Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1459
จะได้วาสนาแบบใดกันแน่?
หลิงฮันเองก็อยากรู้เหมือนกัน
แผ่นหินสีทองส่องประกาย หลิงฮันพบว่าแผ่นหินใต้เท้าของเขาหลอมหลายราวกับกลายเป็นของเหลวที่กังขังเขาเอาไว้ภายใน แต่หลิงฮันก็ไม่ได้คิดหลบเข้าไปในหอคอยทมิฬแต่อย่างใดและเลือกที่จะระมัดระวังตัวจนถึงที่สุด
โชคดีที่เข้าถูกดูดลงไปในก้อนหินโดยที่ไม่พบเจออันตรายใดๆ
เมื่อหัวของเขาจมหายไปอย่างสมบูรณ์ร่างของเขาก็มาปรากฏตัวในสถานที่ที่แปลกประหลาด
ที่นี่ดวงดาวบนท้องฟ้าส่องประกายเจิดจ้ามาก เพียงแต่พวกมันไม่ใช่ของจริง ตัวเขาในยืนอยู่กลางอากาศแต่กลับรู้สึกเหมือนกับลังเหยียบอยู่บนพื้นดิน
ที่แท้ด้านในแผ่นหินสีทองก็มีช่องว่างมิติอยู่นั่นเอง
หลิงฮันก้าวเดินไปรอบๆ แต่ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนทิวทัศน์ที่มองเห็นก็เหมือนกันทั้งหมดคือมีเพียงดวงดาวบนท้องฟ้า
แล้วไหนล่ะวาสนา?
“เฮ้!” หลิงฮันตะโกน “มีใครอยู่ไหม?”
หลังจากกล่าวประโยคนั้นออกไปเขาก็หัวเราะตลกกับการกระทำของตัวเอง
“มี” แต่ทันใดนั้นจู่ๆก็มีเสียงของใครบางคนตอบกลับมา
หลิงฮันชะงัก “ใครกัน?”
“คนที่ตายไปนานไม่รู้กี่ล้านปีแล้ว” เสียงนั้นกล่าว
หลิงฮันไม่คิดจะไว้ใจอีกฝ่ายง่ายๆ เขากล่าว “ผู้อาวุโสมีชื่อเรียกว่าอะไร?”
“ข้า…” เสียงนั่นชะงักเล็กน้อย “ชื่อของข้าคือหูหยู่ หากนับแล้วข้าคงตายเป็นผีมานานแล้วหลายพันล้านปี”
“ผู้อาวุโสเรียกข้ามาที่นี่มีจุดประสงค์อันใด?” หลิงฮันเอ่ยถาม
“เพื่อมอบวาสนาที่ยิ่งใหญ่ให้เจ้า!” หูหยู่กล่าว
หลิงฮันไม่แสดงท่าทีอะไรและกล่าว “ผู้อาวุโสจะมอบวาสนาเช่นใดให้ผู้เยาว์?”
“เจ้าหนู เจ้ารู้รึไม่ว่าเหนือว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ยังมีดินแดนที่เหนือกว่า?” หูหยู่ถาม
หลิงฮันประหลาดใจเล็กน้อย หรือวิญญาณตนนี้จะมาจากดินแดนแห่งเซียนเช่นกัน? มีความเป็นไปได้สูงมากเนื่องจากแม้กระทั่งเซียนซิงฉาก็ไม่สามารถฝืนอำนาจของหุบเขาแห่งนี้ได้ เป็นข้อพิสูจน์กว่าผู้สร้างที่นี่ต้องมีพลังระดับราชาเซียนเป็นอย่างน้อย
เหนือกว่าราชาเซียนคือระดับโลกียนิพพาน ซึ่งปรมาจารย์เช่นนั้นมีเพียงในดินแดนแห่งเซียน
“ดินแดนแห่งเซียน?” หลิงฮันกล่าวเสียงเบา
“โอ้ เจ้ารู้ถึงการมีอยู่ของดินแดนแห่งเซียนด้วย? หรือเจ้าจะเป็นเผ่าพันธุ์ที่ถูกขับไล่ออกมา?” หูหยู่ตกตะลึง
เผ่าพันธุ์ที่ถูกขับไล่? หรืออีกฝ่ายจะหมายถึงเผ่าสวรรค์บรรพกาล?
ทั้งเผ่าไร้หน้าหรือเผ่าเก้าอสรพิษล้วนแต่มีพลังสายเลือดที่ทรงอำนาจ ติงผิงกับจิ่วเยาเองก็มีโอกาสสูงที่จะเป็นเผ่าสวรรค์บรรพกาลเช่นกัน ส่วนกู่ต้าวอี้นั้นไม่ต้องกล่าวถึง เขาไม่ใช่ทายาทผู้สืบสายเลือดแต่เป็นเผ่าสวรรค์บรรพกาลขนานแท้
เผ่าพันธุ์ที่ทรงพลังขนาดนั้นยังถูกขับไล่ออกมาจากดินแดนแห่งเซียน?
หลิงฮันไม่เอ่ยตอบ ที่จริงเขารู้เกี่ยวกับเผ่าสวรรค์บรรพกาลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เขารู้เพียงแค่ว่าเผ่าเหล่านี้มีจำนวนอยู่น้อยมากในดินแดนแห่งเซียน แน่นอนว่าในเมื่อไม่รู้เขาย่อมไม่กล่าวออกไป
หูหยู่ไม่สงสัยอะไรในตัวเขา “ในเมื่อเจ้ารู้ถึงการมีอยู่ของดินแดนแห่งเซียนก็ช่วยประหยัดเวลาข้าไปเยอะ ข้าสามารถมอบทักษะของดินแดนแห่งเซียนและอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของดินแดนแห่งเซียนให้เจ้าได้ แต่มีข้อแม้คือเจ้าต้องสังหารใครบางคนให้ข้า”
“คนแบบไหนที่ท่านจะให้ข้าสังหาร?” หลิงฮันถาม “ที่ข้าจะบอกท่านคือข้าไม่มีนิสัยชอบสังหารผู้บริสุทธิ์ ถ้าไม่มีเหตุผลให้ฆ่า ข้าคงต้องกล่าวปฏิเสธ”
หอคอยทมิฬคือหนึ่งในสมบัติที่ทรงพลังที่สุดในดินแห่งเซียน ดังนั้นหลิงฮันจึงไม่โลภมากเพียงเพราะอีกฝ่ายเสนอสมบัติจากดินแดนแห่งเซียนให้เขาและทรยศอุดมคติของตัวเอง
“ฮ่าๆๆ!” หูหยู่หัวเราะ “ดีมาก ข้าชอบคนเช่นเจ้า ถ้าเช่นนั้นข้าจะเล่าเรื่องราวให้เจ้าฟัง”
อีกฝ่ายแน่นิ่งชั่วครูก่อนจะเล่า
“ช้าเป็นสมาชิกคนสุดท้ายของตระกูลหู”
“เมื่อหลายพันล้านปีก่อน ได้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่ขึ้นที่ดินแดนแห่งเซียน ขุมอำนาจนับไม่ถ้วนไม่ว่าจะอ่อนแอหรือแข็งแกร่งต่างถูกทำลายและขับไล่ออกมาจากดินแดนแห่งเซียน”
“ตระกูลหูของนางไม่ใช่ขุมอำนาจที่แข็งแกร่งอะไร เป็นเพียงขุมอำนาจระดับระดับโลกียนิพพานเท่านั้น ครั้งหนึ่งตระกูลของข้าได้รับสมบัติลับบางอย่างมา แต่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเพียงใดพวกเราก็ยังไม่รู้ว่าสมบัติที่ว่ามีอยู่ด้วยจุดประสงค์อะไร”
“ท่ามกลางความโกลาหล ตระกูลหูของข้าวางตัวเป็นกลางไม่เข้าร่วมกับฝ่ายใด แต่ก็ได้มีตระกูลหนึ่ง…”
เสียงของหูหยู่เปลี่ยนเป็นเย็นชาราวกับกำลังกัดฟันพูด “พวกมันโหดเหี้ยมอย่างมาก พวกมันสังหารหมู่ตระกูลหู่ของข้าโดยไม่สนว่าพวกเขาจะเป็นกลางหรือไม่ ผลสุดท้ายก็คือสมาชิกตระกูลหูทั้งหมดได้ถูกสังหารไม่เหลือ”
“สิ่งที่ตระกูลนั้นต้องการคือสมบัติที่ตระกูลข้าครอบครองอยู่ ตระกูลที่ว่านั้นเคยเป็นมิตรที่แน่นแฟ้นกับตระกูลหู พวกเราจึงไม่ได้เตรียมการป้องกันใดๆไว้!”
“ตัวข้าโชคดีที่กำลังเดินทางหาประสบการณ์อยู่จึงรอดมาได้”
“เมื่อได้ยินข่าวข้ารีบกลับตระกูลทันทีเพื่อไปนำสมบัติที่เก็บซ่อนไว้หลบหนีออกมา”
“ตระกูลที่ว่าได้ทำการค้นหาอยู่เวลานานแล้วแต่ก็ไม่พบสมบัติที่ซ่อนเอาไว้ ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังเฝ้ามองดูอยู่ตลอดเวลา เมื่อข้าไปนำสมบัติออกมาตระกูลนั้นก็ไล่ล่าข้าอย่างเอาเป็นเอาตาย”
“ข้านำสมบัติหลบหนีออกมาจากดินแดนแห่งเซียนได้ แต่ในขณะที่ถูกไล่ล่าข้าได้รับบาดเจ็บสาหัสจนสิ้นพลังชีวิตในที่สุด”
“ทว่า เศษเสี้ยววิญญาณของข้ากลับผสานรวมเข้ากับสมบัติลับได้ และเป็นในตอนนั้นเองที่ข้ารู้ว่าสมบัตินั่นคืออะไร แต่น่าเสียตายที่ทุกอย่างสายเกินไปแล้ว…”
“ด้วยพลังเกื้อหนุนจากสมบัตินั่นทำให้ดวงวิญญาณของข้าไม่เสื่อมสลายไปตามกาลเวลาและคงอยู่เพื่อตามหาสุดยอดอัจฉริยะที่จะสามารถเข้าไปยังดินแดนแห่งเซียนได้ในอนาคตและทำการชำระล้างความแคว้นให้แก่ตระกูลหู!”
“ข้าสามารถใช้พลังของสมบัติได้อย่างจำกัด ข้าได้เปลี่ยนอำนาจของสวรรค์และปฐพีในพื้นที่แห่งนี้เพื่อดึงดูดเหล่าอัจฉริยะแห่งยุคสมัย หลังจากรอคอยมานานแสนนานในที่สุดเจ้าก็ปรากฏตัว”
“ข้าไม่ได้อย่างให้เจ้าฆ่าล้างตระกูลที่เป็นศัตรูกับตระกูลหู ขอแค่ตัวการได้รับบทลงโทษที่สมควรก็พอ ข้าขอให้เจ้าสัตย์สาบานต่อหน้าสวรรค์ว่าเจ้าจะทำภารกิจนี้ให้สำเร็จลุล่วง ตราบใดที่เจ้าสาบานข้าจะมอบทักษะของตระกูลหูและสมบัติลับให้เจ้า”
“ถ้าเรื่องที่ผู้อาวุโสเล่าเป็นความจริง หลังจากที่ข้าไปถึงดินแดนแห่งเซียนและวันหนึ่งมีพลังเพียงพอ ข้าขอรับปากว่าจะทำภารกิจของผู้อาวุโสให้ลุล่วง!” หลิงฮันยกมือขึ้นเพื่อสาบาน
ยิ่งระดับพลังของจอมยุทธสูงขึ้นย่อมไม่สามารถกล่าวสาบานอย่างมั่วซั่วได้เนื่องจากจะเป็นการกระตุ้นอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของสวรรค์และปฐพีราวกับมีดวงตาคู่หนึ่งจ้องมองอยู่ตลอดเวลา
“ดีมาก!” หูหยู่หัวเราะสะใจราวกับมองเห็นศัตรูคู่อาฆาตตายต่อหน้าต่อตา