Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1448
ทั้งเนี่ยเทียนเฉิงและตันจิงอี่ชะงักทันที
การลอบโจมตีของพวกเขานั้นกะทันหันมาก ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่หลิงฮันจะเตรียมตัวตอบโต้ได้ทัน แต่ถึงอย่างหลิงท่าทีของหลิงฮันกลับไม่วิตกแม้แต่น้อยแถมยังยิ้มมายังพวกเขาอีก นั่นหมายความว่า… อีกฝ่ายระมัดระวังพวกเขามาโดยตลอด!
หลิงฮันยิ้มและปล่อยหมัดตอบโต้กลับไปสองหมัด ‘ตูมม’ แรงกดดันอันหนักอึ้งถูกปลดปล่อยออกมาพร้อมกับพลังต่อสู้ของทั้งสองคนถูกลดลงไปสองดาว
สองดาว!
ตอนนี้ราชาทุกคนถูกลดระดับพลังบ่มเพาะมาเป็นดาราขั้นต้น ต่อให้เป็นราชาคนละระดับพลังก็ไม่ได้ต่างกันมากเท่าไหร่ แต่หากถูกลดพลังต่อสู้ลงถึงสองดาวล่ะก็ มันเปรียบเสมือนความแข็งแกร่งของพวกเขาถูกลดลงร้อยเท่า
‘ตูม ตูม’ ร่างของทั้งสองถูกซัดลอยกระเด็นล่วงจากแผ่นหินในพริบตา
แต่ยังไม่พบเพียงเท่านั้น จักรพรรดินีลงมือต่อ นางปล่อยฝ่ามือออกไป ‘ปัง ปัง’ ปราณก่อเกิดถูกควบแน่นเป็นภูเขาสองลูกเข้าปะทะกับร่างของทั้งสอง เนี่ยเทียนเฉิงกับตันจิงอี่กระอักโลหิตออกมา ‘แกร่ก แกร่ก แกร่ก’ เสียงกระดูกนับไม่ถ้วนแตกหักดังออกมาจากร่างกายของทั้งสองคน
หากพวกเขาไม่ได้ถูกหลิงฮันตอบโต้กะทันหันหรือไม่ได้ถูกลดพลังลงสองดาว ต่อให้พวกเขาจะไม่ใช้คู่ต่อสู้ของราชาระดับสาวแต่พวกเขาก็คงไม่บาดเจ็บสาหัสเช่นนี้
การโจมตีร่วมกันของหลิงฮันกับจักรพรรดินีนั้น ในระดับเดียวกันแล้วจะมีกี่คนเชียวที่สามารถต้านทานได้?
แน่นอนว่าพวกเนี่ยเทียนเฉิงไม่ใช่คนเหล่านั้น
ทั้งสองคนกรีดร้องและร่วงลงสู่เบื้องล่าง สองหมัดของหลิงฮันยังไม่เท่าไหร่ ที่พวกเขาล่วงหล่นจากแผ่นหินก็คงบาดเจ็บแต่เล็กน้อย แต่ปัจจัยหลักที่ทำให้พวกเขาบาดเจ็บสาหัสนั้นคือการโจมตีอันหนักหน่วงของจักรพรรดินี
แม้พวกเขาจะถึงกับตายแต่ก็คงต่อสู้ด้วยพลังเต็มที่ไม่ได้ไปอีกอย่างน้อยสองสามปี
ในขณะที่ทั้งสองร่วงหล่นสู่พื้นดิน พวกจ้องมองจักรพรรดินีที่ยืนอยู่บนท้องฟ้าก่อนจะนึกอะไรบ้างอย่างออก
ไม่ใช่ว่านั่นคือเพชรฆาตราชาหรอกรึ?
ณ เวลานี้ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไรแต่ความอิจฉาที่พวกเขามีต่อหลิงฮันนั้นได้เพิ่มขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว
หลังจากออกไปจากหุบเขาเฉินเอี๋ยน พวกเขาจะต้องออกตามหาหลิงฮันเพื่อแก้แค้นให้จงได้!
ตอนนี้มีราชาเกือบห้าสิบคนที่เข้าสู่ส่วนที่สองของยอดเขา ส่วนที่สองนี้ไม่มีพันธมิตรอะไรทั้งสิ้น ทุกคนสามารถต่อสู้หรือหลีกเลี่ยงคู่ต่อสู้ได้อย่างอิสระ
มาถึงจุดนี้แล้วแต่ละคนต้องพึ่งพาพลังของตนเองอย่างเดียวเท่านั้น
นับว่ายุติธรรมดี
หลิงฮันเคลื่อนไหวเริ่มเข้าปะทะกับคู่ต่อสู้
เขายังไม่ใช่พลังทั้งหมดออกไปและเลือกเอาชนะด้วยศัตรูอำนาจสวรรค์เป็นหลัก ในการต่อสู้รูปแบบนี้อำนาจสวรรค์นับว่าเป็นอาวุธที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดเลยก็ว่าได้
ทุกคนมีระดับพลังบ่มเพาะเท่ากัน แต่หากใครต้องมาสู้กับเขาความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายจะถูกลดลงไปร้อยเท่า เช่นนี้ศัตรูจะเอาชนะเขาได้อย่างไร?
หลิงฮันไร้เทียมทาน เขาเอาชนะคู่ต่อสู้ได้อย่างต่อเนื่องและแผ่นหินของเขาค่อยๆลอนสูงขึ้นทีละขั้น จำนวนของราชาที่จะมาเป็นคู่ต่อสู้ของเขาน้อยลงไปทุกทีจนในที่สุดก็เหลือราชาอยู่เพียงสิบคน
จักรพรรดินีหล่วนซิง จักรพรรดิพิรุณ เซียนหวู่เวียง ซื่อเฉินเฟิง หลงเซียงเยว่ เทียนเซี่ยตี้เอ้อ กู่ต้าวอี้ หลิงฮันและราชาที่ไม่เคยได้ยินชื่ออีกสองคน ในการต่อสู้ก่อนหน้านี้นั้นราชาคนนี้ไม่ได้แสดงพลังที่โดดเด่นนัก แต่หลังจากการแย่งชิงเข้าสู่ช่วงที่สอง พวกเขากลับแข็งแกร่งไร้เทียมทานอย่างคาดไม่ถึง
เป่ยหวงและฉือหวงยังไม่พ่ายแพ้ล่วงจากแผ่นหิน แต่พวกความสูงของพวกเขายังคงห่างไกลจากราชาอันดับต้นๆ ติงผิง จิ่วเยา สวีเหลินและจักรพรรดินีอมตะเองก็เช่นกัน ยิ่งมีราชาจากด้านล่างขึ้นมาเยอะเท่าไหร่พวกเขาก็ยิ่งลำบากมากขึ้น
“ไม่น่าเชื่อ เห็นว่าทั้งสี่คนนั้นมาจากเขตดวงดาวเดียวกัน” ใครบางคนชี้ไปยังราชาทั้งสี่ซึ่งก็คือหลิงฮัน จักรพรรดินี จักรพรรดิพิรุณและเซียนหวู่เวียง ก่อนจะหันไปชี้อีกด้านหนึ่งที่พวกสตรีนกอมตะอยู่ “คนพวกนั้นก็ด้วย!”
“เขตดวงดาวหนึ่งสามารถให้กำเนิดราชาได้ถึงแปดคนเชียว? พระเจ้า!”
เหล่าจอมยุทธที่อยู่เบื้องล่างเอามือกุมหัว เรื่องเช่นนี้มันน่าเหลือเชื่อเกินไป เขตดวงดาวเล็กแบบใดกันถึงได้มีราชาชั้นแนวหน้าอยู่มากมายเพียงนี้?
“เพียงแต่ว่า ใครจะได้เป็นราชาที่หัวเราะคนสุดท้ายก็ต้องดูต่อไปก่อน”
“ข้าเดาว่าเป็นกู่ต้าวอี้ พรสวรรค์และศักยะภาพของเขานั้นกล่าวได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งแม้จะเป็นในยุคบรรพกาล!”
“เข้าเห็นด้วย! เขาเป็นคนเดียวที่ราชาคนอื่นยอมเป็นผู้ติดตาม พลังของเขาสามารถกำราบเหล่าราคาได้อย่างราบคาบ”
“ข้าขอสนับสนุนจักรพรรดินีหล่วนซิง ไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนั้นข้าแค่อยากสนับสนุนนางเฉยๆ”
“ข้าก็ขอเดาว่าเป็นจักรพรรดินีหล่วนซิง!”
“หืม แล้วสองคนนั้นเป็นใครกัน พวกเราไม่เคยพบเห็นทั้งสองนั้นมาก่อนเลยไม่ใช่รึไง”
“ฮ่าๆ เป็นพวกเจ้าเองมากกว่าที่ข้อมูลไม่แน่นพอ ชายหนุ่มในชุดเทามีชื่อว่าหงหม่า เขาเป็นศิษย์ของเซียนและเป็นราชาระดับสาม!”
“อะไรกัน ราชาระดับสามอีกคนแล้ว?”
“เหอๆ ส่วนชายชุดฟ้าผู้นั้นเป็นจอมยุทธพเนจร แต่ดวงของเขานั้นน่าอัศจรรย์เป็นอย่างมาก เขาพบเจอวาสนามากมายในชีวิต ชื่อของเขาคือเฉิงเสี่ยวฟาน เป็นราชาระดับสามเช่นกัน!”
“เฉิงเสี่ยวฟาน… เขาต้องไม่ธรรมดาแน่!”
“แต่ข้าก็ยังคิดว่ากู่ต้าวอี้ยอดเยี่ยมกว่าอยู่ดี เขาเป็นอัจฉริยะที่เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ฟ้าประทานและมีโชคชะตาขึ้นเป็นดาวจรัสแสงแห่งยุคสมัย”
“อืม!”
ผู้คนส่วนใหญ่เอนเอียงไปทางกู่ต้าวอี้ บุรุษผู้นี้ไม่ธรรมดาเกินไป ด้วยออร่าอันทรงพลังของแก่นกำเนิดนิรันดร์ทำให้เขาโดดเด่นที่สุดในหมู่ราชาระดับแนวหน้าทั้งสิบคน
ท่ามกลางท้องฟ้า กู่ต้าวอี้ยืนพาดมือทั้งสองไว้ด้านหลัง เขามองไปยังหลิงฮันและเผยรอยยิ้ม “ไม่คาดคิดว่าเจ้าจะพอมีความแข็งแกร่งอยู่บ้าง เจ้าถึงขนาดก้าวมาถึงจุดนี้เพื่อท้าทายข้าได้”
หลิงฮันกล่าวตอบกลับไปอย่างไม่แยแส “มีเหตุผลอันใดที่ข้าต้องหวาดกลัวคนที่เพิ่งออกมาจากที่ซ่อนตัว?”
“ฮ่าๆๆ!” กู่ต้าวอี้หัวเราะ “ต่อหน้าข้า ไม่ว่าอัจฉริยะผู้ใดก็ทำได้เพียงยอมยอมศิโรราบ ไม่ว่าข้าจะไปหนใดทุกสรรพสิ่งย่อมต้องคุกเข่า…”
ครืนน!
ยังไม่ทันทีกู่ต้าวอี้จะพูดจบ คลื่นดาบของหลิงฮันก็พุ่งเข้าใส่กู่ต้าวอี้พร้อมกับกล่าว “เลิกพล่ามแล้วมาสู้กัน ข้าจะสอนบทเรียนให้กับเจ้าเอง!”
มุมปากของกู่ต้าวอี้กระตุก ในตอนแรกที่เขายอมไว้ชีวิตหลิงฮันก็เป็นเพราะอีกฝ่ายเป็นคนแรกที่เขาได้พูดคุยด้วยในรอบพันล้านปี เขาตั้งใจปล่อยให้หลิงฮันมีชีวิตอยู่เพื่อเป็นสักขีพยานความรุ่งโรจน์ของเขา
แต่เมื่อคลื่นดาบพุ่งเข้ามาใส่ เขาจำเป็นต้องลงมือเพื่อตอบโต้
ตูม!
คลื่นดาบปะทะเข้ากับฝ่ามือ ‘ครืนน’ คลื่นกระแทกที่ปะทุออกมาส่งผลให้แผ่นหินของจอมยุทธรอบข้างสั่นไหวราวกับเป็นเรือที่ถูกคลื่นทะเลซัด
คลื่นกระแทกสลายไป ร่างของหลิงฮันกับกู่ต้าวอี้ยืนหันหน้าเข้ากันด้วยแววตาที่เดือดดาลไปด้วยเพลิงสู้รบ
“ข้าคงดูถูกเจ้าเกินไป!” กู่ต้าวอี้กล่าว “แต่ต่อหน้าข้า ไม่ว่าอัจฉริยะคนไหนก็ต้อ…”
‘ครืนน’ คลื่นดาบถูกฟันออกมาอีกครั้ง
บัดซบ ข้ายังพูดไม่ทันจบเลย ต่อให้เจ้าอยากสู้ขนาดไหนก็รอหน่อยไม่ได้รึไง?