เม็ดยาที่ลำค่าเช่นนั้นต้องกลัวด้วยรึว่าจะไม่มีใครซื้อ? แค่หลิงฮันตะโกนประกาศขายก็รับประกันได้เลยว่าเม็ดยาที่มีจะขายหมดเกลี้ยงแน่นอน
ยิ่งกว่านั้นในตอนแรกเขาก็เป็นคนเสนอให้หลิงฮันรับส่วนแบ่งไปคนเดียวเลยสิบส่วน แต่เป็นหลิงฮันเองที่จงใจมอบส่วนแบ่งให้ร้านค้าตระกูลโม่หนึ่งส่วน นี่ถือว่าเป็นความเอื้อเฟื้ออย่างมากแล้ว
…ฮันหั่วตระหนักในเรื่องนี้ดี หรือว่าที่จริงหลิงฮันจะไม่รู้ว่าความสามารถในการปรุงยาของตนเองนั้นล้ำเลิศขนาดไหน? ทั้งๆที่รู้ว่าสามารถหลอมเม็ดยาเจ็ดเพลิงลอยล่องได้ เขาก็ยังมอบส่วนแบ่งหนึ่งส่วยให้กับพวกเขา จะมีใครบ้างที่ยอมทำเช่นนี้?
“ข้ารู้สึกซาบซึ้งใจในความใจดีของนายน้อยฮันมาก!”
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมหลิงฮันถึงปฏิบัติต่อร้านค้าตระกูลโม่ดีขนาดนี้
หลิงฮันพยักหน้าและกล่าว “ในระหว่างการเดินทางมายังนิกายสวรรค์เยือกแข็ง ข้าถูกลอบโจมตีและหลงทางอยู่ในอวกาศ โชคดีที่ข้าได้พบเจอยานขนส่งของตระกูลโม่เข้าพอดีซึ่งพวกเขาก็ไม่ทิ้งข้าและให้ข้าขึ้นยานมาด้วย”
ในที่สุดฮันหั่วก็เข้าใจเรื่องราวเสียที เขาผสานมือคารวะด้วยความเคารพและกล่าว “นายน้อยฮันช่างเป็นคนที่จริงใจโดยแท้!”
สำหรับตระกูลโม่แล้วการช่วยเหลือนั่นอาจจะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่การกระทำของพวกเขากลับทำให้ได้รับมิตรภาพจากรุ่นเยาว์ระดับราชาเป็นของตอบแทน… พวกเขาถือว่าได้กำไรมหาศาล
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ผู้จัดการฮัน ช่วยจัดการเรื่องที่ข้าขอไปให้เร็วที่สุดได้ยิ่งดี ไม่ต้องสนใจว่าจะเป็นแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสามชนิดใด ต่อให้พวกมันจะมีสภาพเสื่อมโทรมหรือไม่บริสุทธิ์ก็ไม่มีปัญหา ขอแค่พวกมันเป็นแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์รระดับสามก็พอแล้ว”
“ข้าจะจำที่ท่านบอกเอาไว้ เช่นนั้นในอีกหนึ่งเดือนขอให้นายน้อยฮันกลับมาใหม่ ข้าจะทำให้นายน้อยตกตะลึงแน่นอน” ฮันหั่วกล่าวด้วยความมั่นใจ
เขาตัดสินใจรายงานเรื่องของหลิงฮันไปยังเบื้องบนของตระกูลโม่ ที่จริงการที่หลิงฮันเป็นอัจฉริยะระดับราชาก็คุ้มค้าที่จะสร้างสายสัมพันธ์ด้วยอยู่แล้ว แต่ที่ยิ่งกว่านั้นก็คือหลิงฮันเป็นคนรักในคุณธรรม เขาจะรายงานเรื่องนี่ไปยังเบื้องบนของตระกูลโม่และให้พวกเขารวบรวมแร่โลหะจำนวนมหาศาลให้หลิงฮัน
ถ้าเพียงแค่แร่โลหะระดับสามสามารถช่วยให้พวกเขาสร้างสายสัมพันธ์กับอัจฉริยะระดับราชาได้ก็นับว่าคุ้มค่า! นอกจากนั้นความสำเร็จในศาสตร์แห่งการปรุงยาของหลิงฮันก็น่าตกตะลึง เขาสามารถหลอมเม็ดยาเจ็ดเพลิงลอยล่องได้ในระยะเวลาแค่เดือนเดียว!
“จริงสิ ข้าลืมไปเลยว่านายน้อยฮันมีเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารี เช่นนั้นแล้วเขาสามรถหลอมเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าได้อย่างไร?”
“หรือการจะสร้างภูผาวารีสายที่ห้าได้จะทำให้เทียบเท่ากับระดับสุริยันจันทรา?”
“ฝึกฝนทั้งวิถีวรยุทธและศาสตร์ปรุงยา แถมยังเชี่ยวชาญทั้งสองด้าน… ตระกูลโม่จะต้องไม่ปล่อยให้อัจฉริยะเช่นนี้หลุดมือไปเด็ดขาด บางทีรุ่นเยาว์ผู้นี้อาจจะสามารถเหยียบย่ำจักรวาลได้ในสักวัน พวกเราจะต้องผูกมัดกับเขาไว้แม้ว่าจะต้องสูญเสียกำไรขนาดไหน!”
ฮันหั่วพึมพำ แม้เขาจะแซ่ฮันแต่เขาก็เป็นสมาชิตระกูลโม่เพราะแต่งงานเข้าไปยังตระกูลโม่ ทั้งบุตรและหลานของเขาต่างก็ใช้แซ่โม่
…
หลิงฮันเดินเรื่อยเปื่อย ตอนนี้เขามีแหล่งหาแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ที่ไว้วางใจได้แล้วทำให้เขาอารมณ์ดีมาก ต่อไปสิ่งที่เขาต้องทำคือเตรียมตัวเข้าไปในเขตแดนลี้ลับ ในขณะที่เข้าไปยังเขตแดนลี้ลับเขาต้องขัดเกลาพลังให้เกือบจะใกล้ทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทรา
และเมื่อเขาทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราเมื่อไหร่ เขาจะออกเดินทางตามหาสถานที่ตั้งของห้านิกายโบราณและตำหนักมัจฉาวายุภักษ์ เขาไม่อาจปล่อยให้เรื่องนี้ยืดยาวต่อไปได้อีก
‘สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์… เป็นเวลาหลายร้อยหลายพันปีแล้วที่พวกเราพบกันครั้งสุดท้าย ไม่รู้ว่าตอนนี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง’
เมื่อนางเห็นเขาอีกครั้งนางจะต้องตะลึงมากเป็นแน่ ไม่เพียงแค่เขาเป็นคนตายที่ฟื้นคืนชีพ แต่พลังบ่มเพาะของเขายังพัฒนาได้อย่างรวดเร็วจนน่าเหลือเชื่อ เพียงระยะไม่เกินพันปีเขาสมควรจะบรรลุระดับสุริยันจันทราแล้ว เพียงแค่เรื่องนี้เขาก็นับว่าเหนือกว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์และจักรพรรดิดาบ
เขาถูกสตรีผู้นั้นรังแกมาเป็นเวลาหลายสิบปี ครั้งนี้ถึงเวลาเอาคืนแล้ว!
คิดว่าเขาจะปล่อยนางไปโดยไม่ฟาดก้นอันยั่วยวนของนางงั้นรึ?
อีกเรื่องคือตอนนี้บุตรของเขาก็น่าจะโตพอสมควรแล้ว! ครอบครัวของเขาเป็นอย่างไรบ้าง? สาวน้อยฮูหนิวคงจะสมเป็นสตรีมากขึ้นแล้วล่ะมั้ง? แล้วเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน หลิวยู่ตง หลีซื่อซานล่ะ?
หลิงฮันถอนหายใจ ช่วงเวลาในชีวิตนี้ของเขาผ่านไปไม่กี่ปี แต่เขากลับมีความรู้สึกต่างๆมากกว่าระยะเวลาสองร้อยปีในชีวิตที่แล้วเสียอีก
ระหว่างมุ่งหน้ากลับนิกายสวรรค์เยือกแข็ง หลิงฮันตัดสินใจเก็บความรู้สึกตต่างๆเอาไว้ในก้นบึ้งของจิตใจ เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าพลังอำนาจ มีเพียงสิ่งนี้เท่านั้นเขาจึงจะสามารถทำในสิ่งที่ต้องการได้
“ฮันหลิง!” เสียงตะโกนอันโหดเหี้ยมดังขึ้นมาจากระยะไกล
เขามองไปทางต้นเสียงและพบว่าที่นั่นมีคนสี่คนยืนอยู่ด้านหน้าทางเข้าที่พักของเขา พวกเขาทุกคนมีท่าทางเกรี้ยวกราด หลิงฮันจำได้อยู่สองคนในหมู่พวกเขา หนึ่งคือฟูเหลียงเย่ อีกคนคือกายหยงซือ
ทำไมพวกเขาถึงยังมาที่นี่อีก?
“ฮันหลิน นี่คือโอกาสสุดท้ายของเจ้า นายน้อยก่าวกล่าวว่าถ้าเจ้าใช่เข่าเดินขึ้นไปยังยอดเขาในวันนี้ นายน้อยจะยกโทษให้กับการกระทำที่เสียมารยาทครั้งก่อนของเจ้า” กายหยงซือกล่าวอย่างหยิ่งยโส
หลิงฮันมองไปยังอีกฝ่ายและกล่าว “นี่เจ้าเป็นคนขี้ลืมขนาดนั้นเลย? เจ้าวอนอยากถูกทุบตีอีกครั้ง?”
“ฮันหลิง!” ชายวัยกลางคนพูดแทรก เสียงของเขาหนักแน่นราวกับฟ้าผ่า เมื่อเขาอ้าปากพูด ออร่าอันน่าสะพรึงกลัวก็ถูกปลดปล่อยออกมา
ระดับสุริยันจันทรา!
ไม่น่าแปลกใจที่ทำไมวันนี้กายหยงซือถึงอวดดีกว่าเดิม ดูเหมือนว่าเขาจะมีผู้ช่วยที่ทรงพลังอยู่ด้วย
ในขณะเดียวกันฟูเหลียงเย่แสยะยิ้มอย่างเย็นชา เขาเองก็เข้าร่วมกับกองกำลังก่าวเหมือนกัน ทันทีที่รู้ว่าพวกเขาจะมาจัดการกับหลิงฮัน เขาก็เสนอตัวขอติดตามมาด้วย เขาต้องการเห็นหลิงฮันยอมจำนนต่อคนที่มีพลังเหนือกว่า!
…แต่ต่อให้ไม่ยอมจำนนก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ขอแค่หลิงฮันได้รับความอัปยศก็เพียงพอแล้ว
เพราะอย่างไรศิษย์ระดับสุริยันจันทราก็ไม่สามารถลงมือกับศิษย์ระดับภูผาวารีได้ตามใจชอบ ใช่ว่าทุกคนจะชื่อว่าหยางฮ่าวเสียหน่อย แต่ว่าถ้าหากศิษย์ระดับสุริยันจันทราลงมือกับหลิงฮันอย่างลับๆจากนั้นค่อยให้ศิษย์ระดับภูผาวารีจัดการเผด็จศึกล่ะก็ใครจะกล่าวหาพวกเขาได้?
หลิงฮันเดินผ่านทั้งสี่คนไปเปิดประตู เขาเดินเข้าที่พักและค่อยๆปิดประตู
ฮึ่ม!
กายหยงซือและคนอื่นคนโกรธจนแทบจะเป็นบ้า ที่หลิงฮันทำนั้นหมายถึงอะไร? หรือว่าอีกฝ่ายมองเห็นพวกเขาเป็นเพียงอากาศธาตุถึงได้เมินเฉยพวกเขาแบบนี้?
“ฮันหลิง!” กายหยงซือจับประตูเอาไว้เพื่อหยุดไม่ให้หลิงฮันปิดประตู
ในนิกายสวรรค์เยือกแข็ง มีกฎข้อหนึ่งที่ไม่ว่าอย่างไรก็ห้ามฝ่าฝืนเด็ดขาด นั่นคือห้ามเข้าไปยังที่พักของคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาติ
นั่นเพราะถ้าหากมีคนกำลังเก็บตัวบ่มเพาะพลังอยู่ การบุกรุกอาจจะทำให้คนคนนั้นพิการเลยก็เป็นได้!
เหตุการณ์เช่นนี้คือสิ่งที่นิกายไม่มีทางยอมให้เกิดขึ้น!
โดยปกติแล้วตราบใดที่มีพลังบ่มเพาะเท่ากัน ศิษย์ทุกคนสามารถท้าสู้ได้ตามใจชอบก็จริงและไม่มีใครคิดจะหยุดพวกเขา แต่เมื่อใดที่กลับเข้าไปยังที่พักของตนเองแล้วก็เปรียบเหมือนเขตหวงห้าม ไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์ตามเข้าไปทำอะไรได้
ต่อให้เป็นหยางฮ่าวก็ไม่กล้าฝ่าฝืนกฎข้อนี้
ดังนั้นเมื่อเห็นหลิงฮันเดินเข้าในไปที้พัก กายหยงซือจึงเป็นกังวลขึ้นมาทันทีทันใด
หลิงฮันเผยรอยยิ้ม เขายื่นมือออกไปคว้าร่างอีกฝ่ายเอาไว้ซึ่งกายหยงซือก็ถูกสยบไร้เรี่ยวแรงที่จะต่อต้านในพริบตา “ดูเหมือนว่าเจ้าจะลืมคำเตือนของข้าคราวก่อนไปแล้วสินะ เจ้าถึงได้กลับมาอีกครั้ง!”