Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1404
สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ไม่กล้าดูถูกอีกฝ่าย
นางทะลวงผ่านระดับดาราด้วยรากฐานระดับสุริยันจันทราขั้นสมบูรณ์ พลังต่อสู้ของนางจึงอยู่ที่ราวๆห้าดาวถึงหกดาว แต่จากที่ได้ยินมา แม่ทัพทั้งเจ็ดและผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายขวานั้นเป็นอัจฉริยะสี่ดาว รวมกับพลังบ่มเพาะระดับดาราขั้นต้นชั้นสูงสุดของพวกเขาและอำนาจแห่งจักรภพ พลังต่อสู้ของพวกเขาสมควรมากกว่านางสองถึงสามดาว
ความต่างนี้ไม่ใช่น้อยๆ
แต่สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ก็มีสายเลือดพิเศษของนกอมที่แท้จริง นางสามารถยกระดับพลังต่อสู้ขึ้นมาได้อีกหนึ่งดาว
ดังนั้นความต่างของนางกับชาจิ่งสมควรอยู่ที่ราวๆหนึ่งถึงสองดาว
ชาจิ่งคำรามปลดปล่อยพลังทั้งหมด รูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์บนกระบี่ส่องประกายที่ละจุดพร้อมกับระเบิดกลิ่นอายสังหารออกมา
เขาไม่ใช่สุดยอดอัจฉริยะเหมือนหลิงฮัน แต่กล่าวได้ว่าจำนวนคนที่เขาลงมือสังหารไปนั้นหลิงฮันเทียบเขาไม่ติดแน่นอน
“ไปสู้กันบนฟ้า!” ชาจิ่งเหาะเหินขึ้นสู่ท้องฟ้า
สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ไม่โต้แย้งและสยายปีกด้านหลังลอยขึ้นฟ้า
ปัง!
ทั้งสองคนไม่พูดพล่ามและเข้าปะทะกันทันใด คลื่นพลังทำลายล้างแพร่กระจายออกเป็นวงกว้างแต่ถูกรูปแบบอาคมป้องกันของเมืองจักรพรรดิป้องกันเอาไว้ ในขณะเดียวกัน หัวหน้าองครักษ์อย่างฉีเชียวเซวี่ยเองก็ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของเมืองจักรพรรดิและแสดงสีหน้าตกตะลึง
เมื่อใดกันที่จักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะมีจอมยุทธสตรีระดับดารา?
ยิ่งกว่านั้นถึงแม้อีกฝ่ายจะยังเพิ่งทะลวงผ่านระดับดารา พลังต่อสู้กับน่าสะพรึงกลัวมาก ต่อให้จะยังไม่สามารถทัดเทียมกับชาจิ่งได้แต่ก็ไม่ได้เสียเปรียบมากนัก
เป็นเพราะนางกำลังอยู่ในหน้าที่จึงไม่สามารถไปดูการต่อสู้ได้ นางรู้สึกอยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างมากว่าสตรีผู้นั้นเป็นใคร
“ท่านพ่อ!” จ้าวหลุนเอ่ยกระซิบ แววตาของเขาปรากฏร่องรอยของความอาฆาต
Anchor
จ้าวเจี้ยนไป๋มองไปยังบุตรชายของตนก่อนจะเค้นเสียงไม่พอใจ
เขารู้ว่าบุตรของเขาต้องการให้เขาลงมือสังหารหลิงฮัน
ช่างเป็นบุตรที่ไร้ประโยชน์เสียจริง!
หลิงฮันก้าวสู้ระดับดาราแล้วส่วนเจ้าไม่สามารถ… แต่ประเด็นคือพอมีปัญหาเจ้าก็มาขอให้ข้าช่วย
ลูกผู้ชายสมควรจะใช้พลังของตนเองในการแก้แค้น
จ้าวเจี้ยนไป๋ถอนหายใจ ใครใช้ให้เขามีบุตรชายเพียงคนเดียวกันล่ะ เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะไม่ช่วยเหลือบุตรของตนเอง?
“หลิงฮัน ไปสู้กันบนฟ้า!” จ้าวเจี้ยนไป๋เอ้ยกล่าว เสียงของเขาดังก้องกังวาลด้วยจิตใจที่พร้อมสู้รบ
หลิงฮันนั่งนิ่งและกล่าว “หากข้าลงมือจะมีปรมาจารย์คนหนึ่งหายไป เจ้าแน่ใจว่าต้องการขุดหลุมฝังตัวเอง?”
นะ นะ นี่มัน!
อย่าว่าแต่จ้าวเจี้ยนไป๋เลย แม้แต่ผู้คนโดยรอบที่ได้ยินต่างก็คิดว่าหลิงฮันอวดดีเกินรึเปล่า?
จ้าวเจี้ยนไป๋เป็นปรมาจารย์ระดับดารามาเป็นเวลานานแล้ว เขาขัดเกลาระดับพลังมานานไม่รู้กี่หมื่นกี่แสนปี ส่วนเจ้าเป็นเพียงปรมาจารย์เพิ่งก้าวสู่ระดับดารา ยิ่งกว่านั้นถึงแม้หลิงฮันจะเป็นคนของจักรวรรดิราชวงศ์ดวงดาราหายนะ แต่อำนาจแห่งจักรภพที่สามารถเรียกใช้ได้ก็แตกต่างกับจ้าวเจี้ยนไป๋ที่เป็นถึงแม่ทัพ
จ้าวเจี้ยนไป๋แสยะยิ้มและหัวเราะ “เจ้าหนู เจ้าที่สามารถทะลวงผ่านระดับดาราได้ด้วยอายุเพียงเท่านั้นแน่นอนว่าเจ้าสามารถดูหมิ่นโลกทั้งใบ แต่อย่าคิดว่าตนเองสูงส่งที่สุด มาปะทะกับข้าบนท้องฟ้า!”
“แต่เจ้าก็ไม่ได้สูงสุดที่สุดในโลก” หลิงฮันกล่าวอย่างไม่แยแส “ในเมื่อเจ้าต้องการ ก็ตามใจเจ้า!”
หลิงฮันนำดาบไม้พุพังออกมา แม้ดาบเล่มนี้จะมีประโยชน์เพียงความทนทาน แต่เพียงเท่านี้ก็เพียงพอที่จะบดขยี้จอมยุทธระดับดาราขั้นต้นแล้ว
เมื่อจ้าวเจี้ยนไป๋เห็นอาวุธของหลิงฮัน ใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นตกตะลึงทันที
นั่นเรียกว่าอาวุธได้รึ?
เจ้าตั้งใจจะใช้อาวุธเช่นนั้นต่อสู้กับข้า… นี่เจ้าดูถูกข้าขนาดไหนกัน?
“ดีมาก! ดีมาก! ดีมาก!” ใบหน้าของจ้าวเจี้ยนไป๋เปลี่ยนเป็นมืดมน “หากข้าไม่สังหารในวันนี้ ข้าจะไม่ใช่แซ่จ้าวอีกต่อไป!”
หลิงฮันพุ่งออกไปพร้อมกับกวัดแกว่งดาบไม้ในมือขวาและสะบั้นใส่จ้าวเจี้ยนไป๋อย่างเรียบง่าย
จ้าวเจี้ยนไป๋โกรธทนแทบจะกระอักโลหิต ใช้ดาบไม้หักๆเล่มนั้นต่อกรกับเขา คิดว่าเขาเป็นลูกไก่ที่อ่อนแอขนาดนั้นเลยรึไง? ก็ได้ หากเจ้าต้องการข้าก็จะส่งเจ้าไปสู่ความตายเอง!
มือขวาของเขาสั่นไหวก่อนจะมีดาบเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือขวา
หืม!
แต่ทันใดนั้นเขาก็ต้องตกตะลึง การโจมตีของหลิงฮันรวดเร็วเป็นอย่างมาก เพียงแค่สะบัดดาบลวกๆผ่านไปพริบตาเดียวตัวดาบก็แทบจะมาถึงตัวเขาแล้ว จ้าวเจี้ยนไป๋รีบใช้ดาบในมือมาปัดป้องทันที เขาเชื่อว่าด้วยอำนาจของดาบในมือ ไม่เพียงแค่ดาบไม้ของหลิงฮันจะพังทลาย แต่ร่างของหลิงฮันต้องถูกเขาผ่าออกเป็นสองส่วน
เมื่อดาบของเขาเข้าปะทะกับดาบไม้ ‘แคร่ก’ เสียงแตกร้าวก็ดังขึ้น สิ่งที่ไม่คาดคิดคือดาบของจ้าวเจี้ยนไป๋ถูกผ่าออกเป็นสองส่วนโดยที่ดาบไม้ไม่ได้รับความเสียหายใดๆ และในตอนนั้นเอง คลื่นพลังทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัวก็ระเบิดออกมาเบื้องหน้าเขา
จ้าวเจี้ยนไป๋สั่นสะท้าน ในชีวิตนี้เขาสังหารคนมามากมายและคุ้นชินกับความกระหายเลือดในการต่อสู้ แต่ต่อหน้าคลื่นพลังตรงหน้านี้ เขากลับรู้สึกว่าตนเองเป็นเพียงเหยื่อที่ไม่อาจขัดขืน
เมื่อดาบไม้ปะทะกับร่างของเขา กายหยาบของเขาก็ระเบิดออกเป็นสองส่วนและแม้กระทั่งดวงวิญญาณก็ถูกทำลาย
เหลือเชื่อ!
ปรมาจารย์ระดับดาราถูกสังหารด้วยดาบเดียว ใครจะทำใจเชื่อได้ลง?
จิตใจของผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายสั่นสะท้าน แววตาของเขาเฉียบคมทำให้รับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าพลังของหลิงฮันนั้นแข็งแกร่งจนถึงระดับที่สามารถสังหารจ้าวเจี้ยนไป๋ได้ในดาบเดียว จะกล่าวว่าเพราะเห็นหลิงฮันใช้ดาบไม้จ้าวเจี้ยนไป๋จึงประมาทก็ไม่ใช่เสียทีเดียว
ต่อให้หลิงฮันใช้อาวุธอื่น จ้าวเจี้ยนไป๋ก็คงถูกสังหารอย่างง่ายดายไม่ต่างจากเดิมเท่าไหร่
แท้จริงแล้ว… หลิงฮันไม่เพียงก้าวสู่ระดับดารา แต่ยังเหนือกว่าพวกเขาไปแล้วด้วย
พลังต่อสู้ของหลิงฮันสมควรอยู่ในระดับดาราขั้นสูงเป็นอย่างน้อย ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถสังหารจ้าวเจี้ยนไป๋ได้ในดาบเดียว!
หลิงฮันรั้งดาบกลับมาและพบว่าดาบไม้ในมือค่อยๆมีแสงเงาสีดำปรากฏออกมา ในขณะที่มองดูเงาสีดำนั่น แม้แต่ตัวเขาก็ยังรู้สึกได้ถึงความสยดสยองอันน่าหวาดกลัว ดูเหมือนว่าดาบเล่มนี้จะไม่ใช่ดาบไม้ผุพังทั่วไปแต่เป็นดาบที่ผ่านสงครามนองเลือดมานับไม่ถ้วน
เขาคาดเดาไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าดาบเล่มนี้ไม่ใช่ดาบธรรมดา แต่ไม่นึกว่ามันจะเปิดเผยพลังออกมาหลังจากที่ได้สัมผัสกับเลือด ตอนนี้เขาสามารถมองเห็นลวดลายบนตัวดาบได้อย่างชัดเจน แม้ลวดลายของดาบจะดูธรรมดาสามัญ แต่กลิ่นอายที่มันปลดปล่อยออกมานั้นยิ่งใหญ่เกินจะพรรณนา
ดาบสังหารที่สามารถทำลายดวงวิญญาณได้โดยตรง!
เอาไว้ค่อยศึกษาดาบเล่มนี้ทีหลัง
หลิงฮันเก็บดาบและมองไปยังจ้าวหลุน
รุ่นเยาว์แสนหยิ่งยโสคนนี้ยังคงไม่หายตะลึงกับการตายของจ้าวเจี้ยนไป๋ เขาไม่อาจยอมรับความจริงได้ว่าบิดาที่ผู้ยิ่งใหญ่ของเขาจะตกตายด้วยเงื้อมมือของหลิงฮัน
จนกระทั่งสัมผัสได้ถึงแววตาอันเย็นชาของหลิงฮัน ร่างของเขาก็สั่นสะท้านและตื่นจากความตะลึง
“จะ เจ้าสังหารบิดาข้า!” จ้าวหลุนรีบไปหลบอยู่ด้านหลังผู้อาวุโสฝ่ายซ้าย “ผู้อาวุโสฝ่ายซ้าย หมอนั่นสังหารแม่ทัพของจักรวรรดิ การกระทำของเขาไม่ต่างอะไรกับการกบฏ ข้าขอให้ผู้อาวุโสลงมือเพื่อมอบความยุติธรรมให้แก่จักรวรรดิ!”
อย่านำข้าไปเกี่ยว!
ผู้อาวุโสฝ่ายซ้ายปากกระตุกจนเกือบจะสบถคำหยาบออกมา คำพูดของจ้าวหลุนไม่ใช่ว่ากำลังหาพลักเขาเข้าสู่กองไฟหรอกรึ?