Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1273
อู่เมี่ยนยืนอย่างองอาจราวกับขุนเขา สายลมอ่อนๆพัดชุดของเขาให้พริ้วไหวเสริมให้เขารู้ทรงอำนาจยิ่งขึ้น
เชี่ยตงหลายตกตะลึง จู่ๆออร่าของอีกฝ่ายก็แข็งแกร่งขึ้นมาจนไม่อาจหยั่งถึง อีกฝ่ายดูสูงส่วราวกับพระเจ้าที่ไม่อาจเอื้อมจับ
เป็นไปได้อย่างไร เมื่อครู่เห็นได้ชัดว่าเจ้าเป็นเพียงระดับสุริยันขั้นกลางแท้ๆ เหตุใดตอนนี้ถึงกลายเป็นปรมาจารย์ไปได้?
“ปรมาจารย์… ท่านมีชื่อแซ่ว่าอะไร?” เชี่ยตงหลายถามอย่างตระกุกตระกัก เขาไม่กล้าดูถูกอีกฝ่ายอีกต่อไป
อู่เมี่ยนยิ้มและกล่าว “เจ้าไม่มีคุณสมบัติพอจะรู้ชื่อของข้า”
เชี่ยตงหลายเกรี้ยวกราดทันที เขาไม่มีคุณสมบัติงั้นรึ? เขาเป็นถึงทายาทของแม่ทัพเชี่ย ผู้หนุนหลังของเขาคือตัวตนระดับวารีนิรันดร์ ถึงอย่างนั้นแค่ชื่อของเจ้าข้าก็ไม่มีคุณสมบัติจะรับรู้?
ชายคนนี้บ้าอีกกว่าหลิงฮันเสียอีก!
“ฆ่ามัน!” เขาตะโกนออกมา เขาอดกลั้นความรู้สึกไม่พอใจมาตั้งแต่ความอัปยศในเมืองเขี้ยวหมาป่าแล้ว แถมก่อนหน้านั้นก็ยังถูกขับไล่ออกมาจากกองทัพจันทราม่วงอีก ตอนนี้อารมณ์ของเขาระเบิดออกมาแล้ว
คนรับใช้ชราสองคนลุกขึ้นยืนและนำอาวุธออกมา
ก่อนหน้านี้พวกเขาคิดเพียงว่าหลิงฮันกับอู่เมี่ยนมีพลังระดับสุริยันจันทราขั้นกลางจึงไม่ระมัดระวัง
“พี่ชายอู่เมี่ยน ข้าขอฝากท่านด้วย!” หลิงฮันยิ้ม
“ไม่มีปัญหา” อู่เมี่ยนกล่าวอย่างไม่คิดอะไรมาก แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เขายืนอยู่บนจุดสุงสุดของระดับสุริยันจันทรา ตัวเขานั้นสามารถสังหารพวกเชี่ยตงหลายได้ด้วยมือข้างเดียว
อู่เมี่ยน? (ไร้หน้า)
เชี่ยตงหลายได้ยินหลิงฮันเรียกชื่อนี้มาสักพักแล้ว แต่เขาไม่เชื่อว่าจะมีใครที่ชื่อแบบนั้นจริงๆ ถึงได้ถามชื่อของอีกฝ่ายและถูกหักหน้ากลับมา
ช่างน่ารังเกียจนัก!
คนรับใช้ชราสองคนร่วมมือกันพุ่งโจมตีใส่อู่เมี่ยน พวกเขาใช้รูปแบบยุทธวิธีก้าวย่างหยินหยาง หนึ่งคนเคลื่อนที่ทางซ้ายหนึ่งคนทางขวา การโจมตีของพวกเขาตอบสนองเข้าหากันทำให้การโจมตีทรงพลังยิ่งขึ้น
อู่เมี่ยนดีดสายพิณ ‘ตึง’ คลื่นเสียงดังออกมาและแปรเปลี่ยนเป็นหอกพุ่งเข้าหาชายชราทั้งสอง
‘ตูม’ หอกโมตีถูกเป้าหมาย ชายชราทั้งสองไม่สามารถต้านทานได้และถูกส่งร่างกระเด็นทันที
นี่มัน!
เชี่ยตงหลายสั่นสะท้าน คนรับใช้ชราทั้งคนที่ติดตามเขานั้นแข็งแกร่งมาก แม้แต่เขายังต้องใช้ความพยายามอย่างมากถึงจะเอาชนะทั้งสองคนได้ แต่แค่อีกฝ่ายดีดพิณกลับเอาชนะคนรับใช้ที่ทรงพลังทั้งสองได้อย่างราบคาบ
“สุริยันจันทรา… ขั้นสมบูรณ์!” เสียงของเขาสั่นเครือ นอกจากความเป็นไปได้นี้เขาก็นึกเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้แล้ว
อู่เมี่ยนไม่ลงมือต่อ “หน้าที่ของข้าคือทำให้พวกเจ้าอยู่เฉยๆ ดังนั้นแล้วพวกเจ้าควรจะให้ร่วมมือแต่โดยดีเสียจะดีกว่า ข้าเกลียดคนที่ทำให้ข้าต้องขยับมือขยับขาออกแรง หากพวกเจ้าไม่เชื่อฟังข้าคงต้องกำจัดพวกเจ้าทิ้ง”
“คงเข้าใจสินะ?”
ใบหน้าของเชี่ยตงหลายกลายเป็นบูดบึ้ง เขาเป็นถึงทายาทของตัวตนระดับวารีนิรันดร์ การถูกข่มขู่เช่นนี้ช่างเป็นเรื่องน่าอัปยศยิ่งนัก
แต่อีกฝ่ายแสดงให้เห็นแล้วว่าหากเขาขัดขืนทำลงมือสังหารทันที ซึ่งเขาก็ไม่คิดว่าคำพูดนั่นเป็นเพียงคำพูดเล่นๆ จากที่ดูแล้วอีกฝ่ายเป็นประเภทที่หากคิดจะลงมือล่ะก็จะไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย
ทั้งสามคนไม่กล้าขยับตัว ต่อให้เขาจะมีตราสัญลักษณ์ของแม่ทัพเชี่ยติดตัวอยู่ก็ตาม ถ้าหากอีกฝ่ายคิดจะสังหารเขาอย่างเงียบเฉียบที่นี่พวกเขาคงไม่มีโอกาสหลบหนีพ้น
และแน่นอนว่าเชี่ยตงหลายย่อมไม่โง่ ถ้าหากเขาสามารถโน้มน้ามให้อีกฝ่ายมาเป็นพวกได้ ตำแหน่งในตระกูลเชี่ยของเขาจะต้องสูงขึ้นอีกขั้น
ใช่ว่าจะโน้มน้าวไม่ได้ เพราะอย่างไรอีกฝ่ายก็ยังไม่รู้ถึงสถานะที่แท้จริงของเขา
เหอะๆ เจ้าเป็นอัจฉริยะแล้วอย่างไร? เจ้าสามารถอยู่เหนือระดับวารีนิรันดร์ได้รึไง?
“พี่ชายอู่เมี่ยน ข้าจะ…”
ฉัวะ!
ทันทีที่เชี่ยตงหลายเปิดปาก ปราณดาบก็พุ่งเข้าใส่ปากเขาจนเลาะฟันเขาร่วงทันที ด้วยความเจ็บปวดจึงทำให้เขาต้องเผลอหุบปาก
“หากยังกล่าวอะไรไร้สาระอีก ครั้งหน้าจะไม่ใช่แค่ฟันแน่!” อู่เมี่ยนกล่าวอย่างเย็นชา
เชี่ยตงหลายทั้งเกรี้ยวกราดและอับอาย ทำไมเขาต้องมาได้รับความอัปยศเช่นนี้ด้วย? แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่กล้าเปิดปากบ่น เขาจ้องมองไปยังอู่เมียนอย่างเกลียดชัง ความโกรธแค้นครั้งนี้เขาจะเอาคืนให้ได้!
เขาต้องทะลวงผ่านระดับดาราให้เร็วที่สุดและใช้ประโยชน์จากระดับพลังที่เหนือกว่ากำราบอีกฝ่าย
เพียงแต่ว่าสำหรับตอนนี้เขาไม่กล้าพูดอะไรออกไปแม้แต่นิดเดียว
หลิงฮันเดินไปหยุดหน้าจูหลี่หยุน
“เจ้าคิดจะสังหารข้า?” จูหลี่หยุนเผยสีหน้าเหยียดหยาม นางยอมรับว่าหลิงฮันเป็นอัจฉริยะแห่งศาสตร์ปรุงยา แต่หากเป็นในด้านของศาสตร์วรยุทธเขาจะมีดีเท่าไหร่เชียว? พลังของเจ้าคือระดับสุริยันจันทราขั้นกลางเท่านั้น…
จูหลี่หยุนชะงัก นางจำได้ว่าครั้งแรกที่นางพบหลิงฮัน อีกฝ่ายมีพลังอยู่ที่ระดับสุริยันจันทราขั้นต้นชั้นกลางเท่านั้น แต่เวลาผ่านไปไม่กี่เดือนหลิงฮันกลับก้าวขึ้นเป็นระดับสุริยันจันทราขั้นกลางแล้ว… นี่มันจะน่ากลัวเกินไปรึเปล่า
แค่ด้านปรุงยาอย่างเดียวเจ้ายังไม่พอใจรึไง?
“ข้าไม่ได้แค่คิด แต่ข้าจะสังหารเจ้าจริงๆ!” หลิงฮันกล่าวด้วยเสียงมืดมน เขาเกลียดคนประเภทจูหลี่หยุนมากที่สุด
“เหอะ ต่อให้เจ้าเติบโตได้เร็วราวกับติดปีก พลังของเจ้าก็ยังต่ำกว่าข้าสองสองขั้น คิดว่าจะสังหารข้าได้จริงๆรึไง!” จูหลี่หยุนแสยะยิ้ม ถ้าเปลี่ยนให้อู่เมี่ยนเป็นคนลงมือกับนาง นางคงหวาดกลัวจนฉี่ราด แต่กับหลิงฮันน่ะรึ? เหอๆ
“งั้นรึ?” หลิงฮันนำดาบอสูรนิรันดร์ออกมา เขาต้องใช้พลังทั้งหมดเพื่อสังหารสตรีผู้นี้
จูหลี่หยุนนำอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ออกมาเช่นกัน นางไม่คิดจะออมมือเพียงเพราะอีกฝ่ายมีพลังบ่มเพาะต่ำกว่า
หลิงฮันไม่พล่ามไร้สาระอีกต่อไป สิ่งเดียวที่เขาจะทำคือสังหารสตรีชั่วร้ายตรงหน้า!
ทันทีที่เขาสะบั้นดาบ ดาบอสูรนิรันดร์ก็ระเบิดแสงอันไร้ที่สิ้นสุดออกมา คลื่นแสงของดาบพุ่งขึ้นฟ้าราวกับมังกรที่ทะยานขึ้นสวรรค์
เชี่ยตงหลายที่มองอยู่แววตาได้ปรากฏร่องรอยของความโลภ ดาบเล่มนั้นทรงพลังจนแม้แต่เขาก็ยังรู้สึกถูกคุกคาม ถ้าเขาได้มันมาพลังต่อสู้ของเขาต้องเพิ่มขึ้นมหาศาลแน่นอน
แต่ตอนนี้ข้างกายเขามียมทูตแห่งความตายยืนอยู่ เขาจะกล้าลงมือแย่งชิงได้อย่างไร?
แต่ต่อให้ดาบจะทรงพลังขนาดไหน จูหลี่หยุนก็ไม่ได้อ่อนแอ พลังบ่มเพาะของนางที่เหนือกว่าไม่ใช่สิ่งที่อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์จะสามารถชดเชยความต่างได้ นางกวัดแกว่งกระบี่เล่มใหญ่ปล่อยคลื่นกระบี่ที่ทรงพลัง
ด้วยการโจมตีของนาง หลิงฮันตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบทันที
ไม่มีใครประหลาดใจ ขั้นพลังที่ต่างกันของทั้งสองคนเทียบเป็นพลังต่อสู้แล้วต่างกันถึงสิบเอ็ดดาว ต่อให้หลิงฮันเป็นอัจฉริยะสิบดาวก็ยังไม่สามารถต่อกรกับนางได้อยู่ดี และมีเพียงการบรรลุขั้นสมบูรณ์เท่านั้นถึงจะมีพลังต่อสู้สิบดาวได้
หลิงฮันไม่คิดจะต่อสู้กับอีกฝ่ายอย่างยืดเยื้อโดยใช้ประโยชน์จากกายหยาบของตัวเอง เขานำบุปผาหมอกครอบงำจิตออกมา
เมื่อจูหลี่หยุนเห็นดอกไม้ ร่างของนางก็หยุดชะงักและมีท่าทีเหม่อลอย
ฉัวะ!
คลื่นแสงของดาบถูกฟันออกไป หัวของจูหลี่หยุนร่วงหล่นจากบ่าพร้อมกับโลหิตสาดกระจายขึ้นสู่ท้องฟ้า