Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1361
ออกจากเมืองยังไม่ทันไร ร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นบนฟ้าและขวางทางพวกเขาเอาไว้
ผิวของร่างนั้นเป็นสีฟ้า
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าต้องเป็นคนของตระกูลซือหม่าไม่ผิดแน่ หลิงฮันเคยพบกับอีกฝ่ายมาแล้ว ร่างที่ปรากฏตัวคือซือหม่าเจี้ยนหย่วน
“เจ้าเป็นตัวตนระดับดาราแท้ๆ แต่กลับใช้แอบใช้ชื่อรุ่นเยาว์ตระกูลของข้า เจ้าไม่รู้สึกว่าตัวเองหน้าด้านเกินไปหน่อยรึไง?” ซือหม่าเจี้ยนหย่วนกล่าวอย่างเย็นชา บนมือของเขาปกคลุมไปด้วยรูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์ที่พร้อมโจมตี
หลิงฮันกล่าวอย่างสงบนิ่ง “ข้าเคยพูดด้วยรึว่าข้าเป็นคนของตระกูลซือหม่า? เป็นคนอื่นเองที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด ซึ่งข้าก็ไม่มีความจำเป็นต้องไปชี้แจงกับพวกเขา”
“ฮึ่ม ไม่ว่าเจ้าจะพล่ามอะไร วันนี้ชายชราก็จะจัดการเจ้า!” ซือหม่าเจี้ยนหย่วนพุ่งโจมตีใส่หลิงฮัน
เขาต้องรีบลงมือให้ไว
เมืองวายุผสานไม่ได้มีปรมาจารย์ระดับดาราเช่นเขาเพียงคนเดียว หลิงฮันที่ถือครองทรัพย์สมบัติเอาไว้มากมาย หากไม่รีบลงมือคงมีคนอื่นเข้ามายุ่มย่าม
“ตาย!” ซือหม่าเจี้ยนหย่วนหยุดอยู่ห่างจากหลิงฮันในระยะราวๆสามเมตรซึ่งเป็นระยะที่เขาสามารถปลดปล่อยการโจมตีได้เต็มประสิทธิภาพที่สุด
เขาปล่อยฝ่ามือออกไป ‘ครืนน’ รูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์เบ่งบานพร้อมกับควบแน่นเป็นคลื่นแสงทำลายล้างพุ่งเข้าใส่หลิงฮัน ที่ด้านหลังของเขาปรากฏดวงดาราสามดวงที่เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกว่าเขามีพลังบ่มเพาะระดับดาราขั้นสูง
‘ตูม’ พื้นดินโดยรอบถูกบดขยี้จนเกิดรอยแตกร้าวที่มองไม่เห็นความลึก
พริบตาเดียว คลื่นแสงก็พุ่งมาถึงด้านหน้าหลิงฮัน
หลิงฮันยกฝ่ามือขึ้นและกระแทกออกไป
ปัง!
เกิดเสียงปะทะอันรุนแรง ร่างของหลิงฮันถูกผลักถอยหลังราวๆร้อยไมล์ก่อนที่คลื่นแสงจะสลายไป
ซือหม่าเจี้ยนหย่วน้าปากค้างและใบหน้าเปลี่ยนสีด้วยความตะลึง
บ้ารึเปล่า พลังกายกับกายหยาบนั่นมันอะไร!
อีกฝ่ายเป็นเพียงจอมยุทธระดับดาราไม่ผิดแน่ ส่วนเขาคือจอมยุทธระดับดาราขั้นสูงสุดชั้นกลาง พลังบ่มเพาะของเขากับหลิงฮันต่างกันถึงเก้าชั้นย่อย ตามหลักแล้วเขาควรจะเหยียบย่ำอีกฝ่ายได้ไม่ยากเย็นด้วยซ้ำ! แต่หลิงฮันไม่เพียงรับการโจมตีของเขาซึ่งๆหน้าแต่ยังสลายการโจมตีของเขาได้อีกด้วย
กายหยาบของอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งเกินไปรึเปล่า?
ไม่เช่นนั้น หากรับการโจมตีเมื่อครู่ซึ่งๆหน้า จอมยุทธระดับดาราขั้นต้นสมควรจะถูกบดขยี้เป็นเศษซากไปแล้ว
สัตว์ประหลาด!
หลิงฮันดึงฝ่ามือกลับและขมวดคิ้ว “ระดับพลังบ่มเพาะแตกต่างกันเกินไป ฝืดมืออยู่พอสมควร” ความแตกต่างของพลังต่อสู้ของพวกเขาสองคนคือเก้าดาว ต่อให้ซือหม่าเจี้ยนหย่วนเป็นเพียงอัจฉริยะหนึ่งดาว พลังต่อสู้ของเขาก็ยังด้อยกว่าอีกฝ่ายถึงสี่ดาว
โชคดีที่พลังต่อสู้ไม่ใช่ทุกสิ่งในการสู้รบ
“พอสมควร? ไปตายซะ!” ซือหม่าเจี้ยนหย่วนลงมือ เขาไม่คิดจะปล่อยให้หลิงฮันมีชีวิตอยู่ต่อ ดวงดาราสามดวงหมุนวนรอบตัวเขาก่อนจะผสานเป็นดาราดวงใหญ่และพุ่งเข้าใส่หลิงฮัน
ครืนน!
ดวงดาราดวงใหญ่พุ่งทะยานราวกับจะทำให้โลกนี้พินาศ
หลิงฮันไม่หวั่นเขา เขาสะบัดมือดันร่างของสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ไปอยู่ในระยะที่ไกลพอสมควรก่อนจะชี้นิ้วไปยังซือหม่าเจี้ยนหย่วนและยิ้มเยาะเย้ย “เฒ่าชรา อย่าได้บ้าบิ่นเกินไป!”
‘พรึบ’ อำนาจสวรรค์ถูกปลดปล่อยออกมา
“อะไรกัน!” ซือหม่าเจี้ยนหย่วนตกตะลึง เขาพบว่าพลังต่อสู้ของตนเองถูกทำให้ลดลงไปสองดาว!
พริบตาเดียว ความต่างในพลังของหลิงฮันกับซือหม่าเจี้ยนหย่วนก็ลดลงมาสองดาว แม้ซือหม่าเจี้ยนหย่วนจะยังเหนือกว่า แต่อย่าลืมว่ากายหยาบของหลิงฮันน่าสะพรึงกลัวขนาดไหน
“แม้ขั้นพลังจะไม่เท่ากัน แต่หากเป็นระดับพลังเดียวกันอยู่ ข้าก็ยังไร้พ่ายไม่เปลี่ยนแปลง!” หลิงฮันคำราม เขาพุ่งทะยานพร้อมกับปล่อยการโจมตีเข้าใส่ซือหม่าเจี้ยนหย่วน
หลิงฮันใช้นิ้วแทนดาบปลดปล่อยทักษะดาบฟ้าคำรามออกมา
จริงอยู่ที่พลังต่อสู้ของพวกเขาแตกต่างกันสองดาว แต่ทักษะดาบฟ้าคำรามเป็นทักษะที่เขาสร้างขึ้นจากการทำความเข้าใจทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ เมื่อผสานเข้ากับอำนาจแห่งกฎเกณฑ์แล้ว ทักษะนี้จึงยกระดับพลังต่อสู้ของหลิงฮันขึ้นอีกหนึ่งดาว
แต่เดิมพลังต่อสู้ของทั้งสองต่างกันสองดาว แต่เมื่อหลิงฮันปลดปล่อยทักษะนี้ออกมา ความต่างของพลังต่อสู้ได้ถูกลดลงไปอีกหนึ่งดาว
ซือหม่าเจี้ยนหย่วนประหลาดใจและคิดว่านี่คือการโจมตีด้วยพลังทั้งหมดของหลิงฮัน หลังจากการโจมตีนี้ต่อให้หลิงฮันสามารถหนีพ้นอีกฝ่ายก็ต้องเผาผลาญพลังชีวิตและจะไม่เป็นภัยคุกคามในอนาคตอีกต่อไป
แต่การที่หลิงฮันที่อ่อนแอกว่ากล้าโจมตีเขาซึ่งๆหน้าแบบนี้เป็นการเหยียดหยามที่เขาไม่อาจยอมรับได้
ซือหม่าเจี้ยนหย่วนไม่ประมาทหลิงฮันและปลดปล่อยทักษะลับของตระกูลซือหม่า เขาขยับวาดนิ้วเป็นสัญลักษณ์แปลกประหลาด สัญลักษณ์ค่อยส่องประกายและปรากฏขึ้นกลางอากาศราวกับถูกวาดบนแผ่นกระดาษ
“ตัวแทนแห่งสวรรค์ทั้งปวง จิตวิญญาณปฐพีแห่งสวรรค์จงปรากฏ!”
‘ครืนน!’
ทันทีที่เขาร่ายเสร็จ พลังวิญญาณโดยรอบก็ถูกควบแน่นกลายเป็นรูปร่างของมนุษย์ขนาดใหญ่ที่ทั่วร่างปกคลุมไปด้วยรูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์ พร้อมกันนั้นเอง พื้นดินเบื้องล่างเกิดรอยปริแตกและสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ได้คลานขึ้นมา
แข็งแกร่ง!
หลิงฮันอุทานในใจ สิ่งมีชีวิตทั้งสองนี้เกิดขึ้นจากพลังวิญญญาณ… เกรงว่านอกจากพลังที่แข็งแกร่งแล้ว พวกมันที่ไม่มีชีวิตจริงๆย่อมไม่หวาดกลัวต่อความเจ็บปวดและความตาย
“ตาย!” ซือหม่าเจี้ยนหย่วนชี้นิ้วออกไป ทันใดนั้นวิญญาณปฐพีทั้งสองก็ปล่อยหมัดเข้าใส่หลิงฮัน หมัดของพวกมันนั้นมีขนาดมหึมาและหนัหน่วงราวกับขุนเขาที่ล่วงหล่นจากท้องฟ้า
หลิงฮันสะบัดมือใช้ทักษะกาลเวลาแปรผันพันปี
ทักษะนี้คือทักษะระดับนิรันดร์!
ในตอนที่ติงเหยาหลงใช้ทักษะนี้ในห้วงความฝัน เขาสามาถโค่นล้มได้แม้แต่คู่ต่อสู้ที่มีพลังบ่มเพาะสูงกว่าเขาสองชั้นย่อย ตอนนี้เมื่อหลิงฮันใช้ทักษะนี้ผลลัพธ์ย่อมไม่ต่างกัน
ลดทอนช่วงเวลาของการโจมตีให้สลายไป!
เมื่อหมัดที่พุ่งเข้าใส่สลายไป หลิงฮันใช้โอกาสนี้ตอบโต้ ‘ปัง ปัง ปัง’ เพียงปล่อยหมัดไม่กี่หมัดวิญญาณปฐพีทั้งสองก็แหลกสลาย
ซือหม่าเจี้ยนหย่วนอ้าปากค้าง เขาทำใจเชื่อไม่ลงว่าทักษะลับที่ล้ำค่าของตระกูลจะไร้ค่าเมื่ออยู่ต่อหน้าหลิงฮัน
‘พรึบ พรึบ พรึบ’ ร่างหลายร่างปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าทีละคน พวกเขาคือปรมาจารย์ระดับดาราของเมืองวายุผสาน ถึงแม้จะปรากฏตัวช้าแต่ก็ไม่พลาดการปะทะกับระหว่างหลิงฮันกับซือหม่าเจี้ยนหย่วน แน่นอนว่าพวกเขาได้เห็นฉากที่หลิงฮันปลดปล่อยอำนาจอันทรงพลังบดขยี้วิญญาณปฐพีทั้งสอง
รุ่นเยาว์ผู้นี้… น่าสะพรึงกลัวเกินไป!
ปรมาจารย์บางคนหันหลังจากไปโดยไม่กล่าวอะไรซักคำ พวกเขารู้ว่าหากหลิงฮันไม่ตาย อนาคตของเขาย่อมไร้ขีดจำกัด ทางที่ดีไม่ควรไปมีความบาดหมางกับคนเช่นนี้ แต่ก็ยังมีบางคนที่ความโลภบังตา พวกเขาแยกย้ายกับล้อมหลิงฮันเอาไว้
“มอบแก่นไขกระดูกหยกกับผลึกก่อเกิดทั้งหมดมา แล้วพวกเราจะยอมไว้ชีวิตเจ้า!” ใครบางคนตะโกนขึ้นมา
หลิงฮันมองไปยังเจ้าของเสียงและยิ้ม “พวกเจ้ามีกันแปดคน ข้าควรมอบให้ใครดีล่ะ?”
“ไม่ต้องสนใจเรื่องไร้สาระ มอบพวกมันมาให้ข้า!” ใครอีกคนกล่าว ปรมาจารย์เหล่านี้ทุกคนล้วนแต่เป็นจิ้งจอกเฒ่า พวกเขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าหลิงฮันต้องการให้พวกเขาขัดแย้งกันเอง
หลิงฮันสะบัดมือขวานำดาบอสูรนิรันดร์ออกมา “หากข้าบอกว่าไม่ล่ะ?”
“งั้นก็… ตายซะ!”