Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1305
คนที่เผยสีหน้าซับซ้อนมากที่สุดคือสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะ
ในอดีต นางสามารถเหยียบย่ำหลิงฮันได้ตามที่ต้องการ จนทำให้หลิงฮันต้องออกเดินทางตามหาโบราณสถานเพื่อพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเอง
แต่ตอนนี้ หลิงฮันไม่เพียงแค่เป็นอัจฉริยะระดับราชาเท่านั้น แต่ยังเป็นราชาเหนือราชา!
แล้วนางรู้สึกอย่างไร?
นางยิ้มออกมาอย่างสดใส ถึงแม้ในอนาคตนางจะไม่แข็งแกร่งเท่าหลิงฮัน แต่มันก็เป็นเรื่องดีที่มีสามีแข็งแกร่งและพึ่งพาได้
“ข้าขอยอมแพ้!” ถัวป้าตงไม่ใช่คนที่ยอมแพ้ใครง่ายๆ แต่ในฐานะที่เขาเป็นอัจฉริยะระดับราชา ทำให้เขาสามารถมองเห็นความต่างชั้นระหว่างเขากับฝ่ายตรงข้ามได้อย่างชัดเจน
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “โอ้ว ดูเหมือนจะครบสิบกระบวนท่าพอดี”
ถ้วป้าตงยิ้มอย่างขมขื่น แม้ว่าหลิงฮันจะสามารถเอาชนะเขาได้ภายในสิบกระบวนท่า แต่นั่นยังไม่ใช่พลังทั้งหมดของอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ ในทางตรงกันข้าม ถ้าอีกฝ่ายใช้พลังทั้งหมด เขาคงพ่ายแพ้ตั้งแต่กระบวนท่าแรกแล้ว
อย่างไรก็ตาม เขาพ่ายแพ้แค่ครั้งเดียว และยังมีโอกาสอีกสองครั้งที่จะท้าคนอื่นสู้ ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องต่อสู้จนตัวตายไปกับหลิงฮัน
เขากระโดดลงมาจากแท่นและพักฟื้นฟูพลังเช่นเดียวกับเย่วหยิง
ส่วนหลิงฮันก็นั่งลงและรอให้คนอื่นเข้ามาท้าทาย ถึงแม้จะไม่มีใครกล้าเข้ามาท้าทายก็ตาม
ผู้คนที่อยู่ด้านล่างเริ่มทำการท้าทายอีกครั้ง หลังจากพักฟื้นพลังเสร็จแล้ว แต่ครั้งนี้จำนวนมากกว่าครั้งก่อนมาก มีอัจฉริยะหลายร้อยคนรวบตัวอยู่บนแท่นเดียวกัน
คนที่พวกเขาจะท้าสู้ด้วยคือแม่นางหยุนและอ้าวซื่อหยิน
คนที่มาที่นี่ได้อย่างน้อยที่สุดต้องเป็นอัจฉริยะระดับสามดาว ดังนั้นเมื่อมีหลายคนมารวมตัวกัน ทำให้ดูน่าหวาดกลัว อย่างไรก็ตาม ทั้งแม่นางหยุนและอ้าวซื่อหยินทะลวงผ่านขั้นสมบูรณ์แล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็ทำให้พวกเขามีพลังต่อสู้สี่ดาว ซึ่งนั่นเพียงพอที่จะต่อสู้กับคนร้อยคนได้
– โดยปกติแล้ว จอมยุทธสิบคนสามารถสร้างความแตกต่างของพลังต่อสู้ได้หนึ่งดาว แล้วถ้าสี่ดาวต้องกี่คนล่ะ? หนึ่งหมื่นคน! และต้องให้หนึ่งหมื่นคนโจมตีพร้อมกันเป็นค่ายกล ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะลงมือได้อย่างพร้อมเพรียง
หลังจากที่ถ้วป้าตงและเย่วหยิงพักฟื้นพลังจนเพียงพอก็เริ่มที่จะท้าทาย คนหนึ่งเลือกหยางหลิน อีกคนหนึ่งเลือกถังเก่อ
นี่เป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดและตื่นเต้น หลังจากต่อสู้เป็นเวลานานในที่สุดเย่วหยิงก็ชนะถังเถ่อ ส่วนถัวป้าตงพ่ายแพ้ให้กับหยางหลิน
ตอนนี้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ครอบครองตำแหน่งเก้าราชาถึงเจ็ดคน
ในขณะที่เย่วหยิงและหยางหลินเพิ่งผ่านการต่อสู้มา คนอื่นๆก็ตั้งกลุ่มเข้ามาท้าพวกเขาสู้อีกครั้ง ทว่าเสือที่ได้รับบาดเจ็บก็ยังคงเป็นเสืออยู่ดี สุนัขหมาหมู่ไม่กี่ตัวก็ยังไม่เพียงพอที่จะต่อแย่งชิงตำแหน่งไปจากพวกเขา
การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป นอกจากเป่ยหวง ฉือหวง หลิงฮันและฉื้อหวงจี่่แล้ว ราชาอีกคนยังคงตกเป็นเป้าหมายและต้องต่อสู้อย่างดุเดือดเพื่อรักษาตำแหน่งเอาไว้
สองวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ถังเก่อกลายเป็นราชาคนแรกที่ถูกตัดสิทธิ์อย่างสมบูรณ์ และไม่กี่ชั่วโมงต่อมา เย่วหยิงก็กลายเป็นคนที่สอง ตอนนี้ตำแหน่งราชาทั้งเก้าคนได้ถูกกำหนดแล้ว
– ไม่มีใครสามารถเขย่าบัลลังก์ของราชาทั้งเก้าคนนี้ได้อีกต่อไป
หลิงฮันนั่งยิ้มและยังคงรอให้คนมาท้าสู้อยู่ แต่เมื่อเหลือเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เขาก็พยักหน้าส่งสัญญาณให้กับสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะ
สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะพยักหน้าและกระโดดขึ้นไปบนแท่น
เกิดอะไรขึ้น?
ทุกคนดูประหลาดใจ ตอนนี้ยังมีคนที่กล้าท้าสู้เหลืออยู่อีกอย่างนั้นรึ? ยิ่งไปกว่านั้นคนที่นางท้าสู้ด้วยคือหลิงฮันที่เป็นราชาเหนือราชา!
สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะสยายปีกทั้งสองข้างและสร้างเปิดเพลิงขึ้นมาโหมกระหน่ำใส่หลิงฮัน
“อะไรกัน!” หลิงฮันกรีดร้องและตกลงไปจากแท่น
หืม! มันจะเป็นไปได้ยังไง!
เมื่อเห็นฉากที่เกิดขึ้น ทุกคนถึงพูดไม่ออก
เปลวเพลิงของนางยังไม่ทันถึงตัวเจ้า แต่เจ้ากลับกรีดร้องแล้ว? มันไม่เนียน!
คนที่มาถึงที่นี่ได้จะเป็นคนโง่ได้อย่างไร? พวกเขาสามารถคาดเดาได้ทันทีว่าหลิงฮันจงใจพ่ายแพ้ให้กับสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะ ตอนนี้ใกล้จะครบกำหนดเวลาแล้ว ความตั้งใจของหลิงฮันนั้นชัดเจน เขาต้องการมอบตำแหน่งราชาให้กับผู้หญิงคนนี้
นั่นหมายความว่าพวกเขายังมีโอกาส!
เมื่อเห็นสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะเข้ามาแทนที่หลิงฮัน ทุกคนดูมีความสุขอยู่พักหนึ่ง แต่ปัญหาของคนส่วนใหญ่คือใช้โอกาสท้าสู้สามครั้งหมดแล้ว และตอนนี้ทำได้แค่ดูเท่านั้น
อย่างไรก็ตามก็ยังมีบางคนที่ยังใช้โอกาสท้าสู้สามครั้งยังไม่ครบ แต่ความแข็งแกร่งของพวกเขาอ่อนแอกว่านางมาก ดังนั้นพวกเขาจึงยินดีที่จะเป็นผู้ชมอยู่ห่างๆ ซึ่งแต่เดิมที่พวกเขามาที่นี่ก็เพื่อดูอัจฉริยะระดับราชาต่อสู้กันเพื่อทำให้เกิดความรู้และแรงบันดาลใจ
หลิงฮันที่อยู่ใต้แท่นลุกขึ้นยืน เขากำลังรอให้เวลาผ่านไปเพื่อที่จะได้ท้าทายอีกครั้ง
หลังจากที่ตกมาจากแท่น เขาก็พบว่ามีแถบสีดำอยู่บนมือและมีพลังปราณสีดำล้อมรอบตัวเขา ซึ่งทำให้เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
หลังจากผ่านไปสักพัก ปราณสีดำก็หายไป แต่แถบสีดำยังไม่หาย
นี่แสดงให้เห็นว่าปราณสีดำเอาไว้ยับยั้งเขาเอาไว้เพื่อพักการท้าทาย แต่หลังจากผ่านไปครึ่งธูปดับมันก็จะหายไป ส่วนแถบสีดำแสดงถึงจำนวนที่เขาล้มเหลว เมื่อมีแถบสีดำครบสามขีดเขาก็จะไสามารถขึ้นไปบนแท่นได้อีกต่อไป
หลิงฮันหันไปมองอ้าวซื่อหยินด้วยรอยยิ้ม
ข้าเรอะ! บัดซบ!
อ้าวซื่้อหยุนด่าทอหลิงฮันในใจ และหลิงฮันก็กระโดดขึ้นมายืนอยู่บนแท่นเดียวกับเขา
ในตอนนี้เงาดำรอบตัวของอ้าวซื่อหยินนั้นใหญ่เกินกว่าจะบรรยายได้
เขาอุตส่ารักษาตำแหน่งมาอย่างเหนียวแน่นจนถึงตอนนี้ และเกือบจะทำสำเร็จแล้ว แต่กลับต้องมาต่อสู้กับหลิงฮันตอบจบ
บัดซบ! บัดซบ! บัดซบ!
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เหลือเวลามากกว่าครึ่งธูปหมดก็จะครบสามวันและเขาเพิ่งจะล้มเหลวเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ดังนั้นหลังจากที่เขารอเวลาครึ่งธูปหมด เขาก็ยังมีโอกาสที่จะเข้าไปท้าสู้กับสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะเพื่อทวงตำแหน่งราชาของเขามา
“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ อย่าหวังว่าจะเป็นเช่นนั้น!” หลิงฮันกล่าว
ปากของอ้าวซื่อหยินกระตุก เขากรีดร้องและพูดว่า “ข้ายอมรับความพ่ายแพ้!” เพื่อที่จะทวงตำแหน่งกลับมา เขาก็ไม่รังเกียจที่จะยอมเสียหน้า
“ข้าปฏิเสธ!” หลิงฮันส่ายหัวและพุ่งเข้าไปต่อยอ้าวซื่อหยินด้วยหมัด “ข้าต้องการต่อสู้กับเจ้า!”
ตู้ม ตู้ม ตู้ม อ้าวซื่อหยินทำได้แค่หลบเลี่ยงการปะทะและไม่มีโอกาสที่จะลงมาจากแท่น
ที่เขาจะต้องสูญเสียโอกาสท้าสู้อีกรอบไปทั้่งๆแบบนี้อย่างนั้นรึ?