Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1327
เมื่อหมอกสลายไปได้มีโลงศพขนาดเท่าภูเขาปรากฏอยู่เบื้องหน้า
มาถึงตอนนี้ก็ไม่มีอะไรให้พวกเขาตกตะลึงแล้ว จากห้วงความฝันทำให้พวกเขารู้ว่าติงจื่อเฉินได้ฝังร่างบุตรสาวสุดที่รักเอาไว้และพวกเขาต้องช่วยฟื้นคืนชีพให้ติงหลิน
โลงศพคือที่ที่ร่างของนางถูกฝังเอาไว้?
เพียงแต่จะเรียกว่าโลงศพมันก็มีขนาดใหญ่เกินไป มันสูงถึงพันฟุตและกว้างสามพันฟุต ขนาดของมันเท่ากับภูเขาพอดิบพอดี
อีกด้านหนึ่งของโลงศพมีคนสี่คนยืนอยู่โดยเว้นระยะห่างกัน แต่ละคนปลดปล่อยกลิ่นอายอันทรงพลังราวกับเป็นจุดศูนย์กลางของจักรวาล
ราชันสวรรค์เฉินเฟิง นักพรตกว่างฉิง นักปราชชุดขาว ชายร่างใหญ่หัวหมาป่า พวกเขาคือตัวตนระดับวารีนิรันดร์ทั้งสี่
“เอาล่ะ ลงมาได้แล้ว ที่เหลือขึ้นอยู่กับตัวพวกเจ้าเอง” ทุกคนเดินลงจากเกวียน
“น้องชายฮัน ไว้มีเวลาก็มายังเขตดวงดาวของข้าบ้างล่ะ” ฉือหวงกล่าว “จริงสิ อีกร้อยปีที่จะถึงสำนักละอองดาราของเขตดวงดาวสี่ทิศจะเปิดรับสมัครศิษย์ เหล่าอัจฉริยะจากเขตดวงดาวนับร้อยเขตจะมาแข่งขันกันเพื่อตำแหน่งศิษย์ที่มีเพียงร้อยตำแหน่ง ข้าหวังว่าเมื่อถึงตอนนั้นจะได้พบน้องชายอีกครั้ง”
เป่ยหวงเองก็ยิ้มไปยังหลิงฮันด้วยท่าทีเป็นมิตรอย่างมาก
อย่ามองว่าพวกเขาทั้งสองเป็นทายาทของเซียนแล้วจะเป็นเซียนได้ อนาคตของพวกเขานั้นโอกาสที่จะบรรลุระดับเซียนแทบจะเป็นศูนย์ สำหรับพวกเขาแล้วการบรรลุระดับวารีนิรันดร์นั้นไม่ยากเย็นอะไร แต่สำหรับการบรรลุเป็นเซียนนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้
ยิ่งระดับพลังสูงขึ้น สิ่งที่ปรมาจารย์รุ่นก่อนจะสอนทายาทของตนได้ก็ยิ่งมีน้อยลง ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องจะก้าวข้ามเซียนที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาทั้งสองเลย แค่จะมีบรรลุระดับพลังที่เท่ากันยังไม่รู้ว่าจะทำได้รึเปล่า
แต่ในกรณีของหลิงฮันนั้น เขามีโอกาสสูงมากที่จะกลายเป็นเซียน
เพราะงั้นแล้วทั้งสองจึงผูกมิตรกับหลิงฮันโดยไม่สนว่าตัวเองจะเป็นจอมยุทธระดับดาราหรือเป็นทายาทของเซียน พวกเขาจงใจลดความยิ่งยโสลง
“สำนักละอองดารา?” หลิงฮันเอ่ยด้วยความสงสัย
“สำนักละอองดารานั้นก่อตั้งขึ้นโดยเซียนซิงฉาที่เป็นเซียนระดับสูง ตั้งแต่ที่สำนักถูกก่อตั้งมาเป็นเวลากว่าหมื่นล้านปี เขาบ่มเพาะสร้างศิษย์ระดับเซียนขึ้นมาได้ถึงแปดคน” เป่ยหวงอธิบาย “เซียนซิงฉากล่าวว่าเขาจะรับศิษย์สูงสุดแค่เก้าคน หากได้ศิษย์คนสุดท้ายแล้วเขาจะไม่รับใครเป็นศิษย์อีก เนื่องจากอายุขัยของเขาคงไม่เพียงพอที่จะสร้างเซียนคนที่สิบ”
“ดังนั้นเหล่าอัจฉริยะทุกคนถึงคิดจะมุ่งหน้าไปยังสำนักละอองดาราเพื่อถวายตัวเป็นศิษย์ของเซียนซิงฉา หากสามารถเป็นศิษย์คนที่เก้าของเขาได้ สถานะของคนผู้นั้นจะทะยานสูงขึ้นอย่างจินตนาการไม่ถึง!” ฉือหวงกล่าวต่อ
หยางหลิน แม่นางหยุน เย่วหยิงและคนอื่นๆได้ยินอย่างชัดเจนและแสดงสีหน้าอันมุ่งมั่นออกมาอย่างปิดไม่มิด
เซียนระดับสูง!
อย่ามองเซียนชิงไห่กับเซียนจิตวิญญาณศิลาเป็นเซียนแล้วจะเหมือนกัน ทั้งสองเป็นเซียนระดับต่ำ แม้พวกเขาไปที่ใดก็ย่อมเป็นที่เคารพ แต่เมื่อเทียบกับเซียนระดับสูงแล้ว เรียกว่าต่างกันราวกับสวรรค์และปฐพี
ถ้าทิ้งเรื่องศักดิ์ศรีไปเกรงว่าเซียนจิตวิญญาณศิลากับเซียนชิงไห่คงจะยินยอมสวามิภักดิ์เป็นศิษย์ของเซียนซิงฉา บางทีพวกเขาอาจจะมีโอกาสเลื่อนเป็นเซียนที่ระดับสูงขึ้น ไม่เช่นนั้นระดับพลังของทั้งสองคงหยุดอยู่ที่เซียนระดับต่ำไปตลอดชีวิต
หลิงฮันพยักหน้าเบาๆและกล่าว “ตกลง ภายในหนึ่งร้อยปีข้าจะไปยังสำนักละอองดาราแน่นอน”
“เราคงได้เจอกันแน่” ฉือหวงหัวเราะ “แต่วาสนาในครั้งนี้ ข้าคงไม่ยกให้น้องชายหลิงง่ายๆ!” เขา ควบคุมเกวียนลอยไปยังบริเวณบนสุดของโลงศพโบราณ
ด้วยเกวียนนี้ทำให้เขามั่นใจและไม่เกรงกลัวปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์ทั้งสี่
‘ครืนน’ เกวียนลอยขึ้นไปยังส่วนบนสุดของโลงศพโบราณจนไม่สามารถมองเห็นอีกต่อไป
หลิงฮันและคนอื่นๆเองก็แยกย้ายกันไปเพื่อมองหาความลับของโลงศพโบราณจากหลายๆมุม
ร่างคนตายต้องอยู่ภายในโลงศพนี้แน่ หากต้องการทำให้อีกฝ่ายฟื้นคืนชีพ แน่นอนว่าต้องนำร่างของนางออกมาจากโลงศพให้ได้เสียก่อน ดังนั้นสิ่งแรกที่ต้องทำคือการเปิดโลงศพหรือไม่ก็หาวิธีเข้าไปด้านใน
หลิงฮันแน่นอนว่าแยกตัวออกมาด้วยกันกับสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ พวกเขาเดินวนรอบโลงศพโบราณและพบเพียงว่าบนตัวโลงศพมีสัญลักษณ์เรียงติดกันมากมายราวกับเป็นรูปแบบอาคมหรือไม่ก็เจตจำนงยุทธ
หลังจากเดินวนดูแล้วก็ไม่พบร่องรอยใดๆที่จะทำให้เปิดหรือเข้าไปในโลงศพได้เลย
หรือจะเป็นด้านบน?
หลิงฮันกระโดดขึ้นฟ้าและคิดจะปีนโลงศพ แต่ในขณะที่เท้าของเขากำลังจะแตะโดนโลงศพนั่นเอง ความรู้สึกเย็นยะเยือกก็ผุดขึ้นในจิตใจของเขาราวกับเป็นสัญญาณเตือนว่าหากเท้าของเขาแตะโลงศพนี้เขาจะต้องตาย
เขาฝืนดันตัวเองกลับออกมาทำให้ร่างของเขาร่วงหล่นกระแทกเข้ากับพื้น
“เจ้าทำอะไร?” สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ถามด้วยความสับสน
ยังไม่ทันที่หลิงฮันจะกล่าวตอบพวกเขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องมาจากทิศทางหนึ่ง มีคนคิดจะทำเหมือนกับหลิงฮันคือการปีนขึ้นไปบนโลงศพ ในขณะที่ร่างกายของเขาสัมผัสโดนตัวโลงศพร่างของคนคนนั้นก็ถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆพร้อมกับโลหิตสาดกระจายทันที
แม้คนคนนั้นจะไม่ใช่ปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งและเป็นเพียงจอมยุทธระดับสุริยันจันทรา แต่เขาตายเพียงเพราะสัมผัสกับโลงศพเนี่ยนะ?
โลงศพอันนี้อันตราย!
ในขณะเดียวกัน เสียงโครมครามก็ดังขึ้นจากด้านบนพร้อมกับเกวียนที่ร่วงลงมาจากท้องฟ้า มันคือเกวียนที่เป็นยานพาหนะของฉือหวง ตอนนี้เขาของกระทิงม่วงด้านหน้าเกวียนได้หักหายไป บริเวณด้านข้างของตัวเกวียนเองก็พังทลาย
สีหน้าของหลิงฮันเปลี่ยนไปทันที เกวียนนั่นถูกสร้างขึ้นจากวัตถุดิบเซียน การที่มันถูกทำลายแสดงให้เห็นว่าโลงศพโบราณอันตรายขนาดไหน
พวกเขาห้ามลืมว่าติงจื่อเฉินเป็นตัวตนระดับนิรันดร์!
อำนาจของตัวตนระดับนั้นย่อมไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำลายวัตถุดิบเซียน
“จบสิ้นแล้ว ข้าต้องตายแน่ๆ!” ฉือหวงโอดครวญ เกวียนนี้ไม่ใช่ของเขา แต่เพราะอยากเปิดตัวอย่างโดดเด่นเขาจึงแอบนำมันมาใช้
จากเขตดวงดาวของเขามาถึงเขตดาวดวงนี้ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่เกวียนจะได้รับความเสียหาย เพราะเขตดวงดาวเขตนี้ไม่มีตัวตนระดับเซียนแม้แต่คนเดียว หากเขานำเกวียนมาใช้ที่นี่ย่อมสร้างความตกตะลึงได้อย่างมาก
แต่ตอนนี้เกวียนกลับได้รับความเสียหายเสียแล้ว ยิ่งกว่านั้นดูทรงแล้วอาจจะซ่อมแซมไม่ได้ด้วย เมื่อกลับไปเขาจะต้องถูกบิดาลงโทษอย่างอเนจอนาถแน่นอน
สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์หวาดกลัวทันที ถ้าหลิงฮันล่าถอยไม่ทันเขาคงจะกลายเป็นเศษเนื้อไปแล้ว
หลิงฮันขมวดคิ้วและกล่าวกับสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ “พาข้าขึ้นไปด้านบน”
สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์พยักหน้า นางกางปีกและยกร่างหลิงฮันบินขึ้นฟ้า
เมื่อทั้งสองคนมาถึงด้านบนสุดของโลงศพโบราณและมองสำรวจอย่างถี่ถ้วน พวกเขาพบว่าโลงศพโบราณนี้ราวกับว่าถูกเชื่อมกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน มันไม่มีรอยต่อระหว่างฝาโลงกับตัวโลงศพเลย หรือต่อให้มีใครจะกล้าเปิดฝาโลงศพ?
แปลกมาก… ทางเข้าเองก็ไม่มีเช่นกัน เช่นนี้แล้วจะช่วยบุตรสาวของติงจื่อเฉินให้คืนชีพได้อย่างไร?
หลิงฮันคิดว่าอาจจะมีทางเข้าซ่อนเอาไว้ แต่ด้วยสัญชาตญาณอันแหลมคมของเขาบอกกับเขาว่าไม่มีมีทางเข้าใดซ่อนอยู่
ไม่เช่นนั้นคนอย่างฉือหวงคงไม่บุ่มบ่ามลงมือจนเกวียนที่เป็นอุปกรณ์ระดับเซียนเสียหาย
ถ้างั้น… จะทำอย่างไรดี?