Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1442
หลิงฮันสะบัดมือและกล่าว “ข้ามีพรรคพวกอยู่ส่วนหนึ่งแล้ว ข้าต้องการตำแหน่งในกลุ่มแปดตำแหน่ง”
“แปดคน!” ฉือหวงประหลาดใจเล็กน้อย กลุ่มที่พวกเขาต้องการรวบรวมนั้นไม่ใช่ว่าต้องมีจำนวนคนเยอะเพียงอย่างเดียว แต่ทุกคนยังต้องเป็นราชาระดับสองด้วย
หลิงฮันพยักหน้า “ใช่แล้ว แปดคน”
“น้องชายหลิง ข้าอาจจะพูดฟังไม่เข้าหูนะ แต่เจ้าแน่ใจรึว่าคนอื่นๆนอกจากเจ้ากับจักรพรรดิพิรุณจะไม่เป็นตัวถ่วง?” เป่ยหวงกล่าว
“ไม่ต้องกังวล!” หลิงฮันพยักหน้า ทั้งลูกศิษย์ทั้งสองของเขาหรือสวีเหลิน ใครบ้างที่ไม่ใช่ราชาระดับสอง? จักรพรรดินีเองก็เป็นถึงราชาระดับสาม ส่วนเซียนหวู่เซียง… พลังของคนที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเพียงยังไม่แข็งแกร่งพออีกรึ?
หากพูดถึงออร่าแห่งเซียนแล้วล่ะก็ มันย่อมเพียงพอที่จะใช้ข่มขู่คู่ต่อสู้เพื่อหาจังหวะโจมตีได้แน่นอน
มีเพียงสตรีนกอมตะเท่านั้นมีอ่อนแอกว่าคนอื่น แต่ศักยภาพราชาระดับหนึ่งของนางก็ไม่ได้ทิ้งห่างจากคนอื่นๆเท่าไหร่
“งั้นก็ดี!” ฉือหวงพยักหน้า “งั้นพวกเขาจะไปหาสหายมาเข้าร่วมอีกสองคน”
“อืม!” หลิงฮันพยักหน้า
ที่จริงเขาสามารถหาสองคนมาเข้ากลุ่มได้อีกเช่นกัน เนื่องจากเขามีความสัมพันธ์ฉันสหายกับเย่วหยิงและหยางหลินที่มาจากเขตดวงดาวแสงคงกระพัน แต่เนื่องจากฉือหวงกับเป่ยหวงเป็นคนเสนอให้เขาเข้าร่วมกลุ่มดังนั้นเขาจึงมอบอิสระในการหาคนเข้ากลุ่มอีกสองกลุ่มให้กับพวกเขา
หลังจากทั้งสองคนจากไป หลิงฮันก็ลองไปสำรวจหุบเขาเฉินเอี๋ยน เป็นอย่างที่ฉือหวงบอก หุบเขาแห่งนี้ไม่ได้มีอะไรต่างไปจากหุบเขาทั่วไป หุบเขาแห่งนี้มีหินระเกะระกะไปทั่วพื้นที่ และไม่มีทั้งป่าไม้ สัตว์อสูรหรือแมลงใดๆ
แต่ตอนนี้หุบเขาที่แสนธรรมดากลับกำลังส่องแสงเบาบางสลัว ในช่วงการวันอาจจะไม่สามารถสังเกตเห็นต้องเป็นช่วงเวลากลางคืนถึงจะเห็นได้ชัด
แต่การเปลี่ยนแปลงของหุบเขาก็เป็นไปอย่างรวดเร็ว หลังจากเวลาผ่านไปเจ็ดวันแสงก็เข้มข้นขึ้นจนสามารถมองเห็นชัดได้แม้กระทั่งในเวลากลางวัน
หลิงฮันกลับไปยังที่พัก ผ่านไปอีกไม่กี่วันเขาก็เห็นจักรพรรดิพิรุณและเป่ยหวงเดินมาด้วยกัน นอกจากนั้นก็ยังมีชายหนุ่มท่าทีหยิ่งยโสอีกสองคนเดินอยู่กับพวกเขาด้วย ชายหนุ่มอีกสองคนนั้นมีทางทางองอาจราวกับตนเองเป็นจุดศูนย์กลางของจักรวาล
“ข้าจะแนะนำให้รู้จัก” เป่ยหวงหัวเราะ “คนผู้นี้คือพี่ชายเนี่ยเทียนเฉิง พี่ชายเนี่ยคือศิษย์เล็กคนที่สิบแปดของเซียนเฟ่ยยู่และเป็นศิษย์ที่มีพรสวรรค์มากที่สุด”
เนี่ยเทียนเฉิงเผยรอยยิ้มเรียบง่ายแต่กับแฝงไปด้วยความหยิ่งยโสที่ฝังลึกถึงกระดูก
“คนผู้นี้คือพี่ชายตันจิงอี่” เป่ยหวงชี้ไปยังชายหนุ่มอีกคน “พี่ชายตันเป็นศิษย์คนที่หกของเซียนหลิ่วชาน”
ตันจิงอี่พยักหน้าให้กับหลิงฮันแต่ก็ยังไม่ละทิ้งท่าทีหยิ่งทะนง
“ไม่ใช่ว่ากลุ่มของพวกเราครบสิบสองคนแล้วหรอกรึ?” ตันจิงอี่กล่าวและขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ
แน่นอนว่าเขาไม่สบอารมณ์ คนเหล่านี้สมควรเตรียมตัวกันเอาไว้พร้อมแล้วไม่ใช่รึไง เมื่อพวกเขามาถึงกลุ่มก็ต้องรีบออกเดินทางทันที แต่เหตุใดคนที่อยู่ที่นี่ถึงได้มีเพียงหลิงฮันคนเดียว แล้วคนอื่นล่ะ? จะให้เขาคนนี้ต้องรองั้นรึ?
“น้องชายหลิง ตอนนี้พวกเราก็มีกันครบสิบสองคนแล้ว ออกเดินทางกันเถอะ” ฉื่อหวงหัวเราะ
“อืม!” หลิงฮันพยักหน้าและมองไปยังเนี่ยเทียนเฉิงกับตันจิงอี่ เขารู้สึกว่าสองคนนี้มีนิสัยอวดดีเกินไป ไม่ช้าก็เร็วทั้งสองคนต้องกลายเป็นตัวถ่วงของกลุ่มแน่นอน
ที่จริงหลังจากที่รู้เรื่องของหุบเขาเฉินเอี๋ยน จักรพรรดิพิรุณและคนอื่นก็ไม่ได้ออกไปไหนอีก พวกเขาทั้งเจ็ดคนมารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว
“อะไรกัน!”
เมื่อเนี่ยเทียนเฉิงกับตันจิงอี่เห็นจักรพรรดินี พวกเขาก็แสดงสีหน้าตกตะตึงออกมาอย่างปิดไม่มิด
ถึงแม้จะไม่สามารถมองเห็นรูปลักษณ์ของสตรีผู้นี้ แต่แค่กลิ่นอายที่สัมผัสได้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้จิตใจของพวกเขาสั่นไหวไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ทั้งสองไม่มีท่าทีหยิ่งยโสอีกต่อไปและเป็นฝ่ายแนะนำตัวเอง “ข้าชื่อเนี่ยเทียนเฉิง!” “ข้าชื่อตันจิงอี่!”
ไม่เพียงแค่พวกเขาสองคน ฉือหวงกับเป่ยหวงเองก็ไม่มีข้อยกเว้น แต่พวกเขาเป็นสหายของหลิงฮันแน่นอนว่าไม่มีทางคิดอะไรชั่วร้าย
จักรพรรดินีคือใคร? ในสายตาของนางมีเพียงหลิงฮันเท่านั้น
เรื่องนี้ทำให้เนี่ยเทียนเฉิงกับตันจิงอี่ไม่พอใจในตัวหลิงฮันทันที แววตาของทั้งสองคนส่องประกายชั่วร้ายโดยที่ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“ไปกันเถอะ”
ทั้งสองคนออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังหุบเขาเฉินเอี๋ยน
หุบเขาเฉินเอี๋ยนไม่ได้อยู่ใกล้เท่าไหร่ ต่อให้ราชาระดับดาราเดินทางด้วยความเร็วก็ต้องใช้เวลาสองวัน แต่พวกเขาไม่ต้องกังวลอะไรเพราะกว่ายังมีเวลาอีกเหลือเฟือและผ่านไปสองวันพวกเขาก็มาถึงจุดหมาย
ณ เวลานี้ หุบเขาเฉินเอี๋ยนได้คับคั่งไปด้วยผู้คน
โอกาสเช่นนี้ยากจะพบเจอสักครั้งในล้านปี หากได้รับวาสนาที่ยิ่งใหญ่ครั้งนี้บางทีโชคชะตาอาจจะถูกเปลี่ยนไปเลยก็ได้ จากอัจฉริยะอาจจะกลายเป็นราชา จากราชาอาจจะกลายเป็นราชาในหมู่ราชา!
ตอนนี้ทั่วทั้งหุบเขาเต็มไปด้วยแสงสว่างเจิดจ้าไม่ใช่แสงสลัวอีกต่อไป
ทุกคนที่อยู่ที่นี่อย่างน้อยเก้าในสิบส่วนล้วนแต่เป็นราชา
หลิงฮันจ้องมองไปรอบๆอยู่สักพักและพบว่าเหล่าราชาของเขตดวงดาวแสงคงกระพันนั้นจับกลุ่มและยืนอยู่ด้วยกัน
อย่างที่เคยกล่าวไปว่า เหล่าจอมยุทธที่มาจากเขตดวงดาวเดียวกันนั้นจะมีความสนิทชิดเชื้อกันมากกว่า โดยเฉพาะเขตดวงดาวแสงคงกระพันที่ไม่ใช่เขตดวงดาวที่แข็งแกร่งมากนัก ราชาที่มาจากเขตดวงนี้แห่งนี้มีเพียงสามคนเท่านั้น
หลิงฮันมองเห็นอู่เมี่ยน แต่เนื่องจากอีกฝ่ายอยู่ไกลเกินไปเขาจึงไม่ได้กล่าวทักทาย
นอกจากนั้นก็… กู่ต้าวอี้!
หลิงฮันสมควรเป็นคนเดียวในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ที่รู้จักตัวตนของกู่ต้าวอี้ แต่ก่อนหน้านี้เขาเคยได้ยินแต่เสียงของอีกฝ่ายเท่านั้น แต่ตอนนี้ในที่สุดเขาก็พบเจอกับอีกฝายตัวเป็นๆเสียที เขาไม่จำเป็นต้องตามหาอีกฝ่ายให้อยาก กู่ต้าวอี้นั้นยืนอย่างโดดเด่นโดยที่มีผู้คนล้อมรอบและจ้องมองไปที่เขาด้วยสายตาตื่นเต้น
ชายหนุ่มคนนี้ไม่ได้มีใบหน้าที่หล่อเหลา แต่ผิวของเขานั้นเรียบเนียนดั่งหยกผมสีดำเข้มราวกับหมึก รอบกายปลดปล่อยกลิ่นอายลึกลับบางอย่างที่เกินกว่าจะพรรณนา
กลิ่นอายลึกลับนั่นคือแก่นกำเนิดนิรันดร์!