Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1321
มีที่ราบอยู่ในถ้ำ!
“ช่างเป็นปราณแห่งความตายที่น่ากลัวอะไรขนาดนี้!” เป่ยหวงกล่าว
หลิงฮันเริ่มใช้งานเนตรแห่งสัจธรรมและจ้องมองพื้นที่ที่อยู่ด้านหน้า แล้วสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันทีและพูดว่า “หลายร้อยล้านปีที่ผ่านมามีผู้คนนับไม่ถ้วนตายที่นี่ โลหิตของพวกเขาได้หลอมรวมเข้ากับพื้นปฐพี จึงทำให้ที่นี่เต็มไปด้วยเลือด”
อู๋เมี่ยนหยิบดินขึ้นมาดูและใช้พลังเพื่อบดขยี้ แต่ก็ไม่สามารถบดขยี้ได้หมดและหลงเหลือเม็ดทรายสีทองในมือ
ทุกคนรู้สึกแปลกใจ
อู๋เมี่ยนเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุด ความแข็งแกร่งของเขาเทียบได้กับจอมยุทธระดับดาราขั้นต้น ด้วยความแข็งแกร่งของเขาก็ยังไม่สามารถบดขยี้ได้หมดและเหลือเม็ดทรายสีทอง มันเป็นแร่เหล็กศักดิ์สิทธิ์ระดับเก้าหรือยังไง?
“หืม?” เป่ยหวงจ้องมองทรายที่อยู่ในมือของอู๋เมี่ยนอย่างระมัดระวัง หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พูดว่า “ทรายนั่นไม่ธรรมดา”
“ใช่! มันไม่ธรรมดา!” ฉือหวงกล่าว และเขาเองก็คว้าดินขึ้นมา แต่หลังจากที่เขาขัดเกลา มันกลับไม่กลายเป็นทรายสีทอง แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้และคว้าดินขึ้นมาดูดซับใหม่เพื่อขัดเกลาให้กลายเป็นทรายสีทอง และคราวนี้เขาก็ขัดเกลาเป็นทรายสีทองได้สำเร็จอยู่ในมือของเขา
ทุกคนรีบคว้าดินขึ้นมาและขัดเกลาให้กลายเป็นทรายสีทอง ในไม่ช้าทุกคนก็มีทรายสีทองอยู่ในมือของพวกเขาคนละหนึ่งหรือสองเม็ดและตรวจสอบอย่างรอบคอบ
หลิงฮันเองก็ทำแบบนั้นเช่นกัน แม้ว่าจะไม่มีพลังอะไรอยู่ในทราย แต่มันทำให้เขารู้สึกได้ถึงพลังบางอย่าง ราวกับว่าในอดีตมันเคยถูกสร้างเป็นอิฐและกระเบื้องในพระราชวังที่ยิ่งใหญ่ แต่ถูกทำลายจนกลายเป็นทราย
ในขณะที่คนอื่นกำลังมุ่งความสนใจไปที่ทรายในมือ หลิงฮันก็แอบเก็บตัวอย่างทรายเข้าไปในหอคอยทมิฬและให้เซียนอู๋เซียงทำการวิเคราะห์
โดยไม่คาดคิด เมื่อกลุ่มก้อนแสงที่เกิดจากเซียนอู๋เซียงจ้องมองไปที่มัน เขาก็ดูตื่นตระหนกขึ้นมาทันที แม้ว่าอีกฝ่ายจะอยู่ในหอคอยทมิฬ แต่หลิงฮันก็สามารถได้ยินเสียงตะกุกตะกักที่พูดไม่ถูกของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน
“ผู้อาวุโสอู๋เซียง ท่านมองเห็นอะไร?” หลิงฮันถาม
“ข้ามองเห็น…สวรรค์!” เซียนอู๋เซียงพูดบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ออกมา
สวรรค์?
มันฟังดูเหมือนเป็นเรื่องตลกที่เห็นสวรรค์เป็นเม็ดทราย ซึ่งเรื่องเหลวไหลแบบนั้นไม่ควรที่จะพูดออกมาจากเซียน
“ผู้อาวุโสช่วยพูดให้มันชัดเจนกว่านี้หน่อย” หลิงฮันกล่าว
แต่เซียนอู๋เซียงก็ยังคงยืนกรานคำเดิมว่ามองเห็นสวรรค์
หลิงฮันถึงกับพูดไม่ออก แม้เขาจะรู้ว่าเม็ดทรายพวกนี้ไม่ธรรมดาก็ตาม
แต่การที่มันสามารถทำให้เซียนอู๋เซียงเป็นแบบนั้นได้ มันจะต้องเป็นอะไรที่น่าอัศจรรย์มากไม่ผิดแน่
หลิงฮันรู้สึกสนใจเม็ดทรายพวกนี้มาก เขายกหมัดขึ้นและต่อยไปที่พื้นดิน ตู้ม เศษดินกระจายเล็กน้อยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งทำให้หลิงฮันถึงกับต้องขมวดคิ้วทันที เพราะความเสียหายที่ได้รับจากหมัดของเขามันน้อยมาก
แม้ว่าพื้นปฐพีของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะมั่นคงและแข็งแกร่ง แต่ตอนนี้เขาเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงแล้ว ถ้าเขาปล่อยหมัดใส่ภูเขาก็ยังต้องพังทลาย แล้วมันเป็นไปได้อย่างไรที่หมัดของเขาทำได้แค่สร้างหลุมได้ไม่เกินสามฟุต?
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
หลิงฮันต่อยหมัดใส่พื้นดินอีกสิบเจ็ดครั้ง และทำให้เขาเริ่มรู้ว่าเขาสามารถสร้างความเสียหายได้เล็กน้อยเท่านั้น เพราะพลังส่วนใหญ่ถูกบางสิ่งบางอย่างดูดซับไป
มันจะต้องเป็นเพราะเม็ดทรายสีทอง!
คนอื่นๆก็พบผลลัพธ์ที่คล้ายคลึงกันด้วยวิธีการของพวกเขาเอง และในไม่ช้าพวกเขาก็เผยสีหน้าประหลาดใจ
เม็ดทรายสีทองไม่ธรรมดาจริงๆด้วย!
“สถานที่แห่งนี้มันคืออะไรกันแน่?” มีคนจำนวนมากเริ่มเดินเข้าและอยู่ด้านหลังพวกเขา เมื่อมาถึงพวกเขาเองก็รู้สึกตกตะลึง เพราะที่นี่มันใหญ่เกินไป
“เจ้าหนู เจ้ารีบเก็บทรายพวกนี้ซะ ยิ่งได้มากเท่าไหร่ ยิ่งดีเท่านั้น!” ในหอคอยทมิฬ เซียนอู๋เซียงกล่าวอย่างตื่นเต้น
“ผู้อาวุโส ตกลงมันคืออะไรกันแน่?” หลิงฮันถาม
“ข้าไม่รู้ แต่ข้ามั่นใจว่าถ้าข้ามีมันมากพอ มันอาจทำให้ข้าทะลวงผ่านระดับสร้างสรรพสิ่งขั้นกลาง – ไม่สิ อาจถึงขั้นสูง แม้กระทั่งขั้นสูงสุด!” เซียนอู๋เซียงกล่าวด้วยความตื่นเต้น ถึงแม้ตอนนี้เขาจะเป็นเพียงแค่ก้อนแสง แต่ก็กระพริบไปมา ราวกับว่าสีหน้าที่เปลี่ยนไป
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงฮันรู้สึกตกตะลึงมาก จากนั้นเขาก็รีบโกยดินที่อยู่ที่นี่เข้าไปในหอคอยทมิฬทันที แล้วค่อยขัดเกลาทีหลัง เพราะอย่างไรพื้นที่ในหอคอยทมิฬก็กว้างใหญ่พอที่จะรองรับดินที่อยู่ที่นี่ทั้งหมด
เมื่อทุกคนเห็นการกระทำของหลิงฮัน คนอื่นๆเหมือนจะตระหนักบางอย่าง และพวกเขาเองก็เริ่มเก็บดินเข้าไปในอุปกรณ์มิติของพวกเขา
ในตอนแรกอัจฉริยะรุ่นเยาว์บางคนรู้สึกขบขัน เมื่อเห็นพวกเขาเก็บดิน แต่ตอนนี้ แม้กระทั่งฉื้อหวงจี่ อู๋เมี่ยน เย่วหยิง แม่นางหยุน เป่ยหวง และฉือหวงเองก็กำลังเก็บดิน คนเหล่านั้นก็ไม่คิดว่าเป็นเรื่องขบขันอีกต่อไป
บางคนเพิ่งมาถึงและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อพวกเขาเห็นทุกคนกำลังรีบเก็บดิน พวกเขาเองก็รีบเก็บตามทันที
โดยปกติแล้วอัจฉริยะแต่ละคนจะมีความคิดเห็นเป็นของตัวเอง แล้วสถานการณ์ในตอนนี้หมายความว่าอย่างไร? ในเมื่อราชาทั้งเก้าคนกำลังเก็บดิน นั่นหมายความว่าดินพวกนี้คือสมบัติ
หลังจากผ่านไปเนิ่นาน ฉากที่เกิดขึ้นก็วุ่นวายมากขึ้น ทุกคนดูกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก
แต่หลังจากนั้นไม่นานทุกคนก็หยุดเก็บดิน
ไม่ใช่ว่าพวกเขาล้มเลิกความคิดที่จะเก็บดิน แต่อุปกรณ์มิติของพวกเขามีพื้นที่จำกัดและไม่สามารถยัดดินเข้าไปได้อีกแล้ว!
ดังนั้น พวกเขาจึงทำได้แค่ขัดเกลาดินที่เก็บมา เพราะดินจำนวนมากจะมีเม็ดทรายสีทองแค่ไม่กี่เม็ดเท่านั้น เมื่อพวกเขาขัดเกลาเสร็จก็จะไม่ต้องกังวลเรื่องพื้นที่ของอุปกรณ์มิติอีกต่อไป
ในไม่ช้าหลิงฮันก็ค้นพบว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเก็บดินทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ได้
เพราะในดินมีเม็ดทรายสีทองมากเกินไป ซึ่งไม่เพียงแค่เป็นที่ราบที่กว้างใหญ่และไร้ขอบเขตเท่านั้น แต่ยังมีความลึกที่ไม่สามารถคาดเดาได้อีก
หลิงฮันหยุดเก็บดินและเริ่มใช้สมองคิด
ในเมื่อมีเม็ดทรายสีทองพวกนี้ก็ต้องมีแหล่งที่มาของมันมิใช่หรือ?
ไม่มีเพียงแค่เขาเท่านั้น คนอื่นๆเองก็ยกหัวขึ้นด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย
บางทีอาจไม่ใช่ทุกคนที่อยู่ที่นี่ที่รู้คุณค่าที่แท้จริงของเม็ดทรายสีทองพวกนี้ ทว่าแม้แต่คนโง่ก็สามารถคาดเดาถึงความพิเศษของเม็ดทรายสีทองพวกนี้ได้
“อาจมีโชคลาภอันยิ่งใหญ่อยู่ในที่ราบแห่งนี้!”
“ป่าภูผาวารีอยู่ด้านบน ส่วนหุบเขาสุริยันจันทราก็อยู่ไม่ไกลนัก เป็นไปไม่ได้เลยที่สถานที่ทั้งสองแห่งจะไม่เกี่ยวข้องกับสถานที่แห่งนี้”
“บางทีที่นี่อาจแก้ไขความลับของป่าภูผาวารีและหุบเขาสุริยันจันทราได้!”
ทุกคนดูตื่นเต้น ป่าภูผาวารีและหุบเขาสุริยันจันทราจะเปิดทุกเจ็ดหมื่นปี หากพวกเขาสามารถค้นหาความลับจากที่นี่ได้ พวกเขาก็จะสามารถเข้าสถานที่ทั้งสองแห่งได้ตลอดเวลาหรือไม่?
ทุกคนรีบกระจายตัวออกไปสำรวจตามทางของตัวเองทันที เหมือนมดแตกรัง และข่าวดังกล่าวไม่เพียงแค่ทำให้ผู้คนที่จากไปก่อนหน้านี้กลับมาเท่านั้น แต่ยังมีคนจำนวนมากแห่เข้ามาที่ราบเพื่อสำรวจที่นี่ด้วย
ตู้ม!
มีเสียงการต่อสู้ในระยะไกล แต่ก็จบลงอย่างรวดเร็ว
หลิงฮันคาดเดาว่าน่าจะเป็นจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์สี่คนที่มุ่งหน้าไปก่อนหน้านี้
แม้ว่าการต่อสู้จะจบลงอย่างรวดเร็ว แต่ก็ต่อสู้กันหลายลมหายใจ นั่นหมายความว่าอย่างไร?
พวกเขาทั้งสี่คนเผชิญหน้ากับศัตรูระดับวารีนิรันดร์อีกครั้ง!
สถานที่แห่งนี้…อันตราย!
this place……Danger!