Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1469
“คุยกันดีๆ?” หลิงฮันอดไม่ได้ที่จะหัวเราะและส่ายหัว “หากจะพูดคุยนั้นข้ายินดีตลอดเวลา แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพูดคุยแต่เป็นเวลาที่เจ้าต้องแสดงให้พวกข้าดูว่าลอดช่องสุนัขนั้นทำอย่างไร”
อี้เกาหนิงเกรี้ยวกราด อีกฝ่ายบอกให้เขาลอดผ่านช่องสุนัขงั้นรึ?
เขาคือตัวตนระดับวารีนิรันดร์!
ต่อให้เป็นในดาวมู่ถูที่เซียนทั้งสิบคนเป็นใหญ่ แต่ตัวตนระดับวารีนิรันดร์ก็ยังเรียกว่าเป็นปรมาจารย์ที่ไปที่ไหนก็มีแต่คนหวั่นเกรง
เจ้ากล้าบอกให้ตัวตนระดับวารีนิรันดร์เช่นเขาลอดผ่านช่องสุนัขงั้นรึ?
“ข้าพบเจอคนอวดดีมามากมาย แต่สำหรับเจ้านั้น…” อี้เกาหนิงส่ายหัว “ศิษย์น้องหลิง เจ้ามีพรสวรรค์อย่างแท้จริง แต่เจ้าต้องตระหนักเอาไว้ด้วยว่าที่สำนักละอองดาราแห่งนี้สิ่งที่ไม่ขาดแคลยเลยคืออัจฉริยะ!”
หลิงฮันหัวเราะด้วยท่าทางโอหัง “นั่นเพราะเจ้ายังไม่เคยพบข้า!”
ใบหน้าของอี้เกาหนิงเปลี่ยนเป็นน่าเกลียด “เช่นนั้นก็มีแต่ต้องปะทะ!”
เขารู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากที่รับหน้าที่ต้อนรับศิษย์ใหม่ในคราวนี้ ใครจะไปคิดว่าจะมีศิษย์ใหม่ที่จัดการด้วยยากขนาดนี้อยู่ด้วย
“พันวิถีปลิดชีพ!” เขาตบฝ่ามือเข้าใส่ร่างของตนเอง ‘ครืนน’ แสงสว่างอันเจิดจ้าส่องประกายออกมาจากภายในร่างของเขา
เซียนหมิงซินนั้นเชี่ยวชาญในศาสตร์รูปแบบอาคมเป็นอย่างมาก กระดูกแต่ละส่วนในร่างของเขาถูกสลักเอาไว้ด้วยแก่นรูปแบบอาคม เมื่อใดที่กระตุ้นใช้งานจะทำให้พลังต่อสู้ของเขาเพิ่มพูนขึ้นมหาศาล
บริเวณรอบด้านอี้เกาหนิงมีกระบี่ทองคำปรากฏออกมา อำนาจของมันทรงพลังราวกับจะทะลวงผ่านไปถึงเก้าชั้นฟ้า
‘ฉัวะ!’
อี้เกาหนิงลงมือ กระบี่ทองคำนับร้อยพุ่งจู่โจมอย่างรวดเร็ว
หลิงฮันพุ่งไปด้านหน้าเข้าหากระบี่อย่างไม่หวาดหวั่น
รนหาที่ตาย?
อี้เกาหนิงแสยะยิ้ม เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าหลิงฮันจะตอบโต้เช่นนี้ แต่ต้องรู้ก่อนว่ากระบี่ทองคำเหล่านี้คือการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของเขา การที่หลิงฮันเป็นคนพุ่งเข้าใส่เองไม่ใช่ว่าเท่ากับฆ่าตัวตายหรอกรึ?
เจ้าจบสิ้นแล้ว!
กระบี่ทองคำปะทะกับเป้าหมาย ‘เพล๊ง เพล๊ง เพล๊ง’ เสียงโลหะกระทบกันดังขึ้นราวกับว่ากระบี่ไม่ได้ปะทะเข้ากับเกราะป้องกันปราณก่อเกิดแต่เป็นโลหะศักดิ์สิทธิ์ กระบี่ที่ปะทะเข้ากับร่างของหลิงฮันแหลกสลายจนดูเหมือนว่านั่นไม่ใช่การโจมตีของปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์แต่เป็นการโจมตีอ่อนหัดของใครก็ไม่รู้
เป็นไปได้อย่างไร?
อี้เกาหนิงยมอรับไม่ได้ อีกฝ่ายสวมใส่สมบัติป้องกันที่ล้ำค่าขนาดไหนอยู่กันแน่ เป็นไปได้อย่างไรที่มันจะสามารถต้านทานการโจมตีเต็มพลังของเขาได้อย่างง่ายดาย? แต่เมื่อเขาจ้องมองดูดีกลับพบว่าบนร่างกายของหลิงฮันไม่มีแสงสว่างที่เกิดจากรูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์ของสมบัติใดๆเลยแม้แต่น้อย
หรือจะเป็นกายหยาบ? …เหลือเชื่อ!
ถูกแล้ว กายหยาบของหลิงฮันในตอนนี้มีระดับสูงกว่าแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสามไปแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่พอที่จะต้านทานการโจมตีของราชาระดับวานีนิรันดร์ขั้นต้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่เมื่อครู่เขาทำการโคจรคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ไปพร้อมกันทำให้พลังป้องกันของเขายกระดับขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ในระยะเวลาสั้นๆ
หลักการของคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์เมื่อครู่ทำให้เขาสามารถต้านทานได้แม้กระทั่งหนึ่งการโจมตีของเซียน!
หากเป็นเช่นนั้น จึงไม่ต้องเอ่ยถึงการโจมตีของอี้เกาหนิงเลย
หลังจากปลดปล่อยการโจมตีออกไปด้วยพลังทั้งหมด อี้เกาหนิงในตอนนี้จึงอยู่ในสภาพที่อ่อนแอที่สุด
ตูม!
หลิงฮันปล่อยหมัดเข้าใส่ใบหน้าอี้เกาหนิง ร่างของอีกฝ่ายลอยกระเด็นกระแทกเข้าใส่ประตูลานที่พักทันทีก่อนที่จะร่วงลงมานอนแผ่ที่พื้น
ทุกคนอ้าปากค้างกับภาพที่เห็น
เหตุใดศิษย์ใหม่ในครั้งนี้ถึงได้แข็งแกร่งฝืนสวรรค์เช่นนี้?
อี้เกาหนิงแข็งแกร่งขนาดไหน? แน่นอนว่าแข็งแกร่งมากโดยไม่ต้องมีข้อสงสัย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังพ่ายแพ้ให้กับหลิงฮัน!
อันที่จริงหากอี้เกาหนิงเตรียมการมาก่อนเพื่อสู้กับหลิงฮันล่ะก็ ต่อให้หลิงฮันจะเอาชนะได้ก็ต้องแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันเกิดกว่าร้อยกระบวนท่า พันกระบวนท่าหรืออาจจะหมื่นกระบวนท่า แต่เนื่องจากเขาไม่ได้ตระหนักรับรู้เลยว่ากายหยาบของหลิงฮันแข็งแกร่งขนาดไหน เมื่อใช้พลังทั้งหมดไปกับหนึ่งการโจมตี เขาจึงตกอยู่ในสภาพพ่ายแพ้หมดรูปเช่นนี้
“แบบนั้นล่ะ!” ศิษย์ใหม่ที่เหลือเจ็ดคนร้องออกมา แน่นอนว่าพวกเขาย่อมไม่อยากคลานลอดผ่านช่องสุนัขอันอัปยศ เพราะงั้นตอนนี้เมื่อหลิงฮันตอบโต้โดยเป็นฝ่ายได้เปรียบ พวกเขาจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น
ต่อให้หลังจากนี้จะมีศิษย์เก่าที่แข็งแกร่งกว่าปรากฏตัวและบังคับให้พวกเขาก้มหัวพวกเขาก็ไม่สนใจแล้ว
พวกเขาจะปฏิวัติและหักหน้าศิษย์เก่าเหล่านั้น!
อี้เกาหนิงลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ ในตอนที่ถูกหลิงฮันโจมตีเขายังสามารถป้องกันใบหน้าเอาไว้ด้วยปราณก่อเกิดได้ทัน ดังนั้นต่อให้จะถูกซัดจนร่างกระเด็นก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไรนัก
ไม่ว่าอย่างไรพลังบ่มเพาะของเขาก็คือระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นชั้นปลาย แถมยังเป็นราชา!
ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นแดงก่ำด้วยความอับอายที่พ่ายแพ้ให้กับศิษย์ใหม่ แววตาของเขาส่องประกายโกรธเกรี้ยว ความอัปยศต่อหน้าสาธารณชนเช่นนี้ ช่าน่าอับอายนัก!
หากความแค้นนี้ไม่ถูกชำระ เขาจะมีหน้าไปพบเจอผู้คนในภายภาคหน้าได้อย่างไร?
“รอก่อนเถอะ!” เพียงต่อว่าอี้เกาหนิงไม่คิดจะแก้แค้นหลิงฮันด้วยตัวเองและตั้งใจจะไปบอกให้ศิษย์พี่ที่แข็งแกร่งกว่าลงกำราบหลิงฮัน
วัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจหลีกเลี่ยง เหล่าเซียนในตอนนี้ใครบางที่ไม่เคยคลานลอดช่องสุนัข?
หลิงฮันที่ปฏิวัติคิดจะต่อต้านวัฒนธรรมของสำนักละอองดาราที่โชคชะตาที่จะต้องพินาศ!
“หืม นั่นเจ้าจะไปไหน?” หลิงฮันแสยะยิ้ม เขายังไม่ทันได้ล่วงเกินใครเลยแท้ๆแต่อีกฝ่ายกลับยืนกรานว่าจะให้เขาคลานลอดผ่านช่องสุนัขให้ได้ แต่พอเอาชนะเอาไม่ได้กลับหนีจะปัดตูดหนีไปง่ายๆแบบนั้น?
“เจ้าคิดจะให้ข้าอยู่ที่นี่ต่อ?” อี้เกาหนิงหัวเราะเยาะเย้ย
“ข้าไม่ได้คิด แต่เจ้าต้องอยู่!” หลิงฮันกล่าวด้วยน้ำเสียงโหดเหี้ยม “หากเอาชนะข้าไม่ได้เจ้าก็ต้องคลานลอดผ่านช่องสุนัข!”
“ฝันไปเถอะ!” อี้เกาหนิงแสยะยิ้ม ในประวัติศาสตร์ของสำนักละอองดารามีจำนวนคนที่ปฏิวัติอยู่มากมายแถมยังเป็นสุดยอดอัจฉริยะแห่งยุคสมัย แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาทั้งหมดก็ต้องถูกกำราบโดยศิษย์เก่าที่แข็งแกร่งกว่า
หากระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นไม่สามารถกำราบเจ้าได้ แล้วถ้าหากเป็นขั้นกลาง ขั้นสูงหรือขั้นสูงสุดล่ะ?