Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1218
หลิงฮันขัดเกลาตัวเองและปรับปรุงความเข้าใจเกี่ยวกับวิถีวรยุทธ
ทัณฑ์สวรรค์นั้นจะมีอำนาจพลังทำลายล้างที่รุนแรง หากสามารถทำความเข้าใจมันได้ พลังต่อสู้ก็จะเพิ่มขึ้นมาก
หลิงฮันกำลังทำความเข้าใจมัน
ทั้งที่เขาเชี่ยวชาญทักษะอัสนีคำราม แต่มันยังไม่คู่ควรที่จะได้รับชื่อนี้ นั่นเป็นเพราะทักษะดาบนี้ควรมีสองลักษณะที่เด่นชัดคือความเร็วดั่งแสงและพลังทำลายล้างดั่งสายฟ้าถึงจะเป็นทักษะอัสนีคำรามที่แท้จริง
หากสามารถประยุกต์ใช้พลังของทัณฑ์สวรรค์ได้ เช่นนั้นมันก็ควรค่าแก่ชื่อทักษะดาบอัสนีคำราม
ภายใต้พลังของทัณฑ์สวรรค์ มันยังสามารถทำให้เขาเข้าใจพลังของสายฟ้ามากยิ่งขึ้น
“น่าเสียดายที่ทัณฑ์สวรรค์ปรากฏแค่แปปเดียวและอยู่ไม่นาน” หลิงฮันคิด แต่ทันใดนั้นเขาก็เห็นโอกาสบางอย่าง “ในเมื่อทัณฑ์สวรรค์ปรากฏแค่แปปเดียว ข้าจะสามารถยืมทัณฑ์สวรรค์ของคนอื่นได้หรือไม่? และใช้ประโยชน์จากมันเพื่อปรับปรุงทั้งทักษะดาบและกายหยาบ”
ครึ่งวันต่อมา หลังจากที่ร่างกายฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ หลิงฮันก็รู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงบางอย่างภายในร่างกาย
ระดับสุริยันจันทรา!
พลังของเขาแข็งแกร่งกว่าเดิมอย่างน้อยหนึ่งล้านเท่า!
“แต่พลังต่อสู้ของข้าเหลือแค่หกดาวเท่านั้น!”
“ถ้าข้าต้องการยกระดับพลังต่อสู้ให้เป็นสิบดาว คงต้องบรรลุระดับสุริยันจันทราขั้นสมบูรณ์เสียก่อน”
“อย่างไรก็ตาม มีเพียงแค่ผู้ที่สามารถสร้างภูผาวารีสายที่ห้าได้เท่านั้นถึงจะมีพลังต่อสู้หกดาวก่อนที่จะทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทรา”
“จอมยุทธระดับภูผาวารีทั่วไปเมื่อทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราคงมีพลังต่อสู้ได้มากสุดสี่ดาว ซึ่งพลังต่อสู้สี่ดาวกับหกดาวนั้นแตกต่างกันอย่างมาก”
“ตอนนี้ความแข็งแกร่งของข้าน่าจะเทียบได้กับระดับสุริยันจันทราขั้นกลาง แต่ถ้าเป็นพลังแห่งกฎเกณฑ์ยังคงอยู่ที่ระดับสุริยันจันทราขั้นต้น แล้วถ้าใช้ทักษะลับร่วมด้วยพลังต่อสู้ของข้าน่าจะอยู่ที่หกหรือเจ็ดดาว”
“ดังนั้น คำพูดที่ว่าอัจฉริยะระดับห้าดาวมีอยู่แค่ในตำนานเท่านั้น ถึงมันจะไม่ใช่เรื่องจริง แต่ก็ฟังดูสมเหตุสมผล เพราะมีคนไม่มากนักที่จะขัดเกลาพลังต่อสู้ได้ถึงห้าดาว”
“อะไรกัน!”
หลิงฮันกวาดสายตามองและพูดว่า “หอคอยน้อย ทำไมหอคอยทมิฬถึงไม่เปลี่ยนแปลง?”
ทั้งที่เขาทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทรา แต่เพราอะไรกันหอคอยทมิฬถึงไม่เปิดชั้นถัดไป
“เจ้าจะต้องทะลวงผ่านอีกระดับหนึ่งก่อน” หอคอยน้อยตอบไม่ชัดเจน
“เจ้าพูดว่าไงนะ!” หลิงฮันประหลาดใจ “นี่เจ้าจะบอกว่าหอคอยทมิฬชั้นที่ห้าจะไม่เปิดจนกว่าข้าจะทะลวงผ่านระดับดารา? และชั้นที่เจ็ดจะเปิดก็ต่อเมื่อทะลวงผ่านระดับสร้างสรรพสิ่งอย่างนั้นรึ?”
“ผิดแล้ว ถึงเจ้าจะทะลวงผ่านระดับสร้างสรรพสิ่ง หอคอยทมิฬจะเปิดแค่ชั้นหกเท่านั้น” หอคอยน้อยกล่าวอย่างเคร่งขรึม
หลิงฮันตกตะลึง “ถ้างั้นก็เหลืออีกสามชั้น นั่นหมายความว่าจะต้องไปที่ดินแดนแห่งเซียนก่อนถึงจะเปิดได้?”
“ถูกต้อง!” หอคอยน้อยสั่นไปมาแสดงให้เห็นว่ามันพยักหน้า “ดังนั้นเจ้าจะต้องรีบฝึกฝนให้หนัก เมื่อใดที่หอคอยทมิฬเปิดทุกชั้น ความทรงจำทั้งหมดของข้าก็จะกลับมา”
หลิงฮันคิดอยู่ชั่วครู่และพูดว่า “หมายความว่าความทรงจำของเจ้าไม่ได้ถูกทำลาย แต่ถูกปิดผนึกเอาไว้”
“อาจจะเป็นเช่นนั้น” หอคอยน้อยกล่าว “เจ้าจงฝึกฝนให้หนัก และลองคิดดูว่าถ้าเจ้าทะลวงผ่านระดับสร้างสรรพสิ่ง เจ้าก็จะสามารถไปที่ดินแดนแห่งเซียนได้ และในความทรงจำที่คลุมเครือของข้า จอมยุทธที่อาศัยอยู่ในดินแดนแห่งเซียนนั้นน่าจะมีอายุขัยไม่จำกัด”
“อะไรนะ!” หลิงฮันตกใจมาก จอมยุทธที่อาศัยอยู่ในดินแดนแห่งเซียนมีอายุขัยไม่มีจำกัด ถ้างั้นจอมยุทธในดินแดนแห่งเซียนจะแข็งแกร่งแค่ไหน?
จอมยุทธที่สามารถฝึกฝนบ่มเพาะพลังได้เป็นล้านปี สิบล้านปี หรือแม้กระทั่งพันล้านปี ความแข็งแกร่งของพวกเขาจะต้องเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“อย่างไรก็ตาม เจ้าไม่จำเป็นต้องท้อแท้ เพราะถึงแม้ว่าจอมยุทธในดินแดนแห่งเซียนจะมีอายุขัยไม่จำกัด แต่ก็ยังมีทัณฑ์สวรรค์ หากผ่านมันไปไม่ได้ก็จะต้องตาย” หอคอยน้อยกล่าว “อายุขัยไม่จำกัด แต่ใช่ว่าจะนิรันดร์”
หลิงฮันพยักหน้า เจ้าของดั้งเดิมของหอคอยทมิฬน่าจะเป็นจอมยุทธที่แข็งแกร่งคนหนึ่งในดินแดนแห่งเซียน ถึงกระนั้นเขาก็ยังมีวันดับสูญ
หลังจากนั้น หลิงฮันก็เดินทางกลับไปที่เมือง ตอนนี้ในเมื่อเขารับทัณฑ์สวรรค์และทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราสำเร็จแล้ว มันถึงเวลาแล้วที่เขาจะออกเดินทางไปที่ดาวหยุนติ่ง
อย่างไรก็ตาม เฟิงโป๋วหยุน มู่หลงชิงและคนอื่นๆใกล้จะทะลวงผ่านระดับ หลิงฮันจึงต้องเลื่อนการเดินทางออกไปก่อน
ทั้งเฟิงโป๋วหยุนและมู่หลงชิงทะลวงผ่านระดับภูผาวารีขั้นกลาง ส่วนเฮ่อเหลียนเทียนหยุนและติงผิงทะลวงผ่านระดับภูผาวารีขั้นสูง
นี่จะต้องทำให้คนอื่นหวาดกลัวอย่างแน่นอน ทั้งที่พวกเขาฝึกฝนบ่มเพาะพลังไม่กี่ปี มันจะมีความก้าวหน้าที่รวดเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร?
เรื่องสำคัญที่สุดที่ต้องรู้คือหลิงฮันมีเม็ดยามหาศาลเพื่อช่วยในการสะสมพลังปราณ และต้นสังสารวัฎช่วยในการรู้แจ้ง หากพวกเขาไม่มีความก้าวหน้าที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้ แล้วเฟิงโป๋วหยุน มู่หลงชิงและคนอื่นๆจะยังมีคุณสมบัติเรียกตัวเองว่าอัจฉริยะอีกหรือไม่?
เมื่อพวกเขาทะลวงผ่านระดับ หลิงฮันก็จะตามพวกเขาไปรับทัณฑ์สวรรค์
ในสายตาของคนอื่นไม่ต่างจากการรนหาที่ตาย แต่หลิงฮันไม่ได้คิดที่จะทำลายกระดูกและสร้างขึ้นมาใหม่ เขาแค่ต้องการสังเกตพลังของทัณฑ์สวรรค์ใช่ว่าจะรับทัณฑ์สวรรค์โดยตรงเสียหน่อย
หลังจากสังเกตพลังของทัณฑ์สวรรค์ทั้งสี่ครั้ง หลิงฮันก็เก็บตัวฝึกฝนอยู่ใต้ต้นสังสารวัฎเป็นเวลาสามวัน เมื่อเขาลืมตาตื่นก็ปรากฏสายฟ้าในแววตาของเขา
“ทักษะอัสนีเก้าทิวากลายเป็นชยะไปเลยเมื่อเทียบกับทักษะอัสนีคำรามของข้าในตอนนี้” หลิงฮันส่ายหัว นั่นเป็นเพราะทักษะอัสนีเก้าทิวาเป็นทักษะศักดิ์สิทธิ์ขั้นต่ำ แต่ทัณฑ์สวรรค์เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นของสวรรค์ แล้วมันจะเทียบได้อย่างไร?
“เมื่อระดับบ่มเพาะพลังของข้าสูงขึ้น ทัณฑ์สวรรค์ที่จะฝ่าใส่ข้าก็จะมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น และพลังสายฟ้าของข้าก็จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ”
“เทิดทูนสวรรค์และปฐพีเฉกเช่นอาจารย์และสร้างเส้นทางของตัวเอง”
แววตาของหลิงฮันดูหนักแน่นและมั่นคง ทางเดินของเขาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
ในเมื่อทุกคนรับทัณฑ์สวรรค์กันหมดแล้ว มันก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะทะลวงผ่านขั้นถัดไปในเวลาอันสั้น ดังนั้นหลิงฮันจึงตัดสินใจที่จะออกเดินทาง อย่างไรก็ตาม สุดท้ายเขาก็ยังไม่ได้ออกเดินทางทันที เพราะเขาเจอกับคนที่ไม่คาดคิดว่าจะเจอที่นี่
จักรพรรดินีแห่งดาราหายนะ!
นี่ไม่ใช่ร่างแยกของนาง แต่เป็นร่างหลัก
“เจ้าจะไปแล้วงั้นรึ?” นางถามด้วยเสียงที่สงบ ใบหน้าของนางยังคงมีพลังบางอย่างปกปิดใบหน้าที่แท้จริงเหมือนเคย
จอมยุทธระดับดารา แน่นอนว่าสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้เป็นอย่างดี
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “เดิมทีข้าต้องการไปที่ดาวเหอหนิงก่อนเพื่อกล่าวลาท่าน แต่ข้าไม่คิดเลยว่าท่านจะมาที่นี่”