Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1258
หลิงฮันไม่กลัวว่าจะตกอยู่ในกลอุบายของอีกฝ่ายหรือไม่ เขานำศิลาวิญญาณปฐพีออกมาและพูดว่า “เจ้าพอใจหรือยัง?”
“พอใจ! พอใจแล้ว!” ชายที่เป็นหัวหน้ากลุ่มพยักหน้าอย่างรวดเร็วและพูดว่า “แล้วเจ้าต้องการผลึกก่อเกิดหรือแร่เหล็กศักดิ์สิทธิ์กี่ก้อนเป็นการแลกเปลี่ยน?”
“แล้วเจ้าสามารถให้ข้าได้มากเท่าไหร่กันล่ะ?” หลิงฮันถามด้วยรอยยิ้ม
ทั้งหกคนปรึกษากันอยู่ชั่วครู่ หลังจากนั้นก็พูดว่า “ผลึกก่อเกิดที่พวกเรามีอยู่นั้นมีจำกัด นอกจากเจ้าจะตามพวกเราไปที่นิกายเพลิงไพศาล ผู้อาวุโสของพวกเราจะจ่ายให้เจ้ามากพอ”
หลิงฮันส่ายหัวและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าพวกเจ้าจะไม่พาข้าไปติดกับและสังหารข้าที่นั่น?”
“ดังนั้น ข้าจะให้เวลาพวกเจ้าสามเดือน หลังจากผ่านไปสามเดือนแล้วข้าจะไปพบพวกเจ้าที่โรงเตี๊ยมเฒ่าจางในเมืองเขี้ยวหมาป่า สิ่งที่พวกเจ้าต้องเตรียมมาคือผลึกก่อเกิดที่มากพอหรือแร่เหล็กศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ขึ้นไป แล้วข้าจะมอบศิลาวิญญาณปฐพีให้กับพวกเจ้าเป็นการแลกเปลี่ยน มิฉะนั้นข้าจะนำมันไปประมูล”
หลังจากหลิงฮันพูดจบ ทันใดนั้นเองก็ชายหนุ่มคนหนึ่งก็เผยสีหน้าโกรธเกรี้ยวและพูดว่า “ศิษย์พี่เจ็ด พวกเราเอาชนะเจ้าหมอนี่และแย่งชิงศิลาวิญญาณปฐพีโดยตรงเลยจะดีกว่า!”
“ใช่แล้ว!” มีสองคนพยักหน้าเห็นด้วย
ชายที่เป็นหัวหน้ากลุ่มไตร่ตรองอยู่สักพัก จากนั้นเขาก็ส่ายหัวและพูดว่า “พวกเรานิกายเพลิงไพศาลจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร? มันไม่ถูกต้อง และอย่าได้พูดถึงมันอีก!” จากนั้นเขาก็พยักหน้าให้กับหลิงฮันและพูดว่า “น้องชาย ข้ายอมรับข้อเสนอของเจ้า และข้าจะไปพบเจ้าที่โรงเตี๊ยมเฒ่าจางในอีกสามเดือนข้างหน้า”
จากนั้นเขาก็พาทั้งห้าคนออกไป หลังจากที่เดินไปได้ซักพัก ใครบางคนในกลุ่มของเขาก็อดที่จะถามไม่ได้ว่า “ศิษย์พี่เจ็ด ทำไมพวกเราไม่จัดการเจ้าหมอนั่นไปเลย? อีกเพียงแค่ไม่กี่ก้าวปรมาจารย์เหมาก็จะทะลวงผ่านระดับดาราแล้ว ตราบใดที่พวกเราเอาศิลาวิญญาณปฐพีกลับไปให้ ปรมาจารย์เหมาก็จะทะลวงผ่านระดับดาราได้สำเร็จและกลายเป็นวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่!”
“หึ่ม!” ชายที่เป็นหัวหน้ากลุ่มส่ายหน้าและพูดว่า “เด็กคนนั้นไม่ธรรมดา มิฉะนั้นศิษย์น้อยหยานจะเรียกพวกเราไปทำไม?”
หยานจุนเผนสีหน้าโศกเศร้าและพูดว่า “ข้าห่างชั้นกับเจ้าหมอนั้นมาก!”
ทุกคนรู้สึกแปลกใจ แม้แต่หยานจุนยังพูดเช่นนั้น ถึงแม้ระดับบ่มเพาะพลังของเขาจะไม่สูงมากนัก แต่เขาเป็นคนที่มีพลังต่อสู้โดดเด่นที่สุดในหมู่พวกเขา นั่นคือสี่ดาว มีเพียงแค่จอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงเท่านั้นที่สามารถสยบเขาได้อยู่หมัด แต่ในเมื่อหยานจุนพูดว่าห่างชั้นจากอีกฝ่ายมาก นั่นหมายความว่าพลังต่อสู้ของอีกฝ่ายอาจเทียบได้กับจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นกลาง หรือแม้กระทั่งขั้นสูง!
ชายที่เป็นหัวหน้ากลุ่มพูดอีกครั้งว่า “ถ้าพวกเราสามารถจัดการเขาได้อย่างอยู่หมัด มันก็ไม่น่ามีปัญหา แต่ถ้าพลาดพวกเขาจะไม่มีทางได้รับศิลาวิญญาณปฐพีหรือกระทั่งซื้อมัน”
“ศิษย์น้องหลิว ศิษย์น้องหม่า พวกเจ้าสองคนรีบไปตามหาปรมาจารย์เฉียนเดี๋ยวนี้ เขาเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงน่าจะสยบเจ้าเด็กคนนั้นได้ ส่วนพวกเราจะแอบสะกดรอยตามเขาไปอย่างลับๆและรอให้ปรมาจารย์เฉียนมาถึง จากนั้นค่อยบังคับเจ้าเด็กนั่นส่งศิลาวิญญาณปฐพี”
“ถ้าเจ้าเด็กนั่นให้ความร่วมมืออย่างเชื่อฟังก็จะมีชีวิตรอด แต่ถ้าไม่ก็จะต้องตาย!”
ทั้งห้าคนรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาทันที ศิษย์พี่เจ็ดที่ดูอบอุ่นและเข้าถึงง่าย แต่กลับมีจิตใจที่โหดเหี้ยมชั่วร้ายเหมือนกับอสรพิษ ใครก็ตามที่กล้าทำให้เขาขุ่นเคืองมักจะมีจุดจบไม่สวย
พวกเขารีบทำตามแผนทันที โดยมีสองคนแยกตัวออกไปตามหาปรมาจารย์เฉียน ส่วนพวกเขาอีกสี่คนแอบติดตามหลิงฮันอย่างลับๆ และทิ้งสัญลักษณ์เฉพาะของนิกายเพลิงไพศาลเอาไว้เพื่อนำทางปรมาจารย์เฉียน
ทว่าสัมผัสสวรรค์ของหลิงฮันนั้นแหลมคมอย่างมาก ในไม่ช้าเขาก็พบว่ากำลังถูกใครบางคนจ้องมอง
“เฮ้อ ดั่งคำพูดรู้หน้าไม่รู้ใจไม่มีผิด” หลิงฮันถอนหายใจ ทั้งที่ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายตกลงยอมรับเงื่อนไขของเขาแต่โดยดี
แต่ตอนนี้ล่ะ?
อีกฝ่ายเหลือแค่สี่คน นั่นหมายความว่ามีสองคนปลีกตัวออกไปร้องขอความช่วยเหลือจากใครบางคน แล้วสี่คนนี้กำลังแอบตามเขาอย่างเงียบๆ รอให้กำลังเสริมมาถึง
แต่หลิงฮันก็ไม่หวาดกลัว เพราะที่นี่คือสนามรบสองดินแดนซึ่งเป็นสถานที่ที่อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ปั่นป่วน ดังนั้นจอมยุทธจะไม่สามารถต่อสู้ได้อย่างสุดพลัง ยิ่งไปกว่านั้นในกรณีที่เลวร้ายที่สุด เขาก็สามารถซ่อนตัวในหอคอยทมิฬได้
ถ้ากำลังเสริมที่อีกฝ่ายพามาไม่ใช่จอมยุทธระดับดารา หลิงฮันก็จะไม่เข้าไปหลบซ่อนตัว แต่จะเลือกเผชิญหน้า
ระหว่างทางหลิงฮันยังคงมองหาศิลาวิญญาณปฐพีอยู่ตลอดเวลา นั่นเป็นเพราะเขาต้องรอเวลาอีกตั้งสามเดือนกว่าจะกลับเข้าไปในหอคอยทมิฬเพื่อขัดเกลากายหยาบด้วยเพลิงนิรันดร์ได้ ดังนั้นตอนนี้เขาเลยไม่มีจุดมุ่งหมายปลายทางเฉพาะเจาะจง เพียงแค่มองหาศิลาวิญญาณปฐพีไปวันๆและบางครั้งก็เข้าไปในหอคอยทมิฬเพื่อหลอมเม็ดยา
ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้กลุ่มของหยานจุนประหลาดใจที่ร่องรอยของหลิงฮันหายไปอย่างกะทันหันและคิดว่าอีกฝ่ายรู้ตัวแล้วเลยแอบหลบหนีไป แต่หลังจากนั้นไม่กี่วัน หลิงฮันก็ปรากฏตัวออกมาอย่างลึกลับ ซึ่งทำให้พวกเขารู้สึกสับสนมากยิ่งขึ้น นี่มันหมายความว่าอย่างไร?
ตกลงแล้วเจ้ารู้แผนการของพวกเราหรือไม่?
โชคดีที่หลิงฮันไม่ได้หายตัวไปนาน ส่วนใหญ่เขาใช้เวลาเดินไปเรื่อยและเมื่อพบกับสิ่งมีชีวิตใต้พิภพ เขาก็จะต่อสู้หรือไม่ก็หลบหนี ซึ่งขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของอีกฝ่าย
สิบเอ็ดวันต่อมา หลิงฮันก็พบศิลาวิญญาณปฐพีอีกก้อน แต่ศิลาวิญญาณปฐพีก้อนนี้เล็กกว่าก้อนก่อนหน้านี้มาก มันมีขนาดเทียบเท่านิ้วก้อยเท่านั้น
“ไม่ว่ามันจะก้อนเล็กแค่ไหน แต่มันก็ยังเป็นศิลาวิญญาณปฐพีอยู่ดี” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้มและเก็บมันเข้าไปในหอคอยทมิฬ “หืม?” เขาหันหลังกลับไปมอง “ในที่สุดพวกมันก็เคลื่อนไหวแล้ว?”
จากสี่คนที่แอบติดตามของมาอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้กลายเป็นเจ็ดคน!
หลิงฮันถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ดูเหมือนการฆ่าฟันจะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ซะแล้ว
พรึบ ร่างของคนเจ็ดคนปรากฏออกมาทีละคนและเข้าล้อมรอบหลิงฮัน ใช่แล้ว คนพวกนั้นคือหยานจุนและกลุ่มของเขา
หลิงฮันยิ้มแห้งและพูดว่า “พวกเจ้าล้อมข้าแบบนี้มันหมายความว่าอย่างไร? มิใช่ว่าอีกสามเดือนให้หลังพวกเราจะเจอกันที่โรงเตี๊ยมเฒ่าจางในเมืองเขี้ยวหมาป่าหรอกรึ?”
หยานจุนและอีกหกคนไม่พูดตอบ อย่างไรก็ตามก็มีชายชราคนหนึ่งพูดด้วยเสียงที่หนาวเย็นว่า “เจ้าหนุ่ม หยุดพูดจาเหลวไหลและรีบส่งศิลาวิญญาณปฐพีมาให้ข้าแต่โดยดีจะดีกว่า อย่าได้แกว่งเท้าหาความตายเลย”
หลิงฮันทำเป็นครุ่นคิด จากนั้นเขาก็นำศิลาวิญญาณปฐพีสองก้อนออกมากำไว้ในมือแต่ละข้าง แล้วพูดว่า “เจ้าพูดถึงก้อนนี้หรือก้อนนี้กันล่ะ?”
ชายชราเผยสีหน้าโลภออกมาให้เห็นทันทีและพูดว่า “ส่งมันมาให้หมด!”
“ก็ได้ แต่ข้าขอผลึกก่อเกิดสามร้อยล้านก้อน” หลิงฮันพยักหน้า
ทันใดนั้นเอง สีหน้าของชายชราก็กลายเป็นโกรธเกรี้ยวและพูดว่า “เด็กน้อย เจ้าคิดว่าคนแก่อย่างข้าจะพูดจาล้อเล่นกับเจ้าหรือไม่? หากเจ้ายังไม่ส่งมันมาให้ข้าอีก ข้าจะสังหารเจ้า!”
“ข้ากลัวแล้ว!” หลิงฮันทำเป็นหวาดกลัว จากนั้นเขาก็แอบแสยะยิ้มและพูดว่า “เอาล่ะ ใครจะเป็นคนเข้ามาเอากันล่ะ?” เขากวาดสายตามองทั้งหกคนจากนั้นก็ยื่นมือไปข้างหน้า “เชิญพวกเจ้าเอาไปได้เลย!”