Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1317
แต่ในแง่ของพลังต่อสู้ การปะทะครั้งนี้ควรค่าแก่การเรียกว่าการตัดสินครั้งสุดท้ายอย่างแท้จริง
พลังต่อสู้ของฉื้อหวงจี่่ในตอนนี้เทียบเท่ากับระดับสุริยันจันทราขั้นต้นชั้นปลายซึ่งทำลายขีดจำกัดพลังต่อสู้สิบดาวได้อย่างน่าอัศจรรย์
เพียงแต่ว่าด้วยพลังต่อสู้ขนาดนั้นกลับทำได้เพียงทำลายผิวหนังของหลิงฮันโดยที่ไม่สามารถสร้างความเสียหายต่อกระดูกในร่างได้
หลิงฮันตอบโต้ก็จริง แต่เขาไม่คิดจะลงมือกับอีกฝ่ายถึงตายเนื่องจากเขารู้สึกว่าฉื้อหวงจี่่ผู้นี้เป็นลูกรักของสวรรค์อย่างแท้จริง ในอนาคตอีกฝ่ายจะต้องค้นพบสมบัติล้ำค่าอีกมากมายแน่ ดังนั้นควรจะเก็บเขาเอาไว้กอบโกยผลประโยชน์จะดีกว่า
จะสังหารทิ้งก็น่าเสียดาย!
ถ้าฉื้อหวงจี่่รู้สิ่งที่หลิงฮันคิดในตอนนี้ เขาจะต้องโกรธเกรี้ยวจนกระอักโลหิตแน่นอน แต่สภาพของเขาในตอนนี้นั้นพลังชีวิตได้ถูกเผาผลาญจนเกือบหมด พลังต่อสู้เองก็ค่อยๆจากสองดาวเป็นหนึ่งดาวและกลับสู่พลังต่อสู้ปรกติ
เมื่อพลังต่อสู้กลับมาเท่ากัน ฉื้อหวงจี่่จะเป็นคู่ต่อสู้ของหลิงฮันได้อย่างไร?
เขาด้อยกว่าหลิงฮันในทุกๆด้านไม่ว่าจะเป็นพลังป้องกันหรือพลังฟื้นฟู หากต่อต่อสู้ด้วยอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ ในอนาคตดาบอสูรนิรันดร์ของหลิงฮันก็คงทรงพลังยิ่งกว่าอาวุธเซียน!
ฉื้อหวงจี่่กระอักโลหิตสามครั้งและก้าวถอยไปด้านหลังโดยไม่ลงมือโจมตีต่อ
แววตาของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวังในขณะที่มองหลิงฮัน
ที่นี่เขาไม่สามารถเอาชนะหลิงฮันได้จริงๆ แต่ใช่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่นี่ตลอดไปเลยเสียเมื่อไหร่? ทันทีที่พวกเขาออกจากป่าภูผาวารีแห่งนี้ พลังบ่มเพาะของเขาจะกลับคืนเป็นระดับดาราขั้นต้น หลิงฮันที่เป็นเพียงจอมยุทธระดับสุริยันจันทราย่อมไม่ได้คู่ต่อสู้ของเขา
เมื่อถึงตอนนั้นเขาจะลงมือสังหารหลิงฮันและแย่งชิงเพลิงศักดิ์สิทธิ์ต้นกำเนิดกลับคืนมา
หลิงฮันยิ้มเล็กน้อย ไม่ว่าอย่างไรอีกฝ่ายก็ไม่มีทางชิงกลับไปได้แน่นอน เพราะอย่างไรเพลิงศักดิ์สิทธิ์ต้นกำเนิดก็ได้ถูกหอคอยน้อยดูดซับไปแล้วจนไม่เหลือแม้แต่เสษเสี้ยว
“ยอมแพ้แล้ว?” หลิงฮันกล่าว
ฉื้อหวงจี่่รู้สึกจุกที่หน้าอกและอยากฉีกกระชากหลิงฮันออกเป็นพันส่วน แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นตัวตนระดับราชา การควบคุมความโกรธย่อมเป็นสิ่งที่ทำได้ไม่อยาก เขาสะบัดแขนเสื้อและกระโดดหลบไปยังมุมหนึ่ง
ในที่สุดราชาในหมู่ราชาก็ถูกตัดสินแล้ว
หลิงฮัน!
ที่จริงใครกันจะคิดว่าราชาของเหล่ารุ่นเยาว์ทั้งมวลจะไม่ใช่ฉื้อหวงจี่่ ฉือหวง เป่ยหวง หยางหลิน แม่นางหยุนหรือเย่วหยิง แต่เป็นคนที่พวกเขาไม่รู้กัน?
มีเพียงคนที่เคยได้ยินช่อของหลิงฮันในสนามรบสองดินแดนเท่านั้นถึงจะยกมือขึ้นสะบัดด้วยความตื่นเต้นและอุทานออกมาว่า “ข้ากะแล้ว!”
เนื่องจากระยะเวลาสามวันยังไม่มาถึง แม้จะตัดสินผู้ชนะได้แล้วการให้พรจากสวรรค์และปฐพีจึงไม่ยังเริ่ม
“น้องชายหลิง ยินดีด้วย!” ฉือหวง เป่ยหวง อู่เมี่ยนแฃะคนอื่นๆเข้ามาแสดงความยินดีกับหลิงฮัน แม้แต่หยางหลินกับแม่นางหยุนก็เช่นกัน โดยเฉพาะแม้นางหยุนนั้นนางจ้องมองหลิงฮันด้วยสายตาที่เป็นประกาย
หลิงฮันยิ้มตอบรับทุกคน ขณะนั้นเองสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ได้เดินขึ้นมาจากตีนเขา นางเห็นการต่อสู้ทั้งหมดจากเบื้องล่างและยังคงรู้สึกตกตะลึงไม่หาย
ใครจะคาดคิดว่าบุรุษที่ก่อนหน้านี้มักจะถูกนางกลั่นแกล้งกลับกลายมายืนอยู่ในตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้?
“นางคือภรรยาข้า!” หลิงฮันยิ้มและแนะนำสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ให้กับทุกคนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แน่นอนว่าสิ่งมีชีวิตใต้พิภพทั้งสองนั้นได้ยืนอยู่ในตำแหน่งที่ห่างไกลออกไป
ฉือหวงและคนอื่นๆทักทายนางด้วยท่าทีเป็นมิตร
หลิงฮันได้ทิ้งความประทับใจเอาไว้ในเบื้องลึกของหัวใจทุกคน ดังนั้นจึงไม่แปลกที่พวกเขาจะแสดงท่าทีเป็นมิตรกับสหายรอบตัวหลิงฮัน ถึงแม้ที่จริงสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์จะไม่นับว่าเป็นอัจฉริยะระดับราชาก็ตาม
ระยะเวลาผ่านวันมาถึงในที่สุด ‘ครืนนน’ ลำแสงส่องลงมาจากท้องฟ้าโอบล้อมหลิงฮันบนแท่นเพียงหนึ่งเดียวเอาไว้
วาสนาแห่งสวรรค์กำลังซึมซับเข้าไปในร่าง!
‘พรึบ’ แต่ทันใดนั้นเอง ลำแสงอีกคลื่นก็ส่องลงมาอีกครั้งพร้อมกับโอบล้อมมอบวาสนาให้กับฉื้อหวงจี่่
อะไรกัน?
‘พรึบ พรึบ พรึบ พรึบ’ ลำแสงอีกสี่คลื่นส่องลงมาอีกครั้ง โดยคนที่ได้รับวาสนาแห่งสวรรค์ทั้งสี่นี้คืออู่เมี่ยน เป่ยหวง ฉือหวงและหยางหลิน
ไม่ใช่ว่าผู้ที่ได้รับวาสนามีเพียงราชาในหมู่ราชาเพียงหนึ่งเดียวงั้นรึ?
ทุกคนตกตะลึง เหตุการณ์แปลกประหลาดนี้คืออะไร?
“เป็นไปได้ไหมว่าผู้ที่แสดงพลังที่เกินขีดจำกัดของระดับภูผาวารีขั้นสมบูรณ์นั้นจะได้รับวาสนา?”
“แล้วทำไมเหตุการณ์เช่นนี้ถึงไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน?”
“เหตุผลนั้นง่ายมาก นั่นเพราะตลอดมานี้ราชาในหมู่ราชานั้นยากที่จะถือกำเนิดขึ้น! แต่ครั้งนี้กลับมีราชาถึงหกคนที่แสดงพลังต่อสู้ที่เกินขีดจำกีดของระดับภูผาวารีขั้นสมบูรณ์”
ต่อให้หยางหลิงจะยกระดับพลังต่อสู้ด้วยเม็ดยา แต่ในระยะเวลาหนึ่งเขาก็มีคุณสมบัติที่จะเรียกได้ว่าเป็นราชาในหมู่ราชา
หยางหลินกับอู่เมี่ยนมีความสุขขึ้นมาทันใด พวกเขานั่งลงและดูดซับปราณแห่งเซียนซึ่งจะช่วยให้ความเข้าใจในอำนาจแห่งกฎเกณฑ์สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ฉือหวงกับเป่ยหวงเองก็ประหลาดใจอย่างมีความสุข เพราะอย่างไรพวกเขาก็มาที่นี่เพราะสิ่งนี้อยู่แล้ว รางวัลที่สองจักรวรรดิของดาวดวงนี้จะมอบให้ผู้ชนะนั้นพวกเขาไม่ได้สนใจมาตั้งแต่แรกแล้ว
มีเพียงฉื้อหวงจี่่คนเดียวที่ฉุนเฉียวด้วยความโกรธ
ถ้ารู้เร็วว่าจะลงเอยแบบนี้ เขาจะสู้กับหลิงฮันไปเพื่ออะไร? ไม่เพียงแต่เพลิงศักดิ์สิทธิ์ต้นกำเนิดจะถูกแย่งชิงไป แต่อายุขัยของเขายังถูกลดทอนไปถึงล้านปี ตอนนี้เขาจะยังเยาว์วัยอยู่และเขามั่นใจว่าตนเองต้องทะลวงผ่านระดับวารีนิรันดร์ได้แน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นแม้อายุขัยของเขาจะเพิ่มเป็นหนึ่งร้อยล้านปีและอายุขัยที่เสียไปแค่ล้านปีย่อมไม่นับเป็นอันใด แต่ถึงจะน้อยนิดใครบ้างจะอยากเสียอายุขัยของตัวเองไปอย่างเสียเปล่า?
การที่ต้องสูญเสียเพลิงศักดิ์สิทธิ์ต้นกำเนิดไป แม้จะได้วาสนาจากสวรรค์และปฐพีก็ไม่ได้ทำให้เขามีความสุขแม้แต่นิดเดียว
จะกล่าวตรงๆก็คือไม่ว่าอะไรก็ไร้ค่าเมื่อเทียบกับเพลิงศักดิ์สิทธิ์ต้นกำเนิด
รอให้ข้าออกไปจากที่นี่ก่อนเถอะ!
เขาสบภในใจ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องนำเพลิงศักดิ์สิทธิ์ต้นกำเนิดคืนมาให้ได้
‘ครืนนน’ อำนาจของปราณแห่งเซียนแผ่ขยายไปทั่วบริเวณ โชคร้ายที่แม่นางหยุน สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์และถัวป้าตงทำให้เพียงจ้องมองอย่างอิจฉาอยู่ด้านข้าง
แต่ก็ช่วยไม่ได้สำหรับทั้งสามคน วาสนาเหล่านี้มีไว้เพื่อราชาในหมู่ราชาเท่านั้น
หลิงฮันขัดสมาธิและดูดซับปราณแห่งเซียนอย่างบ้าคลั่งเพื่อเสริมอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของเขาให้สมบูรณ์