Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1420
อะไรกัน!
ทุกคนอ้าปากค้างลิ้นห้อย ก่อนหน้านี้ที่หลิงฮันถูกกระบวนท่าของจักรพรรดิคนหนึ่งโจมตีใส่ยังบาดเจ็บจนกระดูกแตกหัก แต่ตอนนี้เมื่อถูกการโจมตีผสานของสองจักรพรรดิเขากลับยืนแน่นิ่งไม่บาดเจ็บตรงไหนเลยซึ่งยากที่พวกเขาจะยอมรับได้
เมื่อการโจมตีสลายไปหลิงฮันก็นำมือลง ด้วยความสามารถของเขาในตอนนี้ เขาสามารถป้องกันการโจมตีของระดับวารีนิรันดร์ได้สามกระบวนท่า แต่หากเป็นการโจมตีของระดับดาราขั้นสูงสุด การจะป้องกันให้ได้อย่างน้อยหนึ่งร้อยกระบวนท่าย่อมไม่ใช่เรื่องยาก
จักรพรรดิปี้ลั่วและจักรพรรดิโจ้วเทียนมองหน้ากัน พวกเขามองเห็นความตกตายภายในดวงตาของอีกฝ่าย
รุ่นเยาว์ผู้นี้… ไม่อาจปล่อยให้มีชีวิตรอดไปได้จริงๆ!
ทั้งสองผสานการโจมตีกันอีกครั้ง คลื่นวารีและเปลวเพลิงผสานรวมกันก่อให้เกิดพลังอันไร้ที่สิ้นสุด
กายหยาบของหลิงฮันไร้เทียมทานจนไม่ต้องใช้ปราณก่อเกิดป้องกันเลยก็จริง แต่หากต้องการเรียกใช้อำนาจของคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์นั้นเขาจำเป็นต้องโคจรปราณก่อเกิด
ตูม! ตูม! ตูม!
ท่ามกลางการถูกกระหน่ำโจมตี ปราณก่อเกิดของเขาค่อยๆถูกเผาผลาญด้วยอัตราที่รวดเร็ว
“เจ้าหนูนั่นกำลังเข้าตาจนแล้ว!”
“ในที่สุดก็จะจบเสียที!”
ทุกคนถอนหายใจโล่งอก พวกเขาไม่เคยเห็นการสังหารจอมยุทธระดับดาราขั้นกลางที่ลำบากขนาดนี้มาก่อน ที่พวกเขาสามารถจัดการหลิงฮันได้เป็นเพราะหลิงฮันคอยป้องกันประตูหินเอาไว้ ไม่เช่นนั้นเกรงว่าคงไม่มีใครสังหารเขา
“ตาย!”
สองจักรพรรดิไม่เคยอยากรีบสังหารใครให้ตายอย่างขนาดนี้มาก่อน พวกเขาลงมือปลดปล่อยกระบวนท่าสุดท้ายอย่างรวดเร็ว
หลิงฮันไม่มีทางรอดแน่!
‘ตูม’ เมื่อถูกกระบวนท่าสุดท้ายจู่โจม พลังปราณก่อของหลิงฮันก็ไม่เหลืออีกต่อไป ด้วยกายหยาบของเขาเพียงอย่างเดียวก็ไม่สามารถต้านทานพลังทำลายของสองจักรพรรดิได้อย่างสมบูรณ์ กาลเวลาแปรผันพันปีเองก็ไร้ผล ภายใต้คลื่นทำลายที่น่าสะพรึงกลัว กระดูกทั่วร่างของเขาแตกหักแม้กระทั่งดวงวิญญาณก็แหลกสลาย
ฮ่าๆ ในที่สุดก็ตายแล้ว!
ทุกคนอยากจะปรบมือดังๆ พวกเขาไม่มีทางสังหารหลิงฮันได้เลยหากจุดอ่อนของอีกฝ่ายไม่ใช่จักรพรรดินี
ครืนนนน!
จู่ๆดวงวิญญาณที่แตกสลายของหลิงฮันก็ส่องประกายพร้อมกับถูกก้อนเปลวเพลิงเผาไหม้
เปลวเพลิงที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนนี้ทรงพลังเป็นอย่างมาก แม้กระทั่งจักรพรรดิทั้งสองก็ต้องเปลี่ยนสีหน้า จากที่พวกเขาเห็น เปลวเพลิงดวงนี้น่าหวาดกลัวยิ่งกว่าเพลิงแห่งความตายก่อนหน้านี้เสียอีก ต่อหน้าเพลิงแห่งความตายพวกเขายังยับยั้งไว้ได้ แต่หากสัมผัสดับเพลิงดวงนี้ พวกเขาจะถูกเผาเป็นเถ้าธุลีในพริบตาแน่นอน
เพลิงดวงนี้คือเพลิงนิรันดร์… เพลิงแห่งชีวิตของวิหคเพลิงอมตะ!
‘ฮึมม’ ดวงเพลิงล่องลอยไปมาโดยที่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้
ทันใดนั้นเสียงของวิหคเพลิงอมตะก็ร้องดังออกมา ดวงเพลิงขยายใหญ่อย่างรวดเร็วพร้อมกับปลดปล่อยอำนาจแห่งสวรรค์และปฐพี พริบตาเดียวทั้งดวงวิญญาณและกายหยาบของหลิงฮันก็กลับสู่สภาพสมบูรณ์
เขาเดินออกมาจากเพลิงนิรันดร์ ไม่เพียงแค่ร่างกายจะไม่มีบาดแผลแต่พลังปราณก็ฟื้นสภาพกลับมาอย่างสมบูรณ์อีกด้วย
ข้าจะบ้าตาย!
ณ เวลานี้ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว
เจ้ายังมีชีวิตอยู่ทั้งๆที่ดวงวิญญาณแหลกสลายไปแล้วเนี่ยนะ เจ้ายังเป็นมนุษย์อยู่รึเปล่า?
ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะบาดเจ็บสาหัสขนาดไหนหลิงฮันก็ฟื้นฟูบาดแผลได้ แต่ตอนนี้มันยิ่งกว่านั้นอีก ขนาดทั้งร่างกายและดวงวิญญาณแหลกสลายไปแล้วเขาก็ยังฟื้นฟูกลับมาได้แถมยังเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอีก นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน?
รุ่นเยาว์ผู้นี้… จะถูกใครสังหารได้จริงๆรึ?
“ฮ่าๆ ชายชราคงไม่ได้มาช้าไปสินะ?” เสียงหัวเราะของใครบางคนดังขึ้น จากนั้นร่างของชายชราที่บึกบึนเล็กน้อยก็เดินเข้ามา ด้านหลังของเขาปรากฏดวงดาวสี่ดวงที่มีขนาดเท่ากัน
ระดับดาราขั้นสูงสุดชั้นสูงสุด!
เพียงแต่รอบกายของชายชรากลับมาโซ่บางอย่างพันเอาไว้อยู่ หากมองให้ดีจะพบว่าโซ่เหล่านั้นไม่ใช้โซ่ของจริงเป็นแบบอาคมที่ถูกสลักเอาไว้บนร่างของชายชรา
สวีเหลิน!
หลิงฮันเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางดีใจ “ผู้อาวุโส ในที่สุดท่านก็มา”
สวีเหลินยิ้ม เขาลังเลอยู่นานว่าจะเข้าร่วมการต่อสู้ในครั้งนี้ดีไหม หากพลังของเขายังอยู่ในสภาพสมบูรณ์เขาย่อมไม่หวาดกลัวแน่ แต่ตอนนี้พลังบ่มเพาะของเขาถูกผนึกเอาไว้ อันที่จริงแล้วตัวเขาก็ไม่ต่างกับเซียนหวู่เซียง
แต่จะอย่างไร ตอนนี้หลิงฮันก็ได้ผู้ช่วยที่แข็งแกร่งมาแล้ว!
“ไม่ต้องหวาดกลัว พลังบ่มเพาะของคนคนนั้นถูกผนึกเอาไว้ เขาก็เป็นแค่ตัวไร้ค่า!” จักรพรรดิโจ้วเทียนกล่าว แม้กระทั่งเซียนหวู่เซียงเขาก็ยังมองออกว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งเพียงเปลือกนอก ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงจอมยุทธที่มีพลังบ่มเพาะเท่ากัน
“ไม่ผิด” จักรพรรดิปี้ลั่วเองก็พยักหน้าเห็นพ้องกับจักรพรรดิโจ้วเทียน
“สวรรค์และปฐพีมีย่อมมีความยุติธรรม แม้แต่เซียนก็ยังตายได้ เจ้าเองก็ไม่มีข้อยกเว้น!” จักรพรรดิโจ้วเทียนชี้ไปยังหลิงฮัน “ช้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะคืนชีพได้อีกครั้ง!”
“วันนี้เจ้าต้องตาย!” จักรพรรดิโจ้วเทียนคำราม เสียงที่อัดแน่นไปด้วยเจตจำนงของเขาดังก้องไปทั่วบริเวณ
“แต่ข้าไม่คิดเช่นนั้น!” เสียงอันเย็นชาดังขึ้นจากท้องฟ้า นำเสียงนี้แฝงไว้ด้วยความองอาจและหยิ่งยโสอย่างถึงที่สุด
ตุบ!
ร่างหนึ่งลอยลงมาจากท้องฟ้า ‘ครืนน’ แรงกดดันจากชายคนนี้ส่งผลให้เหล่าปรมาจารย์ระดับดารารอบข้างทรุดตัวลงกับพื้น แรงกดดันนี้รุนแรงจนพวกเขาลุกขึ้นยืนไม่ไหว!
ใบหน้าของหลิงฮันแสดงออกถึงความตะลึงและตื่นเต้น “พี่สอง!”
เป็นจักรพรรดิพิรุณ!
“ฮ่าๆๆ ว่าอย่างไรน้องสี่!” จักรพรรดิพิรุณกล่าวอย่างมั่นใจ ออร่าที่สัมผัสได้จากตัวเขาคือระดับดาราขั้นสูงสุด!
แต่เป็นเพียงขั้นสูงสุดชั้นต้นไม่ใช่ชั้นสูงสุด
หลิงฮันทำได้เพียงกล่าวอย่างตกตะลึง “พี่สองได้รับวาสนาที่ยิ่งใหญ่ยิ่งนัก!” ก่อนหน้านี้ที่จักรพรรดิพิรุณหายตัวไปในเขตแดนลี้ลับ หลิงฮันเคยคาดเดาเอาไว้ว่าอีกฝ่ายคงได้รับมรดกสืบทอดอของปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์ แต่นั่นก็เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น
“ฮ่าๆ ก็แค่วาสนาเล็กๆน้อยๆ” จักรพรรดิพิรุณพยักหน้า “ข้ากลับไปยังจักรวรรดิต้าหลิงก่อนที่จะมาที่นี่”
“รบกวนพี่สองแล้ว” หลิงฮันกล่าวขอโทษ สงครามครั้งนี้จักรวรรดิต้าหลิงไม่เกี่ยวข้องแท้เขากลับลากอีกฝ่ายเข้ามาเกี่ยวด้วย
“พวกเราเป็นพี่น้องกัน เหตุใดถึงพูดเหมือนข้าเป็นคนนอก?” จักรพรรดิพิรุณกล่าวก่อนจะหันไปจ้องมองจักรพรรดิโจ้วเทียนและจักรพรรดิปี้ลั่ว “พวกเจ้าคิดจะสังหารน้องสี่ของข้า?”
ทั้งจักรพรรดิโจ้วเทียนและจักรพรรดิปี้ลั่วแสดงท่าทีไม่พึงพอใจ นั่นคือคำพูดที่เจ้าใช่ต่อหน้าจักรพรรดิเช่นพวกเขา? เหตุใดคนรอบตัวหลิงฮันถึงได้มีแต่พวกอวดดี จะมีใครบ้างไหมที่เป็นคนปกติ?
ตอนนี้หลิงฮันมีปรมาจารย์ระดับดาราขั้นสูงสุดสองคนคอยช่วยเหลือ และถึงแม้ตัวของหลิงฮันจะยังมีพลังบ่มเพาะเพียงระดับดาราขั้นกลาง แต่พลังต่อสู้ของเขาก็ไม่สามารถวัดได้จากระดับพลังบ่มเพาะ
พวกเขาจะยังสู้กับหลิงฮันต่อดีไหม?
แน่นอนว่าต้องสู้!
หากพลาดโอกาสครั้งนี้ ในอนาคตจะมีโอกาสสังหารเจ้าหนูนี่ได้อีกรึเปล่า? ยิ่งกว่านั้นหลิงฮันก็ยังมีความลับที่ล้ำค่าซ่อนอยู่ในร่างกายด้วย พวกเขาต้องแย่งชิงมันมา
“อยากตายขนาดนั้นเลย? งั้นก็เข้ามา!” จักรพรรดิพิรุณกล่าวด้วยน้ำเสียงองอาจ ต่อหน้าจักรพรรดิทั้งสองเขาไม่มีท่าทีหวาดกลัวใดๆ