Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1254
หลิงฮันมั่นใจในศักยภาพของตัวเองแต่ก็ไม่ได้คิดว่าตนเองสูงส่งที่สุด
หลังจากหลบหนีมาได้เขาก็หยุดรอโสมเฒ่ากับเจ้ากระต่าย
เมื่อพวกมันมาถึงหลิงฮันก็กล่าว “เจ้ากระต่าย เจ้าอยากไปที่ดีๆรึไม่?”
“ที่ดีๆอะไรของเจ้า?” เจ้ากระต่ายถาม ตัวมันยังไม่เคยเข้าไปในหอคอยทมิฬ
หลิงฮันหัวเราะ เขาจับเฒ่าโสมโยนเข้าไปในหอคอยทมิฬก่อนค่อยคว้าร่างของเจ้ากระต่ายตามเข้าไป
“ที่นี่มัน… ที่นี่มันที่ไหนกัน!” เจ้ากระต่ายตกตะลึง อุปกรณ์มิติศักดิ์ศิทธิ์เป็นสิ่งที่ตัวมันไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะพบเจอ
“เอาล่ะ รีบบ่มเพาะพลังได้แล้ว!” หลิงฮันโยนมันไปยังใต้ต้นสังสารวัฏ เขาขี้เกียจอธิบายอะไรมากจึงให้โสมเฒ่ารับหน้าที่แทน
ผ่านไปสักพักเสียงอุทานของเจ้ากระต่ายก็ดังขึ้น มันตะลึงจนกลั้นปากไม่อยู่ ใต้ต้นไม้ต้นนี้ต่อให้เป็นระดับพลังสูงสุดอย่างระดับสร้างสรรพสิ่งก็สามารถบรรลุได้?
หลิงฮันยิ้มและเรียกหอคอยน้อย “มีวิธีไหนช่วยขจัดพิษของเสียในร่างของข้าเร็วๆรึไม่?”
หอคอยน้อยสั่นขึ้นลงเล็กน้อยและกล่าว “ย่อมมี!”
หลิงฮันดีใจขึ้นมาทันที “เช่นนั้นก็บอกทีว่าข้าควรทำอย่างไร?” หากเขาสามารถขจัดพิษของเสียในร่างได้ เขาจะสามารถบรรลุระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดได้ในระยะเวลาสั้นๆ หลังจากนั้นก็จะได้ขัดเกลาระดับพลังให้ถึงขั้นสมบูรณ์
“หอคอยทมิฬชั้นที่สี่ถูกเปิดแล้ว เจ้าสามารถหยิบยืมอำนาจเปลวเพลิงจากชั้นนั้นมาใช้ขัดเกลาร่างกายได้ทุกๆสามเดือน ด้วยอำนาจของเปลวเพลิงที่ว่าทั้งร่างของเจ้าจะมอดไหม้ไม่เหลือ” หอคอยน้อยกล่าว
ปากของหลิงฮันกระตุก เหตุใดมันถึงฟังดูน่ากลัวขนาดนั้น?
ที่จริงหอคอยน้อยเคยบอกก่อนหน้านี้นานแล้วว่าหอคอยทมิฬมีเปลวเพลิงที่สามารถใช้ขัดเกลากายหยาบได้ เพียงแต่ว่าหอคอยน้อยกล่าวเพียงครั้งเดียวแล้วก็ไม่เอ่ยถึงอีกเลยเขาจึงลืมไปเสียสนิท
เขาถามต่อ “มันจะเป็นอันตรายต่อข้ารึไม่?”
“แน่นอน!” หอคอยน้อยพยักหน้า “ถ้าเจ้าทนอำนาจของเพลิงไม่ได้ร่างของเจ้าถูกเผาเป็นเศษฝุ่น ไม่สิแม้แต่เศษฝุ่นก็คงไม่เหลือ แต่หากเป็นเช่นนั้นได้ก็ดี ข้าก็ได้จะเลิกอดทนกับเจ้านายงี่เง่าเสียที”
เจ้าหอคอยทมิฬบัดซบ ไม่เหน็บข้าสักครั้งเจ้าจะตายรึไง!
หลิงฮันคิดในใจก่อนจะกล่าว “ทำไมก่อนหน้านี้เจ้าไม่บอกข้า?”
“เจ้าอยากตายเร็วขนาดนั้นเลย?” หอคอยน้อยกล่าวถาม “ข้าต้องการรอให้เจ้าบรรลุระดับดาราเสียก่อนถึงจะค่อยให้เจ้าขัดเกากายหยาบให้บรรลุระดับใหม่ด้วยวิธีนี้”
ที่จริงหอคอยน้อยนั้นมีนิสัยประเภทปากหยาบแต่จิตใจดี มันจัดเตรียมกำหนดการในการบ่มเพาะขัดเกลาพลังเอาไว้ให้หลิงฮันแล้ว
หลิงฮันแอบประหลาดใจ “เจ้าหมายความว่าอย่างไร? กายหยาบของข้ายังสามารถขัดเกลาให้แข็งแกร่งขึ้นได้อีกเท่าตัวงั้นรึ?”
“จะพูดว่าเท่าตัวก็ดูเกินจริงเล็กน้อย แต่กายหยาบของเจ้าจะแข็งแกร่งกว่าตอนนี้มากแน่นอน อำนาจที่ทรงพลังของเปลวเพลิงจะทำให้เจ้ากำเนิดใหม่จากเถ้าถ่าน” หอคอยน้อยกล่าว
หลิงฮันแสดงสีหน้าเด็ดเดี่ยว ที่โลกใบเล็กกายหยาบของเขานั้นจะเหนือกว่าระดับพลังบ่มเพาะหนึ่งระดับใหญ่ทำให้เขาเป็นสัตว์ประหลาดที่แท้จริง แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จอมยุทธที่มีพลังบ่มเพาะเท่ากันจะทำให้เขาบาดเจ็บได้
ส่วนบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์น่ะรึ?
กายหยาบของเขาเหนือกว่าพลังบ่มเพาะเพียงแค่ขั้นย่อยเท่านั้น
ตราบใดที่ศัตรูระดับเดียวกันมีพลังต่อสู้เกินกว่าสี่ดาวย่อมสามารถทำให้เขาบาดเจ็บได้เนื่องจากพลังต่อสู้สี่ดาวเทียบได้กับขั้นย่อยของระดับพลังบ่มเพาะ
(ระดับใหญ่เช่นจากระดับภูผาวารีไประดับสุริยันจันทรา ขั้นย่อยเช่นระดับสุริยันจันทราขั้นกลางไปขั้นสูง)
แม้จะกล่าวว่าอัจฉริยะห้าดาวมีอยู่เพียงในตำนวน แต่ความเป็นจริงแล้วอัจฉริยะนั้นมีอยู่ทั่วทุกที่ ตัวหลิงฮันเองที่เป็นอัจฉริยะย่อมมีโอกาสสูงที่จะพบเจอกับอัจฉริยะคนอื่น
เพราะงั้นแล้วกายหยาบของเขาในตอนนี้แม้จะแข็งแกร่งแต่ก็ไม่สามารถเรียกได้ว่าไร้พ่าย
“แล้วอะไรคือกำเนิดใหม่จากเถ้าถ่าน?” หลิงฮันถาม
“เปลวเพลิงของวิหคเพลิงอมตะคือพลังชีวิตที่ไม่มีวันมอดดับ แม้ตายไปแล้วก็สามารถเกิดใหม่ได้” หอคอยน้อยกล่าว “ส่วนหนึ่งของคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์หยิบยืมทักษะลับในการคืนชีพของวิหคเพลิงอมตะมาปรับใช้!”
“วิหคเพลิงอมตะ? หลิงฮันตกตะลึง “ไม่ใช่นกอมตะสวรรค์หรอกรึ?”
“เหอะ นกอมตะสวรรค์จะนำไปเทียบกับวิหคเพลิงอมตะได้อย่างไร?” หอคอยน้อยกล่าวอย่างเหยียดหยาม
“นั่นก็หมายความว่าคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์หยิบยืมพลังของสัตว์เทพมาใช้?” หลิงฮันถามด้วยความสงสัยงง
“พลังต่างๆของเหล่าสัตว์อสูรต้นกำเนิดพิภพจากดินแดนแห่งเซียนถูกนำมาหล่อหลอมอยู่ในคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์!” หอคอยน้อยกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
หลิงฮันอุทาน ‘โอ้’ ออกมา เขาไม่เคยไปยังดินแดนแห่งเซียนจึงไม่รู้ว่าสัตว์อสูรต้นกำเนิดพิภพที่ว่าเป็นอย่างไร แต่ที่รู้ๆก็คือคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์จะต้องเป็นทักษะที่ทรงพลังมากแน่นอน
“งั้นก็เริ่มกันเลย!” หลิงฮันพยักหน้า สถานการณ์ในตอนนี้ไม่ว่าจะการล้มล้างห้านิกายโบราณหรือการชุมนุมของผู้ถูกเลือกแห่งสองดินแดนในที่สามปี สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดในตอนนี้ก็คือความแข็งแกร่ง
“เจ้าควรคิดให้รอบคอบก่อน ถ้าเจ้าผ่านมันไปไม่ได้ชีวิตของเจ้าจะจบลงตรงนี้!” หอคอยน้อยกล่าวเตือน “ด้วยพรสวรรค์ของเจ้าใช่ว่าจะไม่มีโอกาสผ่านการขัดเกลาด้วยเปลวเพลิงในระดับสุริยันจันทรา แต่โอกาสล้มเหลวก็ยังสูงอยู่ดี แต่หากเจ้าขัดเกลาเปลวเพลิงในตอนที่บรรลุระดับดาราแล้ว โอกาสสำเร็จจะมีเพิ่มขึ้น”
หลิงฮันหัวเราะ “ในเมื่อเจ้าบอกว่าข้ามีโอกาสทำสำเร็จข้าก็เชื่อว่าข้าต้องทำได้!”
หอคอยน้อยพยักหน้าและกล่าว “ข้าให้เวลาเจ้าสามวัน เจ้าต้องจดจำรายละเอียดทุกส่วนของคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ให้ดีถึงจะผ่านการขัดเกลาด้วยเปลวเพลิงได้ หากล้มเหลว… สิ่งที่รอเจ้าอยู่มีเพียงความตาย!”
“เข้าใจแล้ว!”
หลิงฮันนั่งสมาธิด้านใต้ต้นสังสารวัฏและทบทวนเนื้อหาทุกส่วนของของคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์อย่างละเอียด หลังจากมั่นใจแล้วว่าไม่มีอะไรตกหล่นเขาก็ลืมตาลุกขึ้นยืน
เวลาได้ผ่านไปห้าวัยแล้วไม่ใช่สามวันตามที่หอคอยน้อยบอกไว้
เขาใช้เวลาทบทวนไปถึงห้าปี!
“เริ่มกันเลย!” หลิงฮันถอนหายใจ
หอคอยน้อยส่งหลิงฮันไปยังตำแหน่งที่ห่างไกล ที่นั่นมีเตาหลอมเก่าแก่ขนาดมหึมาที่หลิงฮันไม่เคยเห็นตั้งอยู่
“หืม ทำไมจู่ๆถึงมีเตาโผลขึ้นมาได้?” หลิงฮันประหลาดใจ “หอคอยน้อย เจ้ายังมีเรื่องที่ไม่บอกข้าอีกมากมายขนาดไหนกัน?”
หอคอยน้อยไม่กล่าวตอบ
“นี่ ข้าพูดกับเจ้าอยู่นะ!” หลิงฮันกล่าวด้วยเสียงที่ดังขึ้น
“โอ้ งั้นหรอกรึ?” หอคอยน้อยไม่แยแส “ข้าไม่เห็นได้ยินเลย เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”
หลิงฮันถามคำถามเดิมออกไปแต่หอคอยน้อยก็ยังนิ่งเงียบ
ที่จริงเจ้าหอคอยปากไม่ตรงกับใจนี้ไม่คิดจะตอบเขาตั้งแต่แรกแล้วจึงแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน
“เข้าไปได้แล้ว!” หอคอยน้อยสั่นไหวเล็กน้อย ทันใดนั้นฝาเตาก็เปิดออก เปลวเพลิงอันร้อนระอุปะทุขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรุนแรง เมือเทียบกันแล้วเพลิงทมิฬของอ้าวซื่อหยินดูเป็นเด็กน้อยไปเลย
หลิงฮันเผลอกัดฟันอย่างหวาดหวั่น หากเข้าไปในเปลวเพลิงที่ร้อนเช่นนี้ บางทีเขาอาจจะถูกเผาเป็นเถ้าถ่านในพริบตาเลยก็ได้
นี่เป็นการขัดเกลากายหยายจริงๆรึ? ไม่ใช่ว่าเป็นการล่อให้เขาไปฆ่าตัวตายหรอกนะ?
“จำไว้ให้ดี สิ่งเดียวที่สามารถทำให้เจ้ารอดชีวิตได้คือคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์เท่านั้น เจ้าต้องโคจรคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์อยู่ตลอดเวลา” หอคอยน้อยกล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล “เจ้าจะรอดชีวิตจากความตายแล้วได้กำเนิดใหม่หรือไม่นั้นคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์คือตัวช่วยเดียว ห้ามคิดต่อต้านเปลวเพลงตรงหน้าเด็ดขาดเพราะมันเป็นไปไม่ได้”
“เพลิงตรงหน้าไม่ใช่เปลวเพลิงทั่วไปแต่เป็นเพลิงนิรันดร์!”