Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1306
อ้าวซื่อหยินอยากจะยอมแพ้โดยพยายามลงจากแท่นแต่ก็ถูกหลิงฮันก็กีดกันเอาไว้อยากไม่หยุดหย่อน
อย่าทำแบบนี้กับข้า
อ้าวซื่อหยินอยากจะร้องไห้และได้แต่โอดครวญในใจ ข้ามอบแท่นให้เจ้าไปแล้วไม่ใช่รึไง?
“โอ้ ข้าไม่ใช่คนไร้มารยาท ถ้าเจ้าอยากจะไปข้าก็จะรับหน้าที่ส่งเจ้าให้เอง” หลิงฮันสะบัดเท้าเตะไปยังก้นของอ้าวซื่อหยิน ‘ปัง’ อีกฝ่ายร่วงลงไปยังพื้นทันที
อ้าวซื่อหยินกระพริบตา ในที่สุดหลิงฮันก็ยอมปล่อยเขาเสียที แต่เขาดีใจได้ไม่นาน ใบหน้าของอ้าวซื่อหยินก็เปลี่ยนสี
ระยะเวลาแย่งชิงแท่นราชาคือสามวัน ซึ่งตอนนี้เหลือเวลาเพียงน้อยนิด
หรือพูดอีกอย่างคือหากเขาต้องรอให้ถึงเวลาท้าประลองใหม่ ระยะเวลาสามวันก็จะมาถึงจุดสิ้นสุด
“หลิงฮัน ข้ากับเจ้าไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้!” อ้าวซื่อหยินคำรามด้วยความเกลียดชังอย่างถึงที่สุด
“หูข้าดีอยู่แล้ว เจ้าไม่ต้องพูดดังขนาดนั้นก็ได้” หลิงฮันสะบัดมือลวกๆโดยไม่เก็บคำขู่ของอีกฝ่ายมาใส่ใจ
อ้าวซื่อหยินนำหอกยาวออกมาและต้องการจะขึ้นไปยังแท่นเพื่อบดขยี้หลิงฮันซักสามร้อยครั้ง ครั้งนี้เขาสาบานว่าจะใช้ไพ่ลับทั้งหมดที่มี ต่อให้ทักษะที่ทรงพลังที่สุดของเขาจะต้องเผาผลาญพลังชีวิตเขาก็ยินดี ไม่เช่นนั้นเพลิงแค้นในใจของเขาคงไม่มีทางมอดดับ
แต่ร่างของเขากลับมีพลังงานลึกลับเหนี่ยวรั้งเอาไว้ทำให้ไม่สามารถขยับไปไหนได้นอกจากยืนอยู่กับที่
‘ครืนนน’ หลังจากนั้นไม่นาน แสงสว่างสีขาวอันเจิดจ้าก็ปรากฏครอบคลุมไปทั่วแท่นทั้งเก้า ปรากฏการณ์เช่นนี้หมายถึงบุคคลอื่นห้ามขึ้นไปยังแท่นประลองเพื่อท้าประลองแล้ว
สามวันผ่านไปเรียบร้อย!
“อ้ากกก!” อ้าวซื่อหยินคำรามขึ้นท้องฟ้า แต่ไม่ว่าจะดิ้นรนอย่างไรก็ไร้ความหมาย
ตูมม!
ที่บนแท่นยืน คลื่นพลังแห่งเต๋าอันลึกลับสีขาวได้สาดลงมาจากท้องฟ้า ทำให้ราชาทั้งเก้ารู้สึกปลอดโปร่งและผ่อนคลาย
“นี่คือปราณแห่งเซียน” หอคอยน้อยกล่าว
“ว่าไงนะ!” หลิงฮันอุทาน
“ถึงแม้ในดินแดนแห่งเซียนพลังงานเช่นนี้จะไม่มีความหมาย แต่สำหรับดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้… เจ้าสามารถใช้มันเพื่อพัฒนาอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ที่ขาดไปและยกระดับพลังต่อสู้ได้มหาศาล” หอตอยน้อยกล่าว
จิตใจของหลิงฮันสั่นสะท้าน ถ้าเขาต้องการทำลายผนึกเพื่อเข้าไปยังดินแดนแห่งเซียน เขาจำเป็นต้องเชี่ยวชาญอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์และดินแดนใต้พิภพ
ปราณแห่งเซียนนี้จะช่วยทดแทนอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของดินแดนใต้พิภพที่เขาขาดหายไปได้?
ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง แม้ปราณแห่งเซียนนี้จะไม่นับเป็นอันใดได้ในดินแดนแห่งเซียน แต่สำหรับสิ่งมีชีวิตในดินแดนศักดิ์สิทธิ์และดินแดนใต้พิภพ พลังปราณเช่นนี้เรียกได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่จะช่วยให้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของพวกเขาสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง
อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของสองดินแดนที่ขัดแย้งกันจะสามารถผสานรวมกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ?
ภายในใจของหลิงฮันมีความคิดนับไม่ถ้วนผุดขึ้นมา แต่ในตอนนี้เขาจำเป็นต้องเก็บสิ่งที่คิดเหล่านั้นเอาไว้ทีหลังและเริ่มตั้งสมาธิดูดซับปราณแห่งเซียนเหล่านี้เพื่อยกระดับตนเอง
ด้วยก้อนพลังงานของจ้าวอสูร มันช่วยให้เขาแปลงกลิ่นอายเป็นของสิ่งมีชีวิตใต้พิภพเพียงอย่างเดียว มันไม่ได้ช่วยให้เขาเชี่ยวชาญอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของดินแดนใต้พิภพแต่อย่างใด ดังนั้นเขาจึงคิดจะใช้โอกาสนี้ขัดเกลาตนเองให้ก้าวหน้าไปยังเส้นทางที่ไร้จุดผิดพลาด
หอคอยน้อยไม่พูดอะไรอีกเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนหลิงฮัน
หลิงฮันเปิดรูขุมขนทั่วร่างเพื่อดูดซับพลังงานที่เรียกว่าปราณแห่งเซียน
ด้วยการดูดซับปราณแห่งเซียน ระดับพลังบ่มเพาะของเขาได้ถูกยกระดับสูงขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ พลังบ่มเพาะเดิมของเขาคือระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดชั้นต้นได้ถูกยกระดับเป็นขั้นสูงสุดชั้นสูงสุด เมื่อพลังบ่มเพาะเพิ่มมาถึงจุดนี้ ถ้าเขาไม่ทะลวงผ่านขั้นสมบูรณ์พลังบ่มเพาะของเขาก็ไม่สามารถยกระดับขึ้นได้อีก
เพียงแต่ว่านอกจากพลังบ่มเพาะ อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของเขาก็ถูกทำให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น พลังต่อสู้ของเขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ด้วยระยะเวลาที่มีจำกัดหลิงฮันจึงไม่สามารถขัดเกลาพลังบ่มเพาะให้ทะลวงผ่านขั้นสมบูรณ์ แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะพยายามขัดเกลาพลังให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ระยะเวลาที่ปราณแห่งเซียนจะคงอยู่คือสามวัน
ราชาทั้งเก้านั่งอยู่บนแท่น ไม่มีใครรู้ว่าพลังงานที่ตนเองได้รับนั้นแท้จริงแล้วคือปราณแห่งเซียน พวกเขารู้เพียงแค่ว่าพลังงานเช่นนี้เป็นประโยชน์ต่อตนเองจึงพยายามดูดซับมากที่สุด
เมื่อเวลาผ่านไป หลิงฮันรู้สึกว่ากระดูกและกล้ามเนื้อของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เขาไม่สามารถอธิบายได้ว่าการเปลี่ยนแปลงที่ว่าคืออะไร แต่ที่รู้ก็คือการเปลี่ยนแปลงเป็นไปในทางที่ดี
แม้แต่หลักการการกำเนิดใหม่จากเถ้าถ่านของคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ ความเข้าใจของหลิงฮันก็พัฒนาขึ้นเป็นระดับใหม่
เขามั่นใจว่าหากได้อาบปราณแห่งเซียนเช่นนี้อยู่ตลอดเวลา ระยะเวลาในการทำความเข้าใจการกำเนิดใหม่จากเถ้าถ่านของเขาจะลดลงเป็นเท่าตัว!
แต่โชคร้ายที่พลังงานเช่นนี้ล้ำค่าเป็นอย่างมาก เขามีเวลาดูดซับเพียงแค่สามวัน
กระดูกศักดิ์สิทธิ์ของเขาใสกระจ่างยิ่งขึ้นราวกับผลึกแก้วและส่องประกายราวกับทองคำ หากมองใกล้ๆจะเห็นว่ากระดูดของเขาโปร่งใสราวกับหยกแก้วและอัดแน่นไปด้วยรูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์
นี่คือการเปลี่ยนแปลงของคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ นอกจากหลิงฮันแล้วไม่มีใครเข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร
ไม่เพียงความเข้าใจในอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของสองดินแดนจะเพิ่มขึ้น แต่คัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ก็แข็งแกร่งขึ้นด้วย!
‘ครืนนน’ แสงสีขาวที่โอบล้อมแท่นทั้งเก้าสลายหายไป ระยะเวลาสามวันได้มาถึงแล้ว
หลิงฮันยังขัดเกลาตนเองไม่เสร็จ เวลาแค่สามวันนั้นไม่เพียงพอเนื่องจากเขาจำเป็นต้องยกระดับพลังบ่มเพาะให้บรรลุขั้นสมบูรณ์ น่าเสียดายที่เขาไม่สามารถบ่มเพาะพลังต่อได้ หากต้องการดูดซับปราณแห่งเซียนอีกครั้ง มีวิธีเดียวคือเขาต้องเอาชนะราชาคนอื่นๆและกลายเป็นราชาในหมู่ราชา
ในตอนนี้หลิงฮันเต็มไปด้วยความรู้สึกถูกกระตุ้น ความมุ่งมั่นของเขาไม่อาจถูกสั่นคลอน
‘ครืนน’ ทั้งเก้าคนถูกส่งไปยังป่าด้านใน การคัดเลือกรอบที่สองกำลังจะเริ่มต้น
หลิงฮันเดินไปหาสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ ถึงแม้นางจะเป็นอัจฉริชั้นแนวหน้า แต่นางก็ไม่อาจเทียบกับราชาคนอื่นๆได้ หากนางถูกเล็งเป็นเป้าหมายคงเป็นปัญหาใหญ่
หลังจากทั้งสองอยู่ด้วยกัน พวกเขาก็มองไปยังยอดสุดของภูเขา
การคัดเลือกราชาในหมู่ราชานั้นง่ายมาก ที่บริเวณยอดเขามีแท่นตั้งอยู่ หลังจากผ่านไปสามคน ราชาที่ยืนอยู่บนแท่นนั่นจะเป็นผู้ชนะ
“ข้าขอไม่เข้าร่วมประลองแย่งชิงครั้งนี้และรอเจ้าอยู่ที่นี่” สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์กล่าว
นางรู้ว่าหากนางติดตามหลิงฮันไปก็มีแต่จะเป็นตัวถ่วง
หลิงฮันครุ่นคิดชั่วครู่และพยักหน้า “อืม!”
สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์รั้งตัวเขาเอาไว้และกอดเบาๆ “ระวังตัวด้วย!” นางกล่าวด้วยความเป็นห่วงจากก้นบึ้งจิตใจ
หลิงฮันใช้โอกาสนี้จับข้อมือนางและดึงร่างเข้ามาจูบ สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ลนลานทันที ในตอนแรกนางคิดจะต่อต้าน แต่เมื่อถูกจูบไปสักร่างกายของนางก็อ่อนแรงและซบลงที่อกหลิงฮัน
จิตใจของหลิงฮันสั่นสะท้านด้วยเพลิงราคะ แต่ ‘ส่วนนั้น’ ของเขาในร่างเด็กน้อยกลับไม่ผงาดขึ้นมาแม้แต่น้อยทำให้เขาทำได้เพียงกัดฟันโกรธ
กำเนิดใหม่จากเถ้าถ่าน… ข้าต้องฝึกฝนให้เชี่ยวชาญให้เร็วที่สุด!
หลิงฮันเดินต่อไปโดยมีสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์มองตามแผ่นหลังด้วยแววตาที่ขุ่นมัวด้วยน้ำตา
ป่าภูผาวารีมีขนาดไม่ใหญ่และมีความสูงเพียงพันฟุต แม้จะเป็นคนทั่วไปก็สามารถปีนขึ้นไปยังยอดเขาด้วยเวลาสั้นๆ ดังนั้นจึงไม่ต้องเอ่ยถึงจอมยุทธระดับพระเจ้าเช่นพวกเขา ผ่านไปไม่นานหลิงฮันได้ขึ้นมาถึงยอดเขา ซึ่งในตอนนี้คนอื่นๆอีกเจ็ดคนที่มารวมกันที่นี่แล้ว เพียงแต่ว่าการประลองแย่งชิงตำแหน่งยังไม่เริ่มขึ้น
“ในที่สุดก็มากันครบ!” แววตาของฉื้อหวงจี่่ส่องประกาย ดวงตะวันสีแดงบนหัวของเขาหมุนเป็นวงกลมพร้อมกับปลดปล่อยพลังที่รุนแรงกว่าปรกติร้อยเท่า เขาหัวเราะและกล่าว “มาเริ่มกันเลย!”