Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1337
‘ครืนนน’ กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวที่สัมผัสได้จากนางคือระดับเซียน!
ในเขตดวงดาวนี้ ระดับพลังนี้ถือว่าเป็นตัวตนอันไร้เทียมทาน
“กรี๊ดดด” สตรีผู้นั้นกุมหัวร้องโอดครวญ คลื่นพลังอันรุนแรงผันผวนระเบิดออกมาจากร่างของนางไปทั่วทิศทาง โลงศพโบราณที่อยู่ด้านล่างค่อยๆปรากฏรอยปริแตกก่อนจะแหลกสลายเป็นเศษซากนับหลายร้อยล้านชิ้น
โลงศพไม่ได้ถูกนางทำลาย แต่มันแหลกสลายไปเองเนื่องจากได้ทำหน้าที่ของมันลุล่วงแล้ว
“เหตุใดสภาพของข้าถึงเป็นเช่นนี้?” สตรีผู้นั้นคำรามท่ามกลางท้องฟ้า เสียงของนางเต็มไปด้วยความรู้สึกทรมานใจ
ตอนนี้รูปลักษณ์ของนางสามารถเรียกได้ว่าเป็นสตรีงามที่แท้จริง แต่ใบหน้าของนางนั้นครึ่งหนึ่งงดงามดั่งหยก อีกครึ่งหนึ่งอัปลักษณ์ราวกับภูตผี สำหรับสตรีแล้วใบหน้าเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถยอมรับได้
ต่อให้นางจะเป็นตัวตนระดับสร้างสรรค์พสิ่งก็เป็นไปไม่ได้ที่จะปรับแต่งรูปลักษณ์ที่แท้จริงของตนเอง ร่างของนางเกิดจากรวมวิญญาณให้ผสานเข้ากับศพที่ตายไปแล้ว วิธีการเช่นนี้กล่าวได้ว่าฝืนสวรรค์อย่างแท้จริง แต่แผนการของติงจื่อเฉินมีจุดผิดพลาดเล็กน้อยทำให้ศพของนางฟื้นสภาพไม่ครบสมบูรณ์
ด้วยการคืนชีพที่ท้าทายสวรรค์จึงเป็นไปไม่ได้ที่นางจะปรับแต่งรูปลักษณ์ของตัวเองได้ นอกเสียจากว่านางจะใช้วิธีการเดิมอีกครั้ง
เพียงแต่ว่าโลงศพโบราณอันเป็นกุญแจสำคัญของการคืนชีพได้พังทลายไปแล้ว ไม่ว่าอย่างไรสตรีผู้นั้นก็ต้องใช้ชีวิตด้วยรูปลักษณ์แปลกประหลาดไปตลอดกาล
ถ้าติงจื่อเฉินไม่ได้โกหกทั้งหมด สตรีผู้นั้นสมควรเป็นติงหลิน
นางกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง
“ข้าเกลียดตัวเอง! ข้าเกลียดตัวเอง!” ติงหลินคำราม ทันใดนั้นเองนางก็ได้ยกฝ่ามือขึ้นและกระแทกเข้าที่หน้าผากตัวเอง ‘โพล๊ะ’ หัวของนางระเบิดกระจุย แม้แต่ร่างกายส่วนที่เหลือก็แยกออกเป็นชิ้นๆ
เพิ่งคืนชีพกลับมาไม่กี่ลมหายใจนางก็ฆ่าตัวตายเสียแล้ว!
‘พรึบ’ ชิ้นส่วนร่างกายของนางค่อยๆสลายไปพร้อมกับมีผลึกขนาดเท่านิ้วมือร่วงลงมาจากท้องฟ้า
หลิงฮันเล่าสิ่งที่เห็นให้สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ฟัง นางตกตะลึงก่อนจะถอนหายใจและกล่าว “ถ้าข้าเป็นนาง บางทีข้าก็อาจจะเลือกปลิดชีวิตตัวเองเช่นกัน”
“ทำไมกัน?” หลิงฮันถาม
“สำหรับสตรีที่แต่เดิมเคยงดงามมาก่อนนั้น ใบหน้าเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าชีวิตตัวเองเสียอีก” สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์กล่าวด้วยความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ “ถ้าฆ่าตัวตายก็จะไม่ต้องทนเห็นใบหน้าตัวเองอีกต่อไปและจดจำเอาไว้เพียงความทรงจำในช่วงที่ตัวเองงดงาม”
หลิงฮันหัวและนำร่างของนางเข้ามาอยู่ในอ้อมแขน “เจ้าห้ามคิดทำอะไรเช่นนั้นเด็ดขาด! ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ทุกคนอย่างย่อมมีทางแก้ไข แต่ถ้าเจ้าตายก็จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย”
สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์พยักหน้า แต่หลิงฮันรู้ว่านางไม่ได้ฟังที่เขาบอกเลยสักนิด ถ้าหากนางสูญเสียใบหน้าไปและไม่สามารถฟื้นกลับสภาพเดิมได้ นางคงเลิกวิธีการเหมือนติงหลินแน่
สตรีช่างเข้าใจยากเหลือเกิน
หลิงฮันถอนหายใจและออกจากหอคอยทมิฬมาพร้อมกับสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ ที่นี่ยังมีออร่าอันทรงพลังของเซียนหลงเหลืออยู่ ต่อให้เซียนจะตกตาย ออร่าของพวกเขาก็ยังคงสภาพเอาไว้ได้อีกนานแสนนาน
บทสรุปเช่นนี้ ติงจื่อเฉินคงไม่สามารถคาดการณ์เอาไว้ได้ก่อนแน่
เขาพยายามมาหลายร้อยหลายพันล้านปีเพื่อดำเนินแผนการให้บุตรสาวของตนเองกลับมามีชีวิตอีกครั้ง แต่สุดท้ายนางกลับเลือกที่จะฆ่าตัวเอง แต่เกรงว่าต่อให้ติงจื่อเฉินคาดเดาผลลัพธ์เช่นนี้เอาไว้ก่อน ความคิดที่จะนำชีวิตของสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนมาสังเวยเพื่อคืนชีพให้บุตรสาวก็คงไม่เปลี่ยนแปลง
หลิงฮันลองนึกย้อนกลับมาหาตัวเอง ถ้าหากเป็นเขาล่ะ? เขาจะยอมทำเรื่องบ้าบิ่นขนาดนี้เพื่อบุตรของเขาหรือไม่?
“ไม่ว่าจะอย่างไรพลังที่แข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะแก้ไขทุกอย่างได้” หลิงฮันกล่าว หากเขามีพลังแข็งแกร่งย่อมสามารุที่จะหลีกเลี่ยงการสูญเสียได้
“อืม!” สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์พยักหน้า หลังจากที่เห็นจุดจบของติงหลินนางก็เข้าใจถึงความจริงนี้ดี
หลิงฮันหยิบผลึกที่หลงเหลือจากติงผลินขึ้นมา ทันใดนั้นเองห้วงจิตวิญญาณของเขาก็มีความทรงจำที่ไม่ใช่ของเขาผุดขึ้นมา
ความทรงจำนี้คือ… กาลเวลาแปรผันพันปี!
กาลเวลาแปรผันพันปีที่คัดแยกจากเม็ดทรายสีทองนั้นไม่มีความทรงจำของติงจื่อเฉินผสานเอาไว้มันจึงไม่ใช้กาลเวลาแปรผันพันปีที่แท้จริง แค่ความทรงจำที่เขาได้รับมาคือกาลเวลาแปรผันพันปีที่สมบูรณ์
ผลึกนี้เป็นสมบัติที่ติงจื่อเฉินขโมยมาจากตระกูลของคู่หมั้น มันสามารถใช้กักเก็บวิญญาณเอาได้เป็นระยะเวลาหลายร้อยหลายพันล้านปี
ติงจื่อเฉินนั้นไม่เคยคิดจะมอบทักษะลับนี้ให้ใครอื่นอยู่แล้ว แต่ผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึงทำให้มันตกมาอยู่ในมือหลิงฮัน
ในเมือผลึกนี้เป็นสมบัติล้ำค่าที่มาจากดินแดนแห่งเซียน มันจะต้องมีตราประทับที่ใช้แสดงตำแหน่งสลักเอาไว้แน่ ก่อนหน้านี้มันถูกผนึกเอาไว้ในโลงศพโบราณทำให้ไม่ถูกค้นพบ แต่ตอนนี้มันตกมาอยู่ในมือของหลิงฮันแล้ว
หลิงฮันเข้าไปในหอคอยทมิฬกับสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ ระยะเวลาที่เขาสัมผัสกับผลึกนั้นเพิ่งผ่านไปไม่นาน บางทีขุมอำนาจเจ้าของสมบัติอาจจะยังไม่สามารถระบุตำแหน่งที่แน่ชัดได้ แต่รูปลักษณ์ กลิ่นอายของเขานั้นคงถูกอีกฝ่ายรับรู้ไปแล้ว
ยังไม่ทันเข้าไปยังดินแดนแห่งเซียนเขาก็พบเจอปัญหาก่อนเสียแล้ว
หลิงฮันชำระล้างร่องรอยทุกอย่างในผลึกด้วยอำนาจของหอคอยทมิฬและเริ่มบ่มเพาะพลังต่อพร้อมกับสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์
สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์จำเป็นต้องใช้เวลาทำความเข้าใจเต๋าแห่งกฎสวรรค์อีกนานเพื่อขัดเกลาพลังบ่มเพาะใช้บรรลุขั้นสมบูรณ์ชั้นสูงสุด ส่วนหลิงอันนั้นเขาอยู่ห่างจากขั้นสมบูรณ์ชั้นสูงสุดเพียงก้าวเดียวก็จริง แต่เขาจำเป็นต้องใช้เวลาอีกพอสมควรถึงจะทะลวงผ่านระดับดารา
เขาสังหารเชี่ยตงหลายสำเร็จแล้ว แม้เชี่ยเฉียนที่เป็นผู้นำของตระกูลเชี่ยจะตกตายไปแล้ว ตระกูลเชี่ยก็ยังคงมีปรมาจารย์ระดับดาราอยู่อีกมากมาย ดังนั้นหลิงฮันจึงคิดจะกลับไปคิดบัญชีกับห้านิกายโบราณโดยที่หากไม่จำเป็นก็ไม่ต้องการเป็นศัตรูกับตระกูลเชี่ย
เพื่อชำระหนี้แค้นกับห้านิกายโบราณ เขาจึงอยากบรรลุระดับดาราให้เร็วที่สุด แต่ไม่ว่าจะรีบขนาดไหนก็คงต้องใช้เวลาหลายปี
ด้วยเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งทั้งสองคนจึงไม่ต้องกังวลเรื่องการสะสมพลังปราณ สิ่งที่พวกเขาต้องทำคือทำความเข้าใจอำนาจแห่งเต๋าเท่านั้น
หลิงฮันหยิบเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งเม็ดสุดท้ายที่เขาสามารถกินได้เข้าปากและเร่งขัดเกลาพลังบ่มเพาะให้บรรลุขั้นสมบูรณ์ชั้นสูงสุด เขาเริ่มเข้าสัมผัสได้ถึงความรู้สึกลึกลับของประตูแห่งระดับดารา
ตามหลักแล้ว ตัวเขาที่ใช้เวลาไม่นานในการขัดเกลาพลังจนบรรลุขั้นสมบูรณ์ที่ยากกว่าการทะลวงผ่านระดับดารา หากต้องการจะทะลวงผ่านระดับดาราก็สมควรทะลวงผ่านได้อย่างง่ายดาย
แต่ความจริงไม่ใช่แบบนั้น เขารู้สึกว่ามีช่องว่างบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับสวรรค์และปฐพีคอยปิดกั้นไม่ให้เขาทะลวงผ่านอยู่
เมื่อลองไปถามเซียนหวู่เซียงก็พบว่าปัญหาที่เขาพบเจอนั้นคือกฎแห่งช่วงอายุ
ในจักรวาลนี้ไม่เคยมีจอมยุทธระดับดาราที่อายุน้อยกว่าร้อยปี!
หลิงฮันไม่เชื่อเช่นนั้น แล้วฮูหนิวล่ะ? ไม่ใช่แค่ระดับดาราแต่นางบรรลุระดับสร้างสรรพสิ่งแล้วด้วยซ้ำ ไหนล่ะกฎแห่งช่วงอายุ?
หรือไม่บางทีกฎที่ว่าก็อาจจะมีผลกับสิง่มีชีวิตในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น
หลิงฮันเคยคิดว่าเขาจะทะลวงผ่านระดับดาราได้ในเวลาสามเดือน แต่ระยะเวลาที่เขาใช้นั้นเกินกว่าที่เขาคาดการณ์เอาไว้
ทุกๆสามเดือนหลิงฮันจะหยุดบ่มเพาะพลังเพื่อขัดเกลากายหยาบด้วยเพลิงนิรันดร์ ในระยะสามเดือนที่ผ่านมาเขาทำความเข้าใจกฎแห่งเต๋าใต้ต้นสังสารวัฏไปราวๆหนึ่งร้อยปี
“สองร้อยปี” “สามร้อยปี” “สีร้อยปี” เวลาค่อยๆผ่านไปหลิงฮันก็ยังไม่สามารถหลุดพ้นขั้นตอนนี้ไปได้
สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์บ่มเพาะและกินเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งอย่างต่อเนื่อง ด้วยการช่วยเหลือจากต้นสังสารวัฏหลังจากผ่านไปสามปีในที่สุดนางก็บรรลุขั้นสมบูรณ์ขั้นสูงสุด ตอนนี้ระดับพลังของนางทัดเทียมกับหลิงฮันแล้ว
แต่หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดหลิงฮันก็เข้าใจกฎแห่งเต๋าได้เพียงพอ ประตูสู่ระดับดาราเปิดต้อนรับเขาแล้ว