Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1279
พลังต่อสู้ที่เหนือกว่าระดับพลังบ่มเพาะ
หลิงฮันเชื่อว่าชายที่ชี้ปลายดาบมาที่เขาต้องเป็นอัจฉริยะอย่างน้อยสามหรือสี่ดาว!
ตัวเขาในตอนนี้ยังไม่สามารถต่อกรกับปรมาจารย์เช่นนี้ได้
พลังต่อสู้ของเขานั้นทัดเทียมกับระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดชั้นปลาย หากใช้อำนาจสวรรค์ลดพลังต่อสู้ของอีกฝ่ายลงมาขั้นย่อย เขาจะสามารถต่อกรกับระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดชั้นต้นได้ หากเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งกว่านี้บุปผาหมอกครอบงำจิตก็ยังพอทำให้เขาเอาชนะได้อยู่
แต่หากเป็นการปะทะซึ่งๆหน้า เกรงว่าหลิงฮันคงจะถูกอีกฝ่ายผ่าออกเป็นสองส่วน
ด้วยพลังทำลายของเจตจำนงแห่งดาบของอีกฝ่าย ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากายหยาบของหลิงฮันในตอนนี้ที่เทียบได้กับแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดย่อมไม่มีทางป้องกันได้แน่ หรือต่อให้กายของเขายกระดับเป็นแร่โลหะระดับแปด ถ้าอีกฝ่ายมีพลังต่อสู้สามหรือสี่ดาวจริง แร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับแปดก็คงได้รับความเสียหายอยู่ดี
หลิงฮันนำบุปผาหมอกครอบงำจิตออกมา ทันใดนั้นเองจิตใจของคนทั้งสิบคนก็ตกอยู่ในภวังค์ แต่ผ่านไปไม่นานปรมาจารย์ทั้งสี่ของนิกายดาบสวรรค์กับนิกายกระบี่ไร้เทียมทานก็ลืมตาตื่นขึ้นมา
พวกเขาเป็นจอมยุทธที่ขัดเกลาแก่นแท้แห่งดาบและแก่นแท้แห่งกระบี่จนถึงระดับรู้แจ้ง จิตวิญญาณของพวกเขาจึงมั่นคงเกินกว่าจะสั่นคลอนได้เป็นเวลานาน
“ตาย!” ดาบถูกฟันเข้าใส่หลิงฮัน สุริยันจันทราสี่ดวงที่ลอยอยู่ด้านหลังปลดปล่อยอำนาจอันน่าสะพรึงกลัวออกมา
เมื่อเห็นว่าบุปผาหมอกครอบงำจิตใช้ไม่ได้ผล หลิงฮันก็รีบเก็บดอกไม้กลับเข้าไปและโคจรย่างก้าวไล่ตามดาราเผ่นหนีทันที
“คิดจะไปไหน!” ปรมาจารย์อีกสามคนของนิกายดาบสวรรค์กับนิกายกระบี่ไร้เทียมทานใช้ดาบและกระบี่กระหน่ำโจมตีเช่นกัน
เจ้าหนูนี่มีสมบัติอันแปลกประหลาด หากไม่ใช่เพราะพวกเขาทั้งสี่ฝึกฝนแก่นแท้แห่งดาบและแก่นแท้แห่งกระบี่ เกรงว่าพวกเขาคงได้รับผลกระทบจากดอกไม้นั่นไปแล้ว
เมื่อคิดว่าจิตใจของตนเองเกือบจะถูกทำให้สับสนโดยเงื้อมมือของมดปลวก พวกเขาก็เกรี้ยวกราดและกระหน่ำโจมตีหลิงฮันทันที
แน่นอนว่าหลิงฮันไม่คิดสู้และเคลื่อนไหวหลบหนีอย่างรวดเร็ว
“คิดว่าจะหนีพ้น?” ปรมาจารย์อีกหกคนกล่าวอย่างเย็นชา ในหมู่พวกเขาคนที่มีพลังบ่มเพาะต่ำสุดคือระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดชั้นต้น หากทั้งสิบคนร่วมมือกัน ไม่ว่าจะเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดคนใดก็ต้องสิ้นชีพ ไม่ต้องกล่าวถึงหลิงฮันที่มีพลังระดับสุริยันจันทราขั้นกลางเลย
‘ตูม ตูม ตูม’ การโจมตีมากมายพัวพันกันจนเกิดเป็นพลังทำลายที่น่าสะพรึงกลัว
‘อั่ก’ หลิงฮันร้องโอดครวญ เขาหลบการโจมตีส่วนใหญ่ได้และสามารถหลบหนีออกมาได้ในที่สุด
บนร่างของเขาปรากฏหลุมเลือดเจ็ดจุด แต่นั่นไม่ใชเรื่องที่หลิงฮันจะสนใจ “หนี้แค้นครั้งนี้ข้าจะจำเอาไว้แล้วเอาคืนพวกเจ้าทีละคน!”
สีหน้าของทั้งสิบคนแสดงออกถึงความตะลึงอย่างปิดไม่มิด เขายังไม่ตายอีกรึ?
ถ้าลองเปลี่ยนเป็นพวกเขา ไม่ว่าจะคนใดในกลุ่มพวกเขาย่อมไม่มีทางรอดชีวิตแน่นอน แต่ถึงอย่างนั้นจอมยุทธที่มีพลังเพียงระดับสุริยันขั้นกลางกลับสามารถรอดไปได้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้พวกเขารู้สึกเย็นยะเยือกไปถึงก้นบึ้งหัวใจ
เจ้าหนูนั่น… ห้ามปล่อยให้มีชีวิตอยู่ต่อไปเด็ดขาด!
“ไม่ว่าอย่างไรมันต้องตายวันนี้!” ทั้งสิบคนกล่าว หลิงฮันจะต้องถูกจำกัดทิ้ง ไม่เพียงแค่อีกฝ่ายจะกลายเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งในอนาคต แต่เขายังครอบครองสมบัติที่ยิ่งใหญ่เอาไว้ด้วย
พวกเขาไม่เชื่อมดปลวกจากโลกใบเล็กจะพัฒนามาจนถึงจุดนี้ได้ด้วยความสามารถของตัวเองเพียงอย่างเดียว หลิงฮันต้องมีวาสนาอันยิ่งใหญทำให้อาจจะได้รับมรดกสืบทอดของราชันวารีสวรรค์
หลิงฮันเค้นเสียงก่อนจะย่างก้าวไล่ตามดาราวิ่งเผ่นไปอย่างด้วยเร็ว
ห้าคนในกลุ่มพวกเขารีบไล่ตามหลิงฮันไป แต่ก็ไล่ไม่ทัน!
ไม่เพียงแค่ไล่ไม่ทันแต่ระยะทางยังค่อยๆห่างออกไปอีกด้วย
“เป็นไปไม่ได้ที่จะเคลื่อนไหวได้รวดเร็วเช่นนั้น”
“ไล่ตามไป เจ้าหนูนั่นต้องถูกกำจัด”
ผ่านไปไม่นานหลิงฮันก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ทั้งสิบคนหมดหนทางและทำได้เพียงแยกย้ายกันตามหาต่อ
หลังจากที่หลิงฮันหนีออกมาได้ เขาได้เข้ามาซ่อนตัวในหอคอยทมิฬ
ที่เขาไม่เข้ามาในหอคอยทมิฬตั้งแต่แรกเป็นเพราะไม่ต้องการเปิดเผยความลับของหอคอยทมิฬ อย่างที่สองคือหากตกในสถานการณ์เขาไม่อยากพึ่งพาหอคอยทมิฬมากเกินไป ทันทีที่เขาเข้ามาด้านในเขารีบโคจรหยดวารีอมตะรักษาบาดแผลจนหายเป็นปลิดทิ้งในพริบตา
ที่จริงแล้วเขาเจ็บปวดเป็นอย่างมาก
จะอย่างไหร่นั่นก็เป็นการกระหน่ำโจมตีจากเหล่าปรมาจารย์ระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุด บางคนในหมู่พวกเขาไม่เพียงบรรลุขั้นสูงสุดแต่ยังมีพลังต่อสู้สามถึงสี่ดาว การโจมของพวกเขาทำให้กล้ามเนื้อของเขาฉีกขาด แม้แต่กระดูกก็แทบจะแตกหัก
ถ้ากระดูกของเขาไม่ทนทานพอ ร่างของเขาคงแยกส่วนออกจากกันแล้ว
“หืม?”
ในหอคอยทมิฬที่ระยะสายตาของเขาไม่ถูกจำกัด เขามองเห็นคนคนหนึ่งไล่ตามเขามาทิศทางนี้ อีกฝ่ายคือหญิงชราของนิกายมังกรปฐพี
อย่าดูถูกนางเพียงเพราะนางใช้ไม้เท้าค้ำร่างกายเอาไว้ ความเร็วที่นางเคลื่อนที่นั้นว่องไวมาก แค่ก้าวเดียวของนางก็เขยิบได้ไกลถึงร้อยฟุต
หลิงฮันแสยะยิ้ม ความแค้นก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะได้เอาคืนแล้ว
จู่ๆหญิงชราก็หยุดชะงัก นางมีสายเลือดของมังกรทำให้มีประสาทสัมผัสที่ไวต่อกลิ่น นางได้กลิ่นออร่าของหลิงันอย่างเรือนรางตามทางมาตลอด แต่พอมาถึงบริเวณจุ่ๆกลิ่นก็หายไป
แปลก… เป็นไปได้อย่างไร?
นางส่งเสียงคำรามเพื่อเรียกให้คนอื่นมาที่นี่
แต่ทันใดนั้นเอง คลื่นแสงแห่งดาบอันรุนแรงที่แฝงไว้ด้วยจิตสังหารก็พุ่งเข้ามาใส่คอของนาง
อะไรกัน!
หญิงชราตกตะลึง บริเวณนี้ไม่มีใครแท้ๆ แล้วคลื่นดาบนี่มาได้อย่างไร? นางกวัดแกว่งไม้เท้าตอบโต้คลื่นดาบ เมื่อนางหันหลังมาก็พบกับรุ่นเยาว์ผู้หนึ่งที่เป็นคนโจมตีใส่นาง
เป็นหลิงฮัน!
นางทั้งตะลึงและเกรี้ยวกราด ไม่คาดคิดว่าไม่เพียงหลิงฮันจะไม่หนีไปแต่ยังกล้าซุ่มโจมตีนางอีกด้วย แต่วิธีการที่อีกฝ่ายใช้ซ่อนตัวนับว่ายอดเยี่ยมมา แม้แต่นางก็ไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อย ออร่าของหลิงฮันหายไปอย่างไร้ร่องรอยทำให้นางอยู่ในสภาวะประมาท
คลื่นดาบที่พุ่งเข้ามาหนักหน่วงราวกับขุนเขาถล่มท้องฟ้าทลาย พลังทำลายของมันรุนแรงเกินจะบรรยาย
ตูม!
เนื่องจากตอบโต้กลับไปอย่างไม่มีการเตรียมตัว พลังที่ใช้ออกไปจึงไม่เพียงพอและไม่สามารถสลายพลังของคลื่นดาบได้ แต่ถึงอย่างนั้นนางก็หาจังหวะพลิกร่างล่าถอยออกมาทัน
หลิงฮันพุ่งเข้าไป เนื่องจากระยะของทั้งใกล้ชิดกันมากเขาจุงไม่มีพื้นที่พอให้กวัดแกว่งดาบ เขาปล่อยดาบอสูรนิรันดร์เข้าไปในหอคอยทมิฬและปล่อยหมัดทั้งสองเข้าใส่หญิงชรา
หญิงชราไม่มีเวลาตั้งตัวและใช้มือทั้งสองข้างป้องกันร่างตนเองเอาไว้ นางไม่มีเวลามัวจะมาคิดว่าหลิงฮันที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสไปก่อนหน้านี้สามารถฟื้นฟูบาดแผลจนหายดีราวกับไม่เคยได้รับบาดเจ็บได้อย่างไร
แต่ทันใดนั้นเองเสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างทั้งเก้าที่ใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว
หญิงชราโล่งอก ขอแค่นางถ่วงเวลาได้อีกนิดหน่อยกำลังเสริมก็จะมาถึง
“เจ้าไม่มีโอกาสรอด!” หลิงฮันแสยะยิ้มและนำบุปผาหมอกครอบงำจิตออกมา
หญิงชราตกตะลึงและพยายามหลับตา แต่บุปผาหมอกครอบงำจิตนัน้ส่งผลกระทบต่อสัมผัสสวรรค์โดยตรงไม่ใช่การมองเห็น ในขณะที่นางกำลังจะหลับตา นางมองเห็นร่างเก้าร่างพุ่งเข้ามาจากทุกทิศทางรอบตัว
นี่เป็นภาพสุดท้ายที่นางเห็นก่อนจะสิ้นชีพ
ฉัวะ!
หลิงฮันปล่อยหมัดใส่หัวหญิงชรา แม้แต่วิญญาณของนางเขาก็ไม่ปล่อยให้เล็ดรอดไปได้ เขาหันไปมองยังร่างทั้งเก้าอย่างเย็นชาก่อนที่จะพุ่งหลบหนีไปอย่างไม่ลังเล ร่างของเขาทิ้งระยะห่างกับทั้งเก้าคนอย่างรวดเร็ว