Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1313
เป่ยหวงแข็งแกร่งขนาดไหนทุกคนรับรู้กันดี ในการปะทะกับฉื้อหวงจี่่เพราะอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ด้อยกว่าเล็กน้อยเขาถึงได้พ่ายพ่าย
ในแง่ของพลังต่อสู้ของตัวเองเพียงอย่างเดียวนั้น ฉื้อหวงจี่่ไม่ได้ด้อยไปกว่าฉื้อหวงจี่่แม้แต่นิดเดียว
แต่ราชาในหมู่ราชาเช่นนั้นกลับเป็นคนเอ่ยด้วยตัวเองว่ามีคนที่ทำให้เขาพ่ายแพ้ในร้อยกระบวนท่า!
อีกฝ่ายเป็นสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งขนาดไหนกัน
ฉือหวงเค้นเสียง “ในเขตดวงดาวของตนเอง พวกเจ้าอาจจะคิดว่าตนเองไร้พ่ายในระดับเดียวกันโดยที่ไม่รู้ว่าจักรวาลนั้นกว้างขวางขนาดไหน”
แม่นางหยุนและราชาคนอื่นๆแสดงท่าทีอับอาย คำพูดของฉือหวงตรงเกินไปทำให้พวกเขารู้สึกกระอักกระอ่วน
เป่ยหวงยิ้มและกล่าว “อัจฉริยะบางคนเคยเดินทางผ่านสองโลกมาแล้ว พวกเขามีทั้งความเข้าใจในอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของสองโลก ดังนั้นในการต่อสู้ระดับเดียวกันพวกเขาจึงแข็งแกร่งกว่าใคร!”
“เหลือเชื่อ!” แม่นางหยุน หยางหลินถัวป้าตงหรือแม้แต่อู่เมี่ยนก็แสดงตกตะลึงออกมา
ฉือหวงเค้นเสียงอีกครั้ง “พวกเจ้าคิดว่าจอมยุทธของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เข้าใจอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของดินแดนใต้พิภพได้จะได้เปรียบขนาดไหนหากสู้กับศัตรูที่มีพลังบ่มเพาะเท่ากัน อำนาจของสายเลือดเท่ากัน หรือแม้แต่พลังของทักษะลับก็ยังเท่ากันอีก?”
พวกแม่นางหยุนและคนอื่นๆชะงักอีกครั้ง พวกเขาไม่เคยคิดถึงความเป็นไปได้นี้มาก่อน
ด้วยมุมมองของพวกเขามีที่จำกัด ปรมาจารย์ที่หนุนหลังของพวกเขาอย่างมากสุดก็คือตัวตนระดับวารีนิรันดร์ พวกเขาจะมีความเข้าใจในวิถีแห่งวรยุทธเทียบเท่าฉือหวงกับเป่ยหวงที่มีตัวตนระดับเซียนคอยสนับสนุนอยู่ได้อย่างไร?
“เพียงแต่ว่า ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตใต้พิภพมายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ หรือสิ่งมีชีวิตของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไปยังดินแดนใต้พิภพล้วนแต่อันตรายทั้งสิ้น” เป่ยหวงส่ายหัว ต่อให้เป็นเขาก็ไม่กล้าเหยียบย่ำไปยังดินแดนใต้พิภพ หากไปที่นั่นแล้วตัวตนของเขาถูกเปิดเผยเขาจะถูกเหล่าปรมาจารย์ของดินแดนใต้พิภพตามล่าอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
แม่นางหยุนแสดงสีหน้าประหลาดใจและกล่าว “ในเมื่อการเข้าใจอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของสองโลกช่วยให้แข็งแกร่งขึ้นได้ เหตุใดทั้งสองโลกถึงไม่ยื่นข้อเสนอแลกเปลี่ยนโอกาสให้แต่ละฝ่ายเข้าไปยังดินแดนฝั่งตนเพื่อเรียนรู้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ล่ะ?”
“ด้วยสถานการณ์ที่ทั้งสองโลกขัดแย้งกันอยู่อย่างที่เป็นในตอนนี้ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะยอมให้จอมยุทธของศัตรูมายังอาณาเขตตนเองเพื่อเรียนรู้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ได้อย่างไร?” เป่ยหวงถอนหายใจ “ทั้งสองโลกเป็นเหมือนน้ำกับไฟที่ไม่มีทางเข้ากันได้”
แม่นางหยุนและคนอื่นๆไม่กล่าวอะไรอีก ความขัดแย้งของทั้งสองโลกนั้นไม่มีใครรู้ว่ามีมาแล้วกว่ากี่แสนกี่ล้านปีจะเป็นไปได้ด้วยรึที่จะแก้ไขได้? เป็นไปไม่ได้เลยที่ทั้งสองโลกจะปรองดองกัน
“แต่ทำไมทั้งสองโลกถึงต้องขัดแย้งกันล่ะ ทั้งๆที่หากร่วมมือกันแต่ละฝ่ายก็สามารถพัฒนาพลังต่อสู้ของตัวเองได้แท้ๆ?” แม่นางหยุนถามต่อ ด้วยความที่นางเป็นสตรีงามต่อให้ถามยิบย่อยก็ไม่ได้ทำให้ใครรู้สึกว่าน่ารำคาญ
เป่ยหวงกับฉือหวงมองหน้ากันก่อนจะส่ายหัว คำถามนี้ต่อให้เป็นตัวตนระดับเซียนก็ตอบไม่ได้
ถ้าหลิงฮันได้ยินเรื่องที่พวกเขาคุยกันคงจะเป็นคนเดียวที่บอกได้ว่ามีเพียงการทำความเข้าใจอำนาจของทั้งสองดินแดนเท่านั้นถึงจะสามารถเปิดประตูสู่ดินแดนแห่งเซียนและได้รับชีวิตอันเป็นนิรันดร์ที่แท้จริง
หลิงฮันใช้แขนตั้งเป็นคันศรและใช้ปราณก่อเกิดอัดแน่นเป็นลูกศร ‘พรึบ’ รูปแบบอาคมสายฟ้าบนหมัดผสานเข้ากับลูกศรปราณก่อเกิด ลูกศรอัสนีที่ถูกควบแน่นไม่เพียงปลดปล่อยพลังอันน่าสะพรึงกลัวของทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์แต่ยังผสานเอาไว้ด้วยอำนาจสวรรค์
ใบหน้าของฉื้อหวงจี่่เปลี่ยนสี ลูกศรตรงหน้าเขาแม้จะยังไม่ถูกยิงออกมาก็ยังทำให้รู้สึกถึงแรงกดดันที่น่าหวาดกลัว
‘ฉึบ’ หลิงฮันปล่อยมือยิงลูกศรพลังปราณออกไปรวดเร็วราวกับคลื่นสายน้ำ
ศรฆ่ามังกรทะลวงดาราที่รวดเร็วอยู่แล้ว เมื่อมันอัดแน่นทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์เพิ่มเข้าไปความเร็วของมันจึงเพิ่มขึ้นไปอีกระดับ ทันทีที่หลิงฮันปล่อยมือ พริบตาเดียวลูกศรก็ไปปรากฏอยู่ที่บริเวณหน้าอกฉื้อหวงจี่่แล้ว
ฉื้อหวงจี่่ตกตะลึง เขารู้ว่าพลังทำลายของลูกศรที่หลิงฮันยิงมาย่อมรุนแรงมากไม่ผิดแน่ แต่ที่เขาไม่คาดคิดคือลูกศรจะเคลื่อนที่ได้รวดเร็วเช่นนี้
“ย๊ากก!” เขาคำรามลั่น ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวก่อนที่ร่างกายของเขาจะระเบิดกลิ่นอายแห่งบรรพกาลอันลึกลับออกมา
ทันใดนั้นเอง… โลกราวกับว่าเคลื่อนที่ช้าลง
ลูกศรที่พุ่งทะลวงราวกับสายน้ำก่อนหน้าค่อยๆเชื่องช้าลงจนฉื้อหวงจี่่หันตัวหลบหลีกได้ทันและปล่อยลูกศรพุ่งผ่านไป
หลังจากเหตุการณ์นี้โลกกับกลับมาเคลื่อนไหวตามปรกติ
ฉื้อหวงจี่่ทั้งโกรธเกรี้ยวและหวาดกลัว
พลังเมื่อครู่คือไพ่ลับก้นหีบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา เนื่องจากสายเลือดที่เข้มข้นและทรงพลังในตัวทำให้เขาสามารถควบคุมกาลเวลาในอาณาเขตเล็กๆได้ชั่วขณะ
การแทรกแซงกาลเวลานั้นเป็นความสามารถที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดใต้สวรรค์ไม่ผิดแน่ ตราบใดที่ใช้ความสามารถนั้นสร้างโอกาสโจมตี แม้แต่ตัวตนระดับดาราหรือวารีนิรันดร์ก็ต้องถูกสังหาร
ความสามารถเช่นนี้เขาไม่สามารถใช้ได้อิสระตามใจนึกแต่ใช้ได้เพียงหนึ่งครั้งในสามวัน เนื่องจากเขาจำเป็นต้องใช้โลหิตของตัวเองใช้การกระตุ้นพลังลึกลับในสายเลือด
ฉื้อหวงจี่่โกรธเป็นอย่างมาก เขาจ้องมองหลิงฮันไม่วางตาแต่ก็ยิ่งไม่กล้าประมาทเพราะกลัวว่าหลิงฮันจะโจมตีแบบเดิมอีกครั้ง เขาตอนนี้ไม่สามารถใช้ความสามารถแบบเมื่อครู่ได้อีกแล้วจึงเลือกตัดสินใจเป็นฝ่ายบุกโจมตีหลิงฮัน
ตูม! ตูม! ตูม!
เขาพยายามเข้าใกล้โจมตีเพื่อเว้นระยะไม่ให้หลิงฮันสามารถโจมตีด้วยทักษะธนูได้ แต่การทำเช่นนี้ก็เป็นการบีบให้ตัวเขาเองใช้พลังต่อสู้ได้อย่างจำกัดเช่นกัน
หลิงฮันไม่หวาดกลัว แต่เขารู้สึกสงสัยว่าทำไมในขณะที่ลูกศรฆ่ามังกรทะลวงดาราพุ่งไปถึงด้านหน้าฉื้อหวงจี่่ ลูกศรดูราวกับเอื่อยช้าลง
ถึงแม้จะเป็นเพียงชั่วพริบตา ในอีกฝ่ายก็ใช้ช่วงจังหวะนั้นหลบหลีกศรของเขา
บิดเบือนเวลา?
หลิงฮันนึกถึงความเป็นไปได้นี้ ถ้าหากเป็นจริง ความสามารถนี้ของอีกฝ่ายคงทรงพลังมากและไม่สามารถใช้ได้ตลอดเวลา ความสามารถเช่นนี้สามารถเช่นนี้จะใช้ก็ต่อเมื่อตกอยู่ในสถานะการณ์วิกฤตเท่านั้น
ปัญหาก็คือฉื้อหวงจี่่สามารถใช้ได้กี่ครั้ง?
หลิงฮันไม่ได้กังวลมาก ต่อให้เขาถูกฉวยจังหวะโจมตีโดยฉื้อหวงจี่่ ด้วยกายหยาบของเขาคงไม่มีไปไม่ได้ที่เขาจะถูกสังหารในพริบตา
เขาเปิดฝ่ามือและพลักตอบโต้อีกฝ่าย
ปัง! ปัง! ปัง!
สุดยอดราชาทั้งสองคำรามเข้าห้ำหั่นกัน นี่เป็นศึกสุดท้ายที่จะตัดสินว่าใครจะเป็นผู้ชนะและได้รับวาสนาอันล้ำค่าจากสวรรค์