Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1444
เมื่อที่หุบเขาเฉินเอี๋ยนเปิดออก ทุกคนก็เลิกไล่ตามทันที
สุนัขบัดซบนั่นเอาไว้ฆ่าทีหลังได้ แต่วาสนาของหุบเขาเฉินเอี๋ยนนั้นหากพลาดไปแล้วอาจจะไม่มีโอกาสอีกแล้วในอนาคต
ทุกคนมุ่งหน้าสู่หุบเขา เมื่อจอมยุทธคนแรกเหยียบไปบนแผ่นหิน แผ่นหินก็ลอยขึ้นจากพื้นราวๆสองฟุต เมื่อจอมยุทธคนอื่นๆเดินเข้ามาเหยียบแผ่นหินแผ่นอื่น แผ่นหินเหล่านั้นก็ลอยขึ้นในระดับความสูงเท่ากัน
การต่อสู้ปะทุขึ้นในพริบตา แผ่นหินที่ถูกทำลายจะถูกแผ่นหินของคนที่เป็นฝ่ายทำลายดูดซับและมีขนาดใหญ่ขึ้นพร้อมกับลอยขึ้นสูงกว่าเดิม
“เอาล่ะ พวกเราก็ลุยกันบ้าง” ตันจิงอี่กล่าว
เนี่ยเทียนเฉิงกลับมาด้วยใบหน้ามืดมน เขาหาแขนที่ขาดไปไม่พบทำให้ต้องใช้พลังชีวิตในการฟื้นฟูงอกขึ้นใหม่
เนี่ยเทียนเฉิงมองไปยังหลิงฮันด้วยแววตาแค้นเคือง เขาเห็นว่าสุนัยตัวดำนั่นกล่าวทักทายหลิงฮันราวกับว่ารู้จักกัน ดังนั้นเมื่อเขาไล่ตามสุนัขตัวดำไม่ได้เขาจึงนำความแค้นมาลงที่หลิงฮันแทน
หลิงฮันชำเลืองมองอีกฝ่ายโดยไม่กล่าวอะไร หากเนี่ยเทียนเฉิงทำไรอะไร้สาระเขาลงจัดการอีกฝ่ายอย่างไม่ลังเล
พวกเขาเป็นเพียงพันธมิตรชั่วคราวที่จะแยกกันเมื่อขึ้นไปถึงความสูงระดับหนึ่ง ซึ่งหลิงฮันเองก็ไม่มีความคิดจะช่วยให้เนี่ยเทียนเฉิงกับตันจิงอี่ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี
ที่เขายังไม่ลงมือกับสองคนเป็นเพราะเห็นแก่หน้าของฉื่อหวงและเป่ยหวง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสำนักละอองดาราหรือหุบเขาเฉินเอี๋ยนเขาก็ได้ยินมาจากพวกเขาทั้งนั้น
กลุ่มของพวกเขาเดินเข้าไปยังหุบเขา ภายในหุบเขามีแผ่นหินมากมายเรียงรายอยู่ พวกเขาทั้งสิบสองคนก้าวขึ้นไปยังแผ่นหินแผ่นหนึ่ง เมื่อแผ่นหินลอยขึ้นจากพื้นดินพวกเขาก็ทำการหาคู่ต่อสู้
“เทพธิดา ข้าจะปกป้องเจ้าเอง!” ตันจิงอี่กล่าวกับจักรพรรดินี
“ข้าก็เช่นกัน!” เนี่ยเทียนเฉิงรีบกล่าวตาม
ฉื่อหวงกับเป่ยหวงเผยสีหน้าไม่สบอารมณ์ แม้จักรพรรดินีจะไม่ได้กล่าวแนะนำตัว แต่ตราบใดที่มีตาย่อมสามารถมองออกว่าจักรพรรดินีเป็นสตรีของหลิงฮัน
ตันจิงอี่และเนี่ยเทียนเฉิงไม่สนใจ พวกเขายังคงเกี้ยวพาราสีจักรพรรดินีต่อไปโดยไม่เห็นหลิงฮันอยูในสายตา การกระทำของทั้งสองเป็นการแสดงออกว่ากำลังจงใจทำเป็นมองไม่ออกถึงความสัมพันธ์ระหว่างจักรพรรดินีกับหลิงฮัน
ในสายตาของพวกเขา หลิงฮันไม่เหมาะสมกับจักรพรรดินีแม้แต่นิดเดียว
แต่ถ้าหากพวกเขายอมเสียเวลาตรวจสอบสักเล็กน้อยคงจะพวกเขากำลังมั่นใจในตัวเองแบบผิดๆ เพราะว่าหลิงฮันนั้นเป็นราชาระดับสองที่ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าพวกเขา แถมจักรพรรดินีก็ยังน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่า นางถูกขนานนามว่าเป็นหนึ่งในราชาที่แข็งแกร่งที่สุด
เป็นเพราะความมั่นใจที่มากมายเกินไปทำให้พวกเขาดูถูกจอมยุทธคนอื่นๆไม่ว่าจะหน้าไหน และอีกอย่างคือพวกเขากำลังลุ่มหลงในเสน่ห์ของจักรพรรดินี มีรึที่พวกเขาจะคิดว่าแท้จริงแล้วหลิงฮันไม่ได้อ่อนแอและจักรพรรดินีแข็งแกร่งกว่าพวกเขา?
หลิงฮันทำเพียงยิ้มเย็นชาและกระซิบกับจักรพรรดินีด้วยสัมผัสสวรรค์ “ในตอนที่ขึ้นไปแผ่นหินที่สูงกว่านี้ เจ้าต้องเหยียบย่ำทั้งสองให้ล่วงลงมา”
“อืม!” จักรพรรดินีเผยรอยยิ้มอันทรงเสน่ห์ที่ไม่มีใครมองเห็น
ด้วยนิสัยของนาง ตามปกติแล้วคงไม่รอช้าที่จะลงมือกับทั้งสอง แต่ในเมื่อหลิงฮันบอกให้นางรอนางก็จะรอ
แม้ภายในกลุ่มพวกเขาทั้งสิบสองคนจะมีความบาดหมาง แต่ก็ยังไม่มีใครลงมือทำอะไรผลีผลาม พวกเขาในตอนนี้จดจ่ออยู่กับการโค่นศัตรู
จอมยุทธส่วนใหญ่เลือกที่จะรวมกลุ่มตั้งพันธมิตร ในเมื่อมีกฎให้พวกเขารวมกลุ่มกันได้ หากไม่ทำตามก็จะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบฝั่งศัตรู บางคนก็ตั้งกลุ่มสามคน บ้างก็เจ็ดถึงแปดคน ที่พวกเขามีจำนวนพันธมิตรไม่ครบสิบสองคนก็เพราะหาสหายที่เหมาะสมไม่ได้
เขตดวงดาวมหึมาจะมีราชาอยู่ราวๆสิบคน เขตดวงดาวใหญ่และเขตดวงดาวเล็กจะมีราชาอยู่ที่เจ็ดถึงแปดคนและสามถึงสี่คน ถ้าหากไม่คุ้นเคยกับราชาจากเขตดวงดาวอื่น ใครบ้างจะไม่กลัวถูกทรยศ?
อย่างพันธมิตรของกลุ่มหลิงฮันที่มีครบสิบสองคนนั้นค่อนข้างหาได้ยากที่จะมีใครทำ เหตุผลหลักๆก็เป็นเพราะทุกคนไม่เชื่อใจราชาที่ไม่ได้มาจากเขตดวงดาวเดียวกัน
ศัตรูแรกที่พวกเขาพบคือกลุ่มจอมยุทธสามคน ถึงแม้จำนวนจะน้อยแต่พลังของพวกเขาก็ไม่ใช่อ่อนแอ เพราะอย่างไรพลังบ่มเพาะของทุกคนก็ถูกลดลงมายังระดับดาราขั้นต้น ต่อให้เป็นราชาระดับสามก็ไม่ได้ไม่ได้เปรียบกว่าราชาระดับหนึ่งมากนัก
เนี่ยเทียนเฉิงก่อนหน้านี้เสียหน้าต่อหน้าจักรพรรดิ ดังนั้นตอนนี้เขาจึงต้องการกูเหน้ากลับมาโดยการจัดการกับศัตรูกลุ่มแรก
เขานำกิ่งไม้ที่มีดอกไม้เจ็ดดอกประดับเอาไว้ออกมา ‘ครืนน’ ทันทีที่กลิ่นหอมของมันลอยออกมาก็เกิดคลื่นสั่นสะเทือนราบกับมีต้นไม้มหึมากำลังสั่นสะเทือนสวรรค์และปฐพี
หลิงฮันตกตะลึง สมบัติชิ้นนี้คืออะไรกันเหตุใดถึงได้ดูทรงพลังถึงเพียงนี้
“นั่นคือกิ่งของต้นลูกท้อเซียนในตำนาน!” เป่ยหวงกล่าวอธิบาย “ตามตำนานที่เล่าขาน ครั้งหนึ่งที่ท้องฟ้าเกิดการเปลี่ยนแปลงได้มีต้นไม้แห่งเซียนต้นหนึ่งปรากฏออกมาจากช่องว่างมิติที่แตกหัก ต้นไม้แห่งเซียนได้ล่องลอยผ่านอวกาศอย่างอิสระ ด้วยพลังอันน่าเกรงขามทำให้ไม่มีใครสามารถเข้าใกล้มันได้”
“แต่ต้นไม่แห่งเซียนนี้ดูเหมือนว่าจะได้รับความเสียหายในขณะที่ออกมาจากช่องว่างมิติ ภายในเวลาไม่นานต้นไม้ทีว่าก็ตกตายและเหลือผลทิ้งเอาไว้ ผู้ที่ได้รับครอบครองผลของต้นแห่งเซียนก็คือเซียนเฟ่ยยู่ เขาปลูกผลที่ได้รับมานานกว่าเก้าร้อยล้านปีจนในที่สุดก็งอกเงย”
“ต้นไม้ที่เติบโตจากผลนั่นก็คือต้นลูกท้อเซียน มันจะให้ผลเก็บเกี่ยวทุกๆหนึ่งร้อยล้านปี แม้ผลของต้นลูกท้อเซียนจะนับว่าเป็นสมุนไพรชั้นเลิศ แต่ไม่ว่าอย่างไรมันก็เป็นต้นไม้ที่ถูกแยกย่ายออกมาจากต้นไม้แห่งเซียนต้นหลัก”
“อาจารย์ของข้ากับเซียนเฟ่ยยู่เคยร่วมมือกันตามหาว่าต้นไม้แห่งเซียนต้นหลักนั้นมาจากที่ไหน แต่น่าเสียดายที่ไม่ว่าเซียนทั้งสองจะพยายามขนาดไหนก็ไม่พบเจอร่องรอยอะไรเลย”
“กิ่งลูกท้อเซียนของพี่ชายเนี่ยนั้นมาจากต้นลูกท้อเซียนที่แยกย่อยมาจากต้นไม้แห่งเซียนที่คาดว่าจะเป็นวัตถุดิบระดับเซียน ดังนั้นระดับของกิ่งไม้นั่นจึงนับว่าเป็นอุปกรณ์กึ่งเซียน!”
อุปกรณ์กึ่งเซียน!
ไม่น่าแปลกใจที่ทำไมพลังของมันถึงน่าสะพรึงกลัวขนาดนั้น เพียงแค่กิ่งไม้นั่นถูกนำออกมาออร่าของมันก็ทรงพลังแทบจะบดบังสวรรค์
หลิงฮันและจักรพรรดินีมองหน้ากัน พวกเขาคาดเดาถึงความเป็นจริงว่า ต้นไม้แห่งเซียนต้นหลักนั้นอาจจะมาจากดินแดนแห่งเซียน! การคาดเดาของพวกเขามีโอกาสเป็นไปได้สูงเนื่องจากมีเพียงดินแดนแห่งเซียนเท่านั้นที่จะสามารถให้กำเนิดสมุนไพรที่เหนือกว่าสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากได้
เนี่ยเทียนเฉิงหัวเราะ ที่จริงแล้วสิ่งนี้สมควรเป็นไพ่ลับของเขา แต่เขาตั้งใจนำมันออกมาโอ้อวดเพื่อดึงดูดความสนใจของจักรพรรดินี
เขาคำรามและสะบัดกิ่งลูกท้อเซียนไปยังศัตรูทั้งสาม ทันใดนั้นดอกทั้งเจ็ดของต้นลูกท้อเซียนก็เบ่งบานขึ้นบนท้องฟ้า
“บดขยี้!” เนี่ยเทียนเฉิงเค้นเสียง ‘ตูม ตูม ตูม ตูม’ ดอกของต้นลูกท้อเซียนทั้งหมดระเบิดออก ศัตรูทั้งสามร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดและร่วงกระเด็นลงมาจากแผ่นหินซึ่งแผ่นหินของทั้งสามก็ถูกทำลายไปด้วยเช่นกัน เศษของแผ่นหินที่แตกถูกแผ่นหินของกลุ่มหลิงฮันดูดเข้ามารวมเข้าด้วยกันและมีขนาดใหญ่ขึ้น