Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1537
เซียนซิงฉาปรากฎตัวเป็นคนแรก เมื่อได้ผู้บุกรุกเขาก็แสดงสีหน้าตกตะลึงอย่างปิดไม่มิด
อีกฝ่ายเป็นปรมาจารย์ที่ทรงพลัง รอบกายปกคลุมไปด้วยออร่าลึกลับจนแม้แต่เขาก็ไม่สามารถมองเห็นรูปลักษณ์ได้ แต่ฟังจากน้ำเสียงแล้ว คนคนนี้สมควรมีอายุเยอะและแก่ชรามากแล้ว ด้านข้างชายชรามีรุ่นเยาว์ยืนอยู่อีกคนหนึ่ง ซึงรุ่นเยาว์ผู้นี้เป็นตัวตนระดับเซียนเช่นกัน!
รุ่นเยาว์ผู้นี้อายุสมควรยังไม่เกินหนึ่งแสนปี หรืออาจจะเพียงหมื่นถึงสองหมื่นปีเท่านั้น…
เซียนซิงฉาตกตะลึง เซียนที่อายุเพียงสองหมื่นปี?
ต่อให้เป็นอัจฉริยะแค่ไหน อายุสองหมื่นปีก็สมควรมีพลังบ่มเพาะที่ระดับสุริยันจันทราเท่านั้น แต่รุ่นเยาว์ผู้นี่กลับบรรลุเป็นเซียนระดับต้นแล้ว
“คารวะผู้อาวุโส!” เซียนซิงฉาแสดงความเคารพต่อสุดยอดปรมาจารย์ชรา พลังบ่มเพาะของอีกฝ่ายไม่มีทางเป็นอื่นใดนอกจากระดับราชาเซียนที่เขาทำได้แค่เพียงแหงนมอง
ปรมาจารย์ผู้นี้เป็นหนึ่งในผู้นำของตระกูลฮู เขาคือตัวตนที่สามารถเหยียบทุกสรรพสิ่งบนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ชื่อของเขาคือฮูลั่ว เขามีอายุมานานเกินกว่าสามพันล้านปีแล้ว แต่ต่อให้เขามีชีวิตมานานมากขนาดนั้นแล้วก็ตาม ด้วยพลังบ่มเพาะของเขา เขาก็ยังสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกถึงหนึ่งพันล้านปี
ฮูลั่วชำเลืองมองไปยังเซียนซิงฉาโดยไม่เปิดปากพูดก่อนจะหันไปมองเซียนรุ่นเยาว์ที่ยืนอยู่ข้างเขา
เซียนรุ่นเยาว์เผยรอยยิ้มเยือกเย็นที่ยิ่งยโสราวกับจะก้มมองดูถูกทุกสรรพสิ่ง
“ข้ามีชื่อว่าฮูเฟิง” เซียนรุ่นเยาว์กล่าวแนะนำตัวเอง “ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสมีชื่อว่าอะไร?”
“ชื่อแท้จริงของข้าคือมี่เหวียน” เซียนซิงฉากล่าว หากเป็นสถานการณ์อื่นเขาไม่มีทางแยแสเซียนระดับต้นแน่นอน แต่ตอนนี้เซียนระดับต้นผู้นี้เป็นเหมือนตัวแทนของราชาเซียนเขาจึงต้องไว้หน้าอีกฝ่าย
“อาวุโสมี่” ฮูเฟิวกล่าวอย่างสุภาพพอเป็นพิธีก่อนจะกล่าว “มีผู้อาวุโสจากตระกูลของข้าหายสาปสูญไปไม่นานนี้ จากการคาดการณ์ของผู้นำตระกูลข้าตำแหน่งที่เขาหายไปสมควรเป็นดาวดวงนี้ ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสรู้รึไม่ว่าคนร้ายเป็นใคร?”
เซียนซิงฉาเหงื่อไหลท่วม ฮูเฟิงนั้นถึงแม้จะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสุภาพแต่คำพูดของอีกฝ่ายนั้นแสดงออกอย่างชัดเจนว่าอยากถามว่าคนร้ายที่ว่าคือเขาใช่รึไม่
ไม่น่าแปลกใจที่เขาจะถามเช่นนั้น นอกจากตัวเขาที่เป็นเซียนระดับสูงแล้วใครจะสังหารเซียนระดับต้นได้?
โชคดีที่เซียนซิงฉาเตรียมตัวไว้ก่อนแล้ว “ชายชรารู้ว่าใครคือคนร้าย ชื่อของคนคนนั้นคือหลิงฮัน”
“โอ้ เช่นนั้นท่านช่วยเล่าเรื่องของคนคนนั้นมาให้ละเอียดหน่อย” ฮูเฟิงกล่าว ภายในแววตาของเขาปรากฏจิตสังหารอันรุนแรง
“คนคนนั้นแต่เดิมเป็นศิษย์ของสำนักละอองดารา ไม่นานมานี้เขาเพิ่งทะลวงผ่านบรรลุระดับวารีนิรันดร์…”
“เดี๋ยวก่อนผู้อาวุโสมี่ ท่านจะบอกว่าผู้อาวุโสของข้าถูกจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์สังหาร?” ฮูเฟิงเอ่ยแทรกด้วยสีหน้าเยาะเย้ย ต่อให้เจ้าต้องการโกหกขนาดไหนก็ควรจะหาคำโกหกที่น่าเชื่อถือหน่อยไม่ใช่รึไง?
จอมยุทธระดับวารีนิรันดร์สามารถสังหารเซียนได้? ทำไมเจ้าไม่โกหกว่าหมูสามารถบินขึ้นสวรรค์ได้เสียเลยล่ะ?
เซียนซิงฉากล่าวต่อ “นั่นเป็นเรื่องจริง นั่นเพราะหลิงฮันครอบครองหยดโลหิตราชาเซียน!” เขาเล่าเรื่องราวของนกอมตะสาวตัวลากเกวียนออกไปด้วยเช่นกัน
ฮูเฟิงอยากจะกล่าวอะไรบางอย่างแต่ทันใดนั้นฮูลั่วตัวตนระดับราชาเซียนก็สะบัดมือห้ามเขาเอาไว้ ใบหน้าที่ถูกทำคลุมไว้ด้วยออร่าลึกลับของเขาดูเหมือนจะสั่นไหวเล็กน้อยและกล่าวคำพูด “เรื่องของรถเกวียนและนกอมตะสามตัวนั่น เจ้าจงอธิบายอย่างละเอียด!”
แม้เขาจะพยายามขนาดไหนก็ไม่สามารถปกปิดน้ำเสียงที่สั่นสะท้านของตนเองได้
ฮูเฟิงตกตะลึง แต่เมื่อนึกถึงเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ตัวเขาเองก็เผยท่าทีตื่นเต้นออกมาเช่นกัน
เซียนซิงฉาเล่าทุกอย่างออกมาอย่างไม่ปิดยัง
ผ่านไปครู่หนึ่งฮูลั่วราชาเซียนก็พยักหน้าให้กับฮูเฟิง “หากเป็นเช่นนี้ ข้าขอมอบหน้าที่ไล่ตามคนร้ายให้เจ้า!”
จากนั้นเขาก็ใช้สัมผัสสวรรค์ที่มีเพียงฮูเฟิงได้ยิน “สมบัติของราชันวารีสวรรค์สำคัญเป็นอย่างมาก แต่ตัวข้าหากออกมาจากดินแดนต้องห้ามนานเกินไปจะทำให้ดินแดนต้องห้ามอื่นๆเกิดความสงสัยได้ เพราะงั้นเรื่องไล่ตามคนร้ายข้าจึงต้องมองให้เจ้าเป็นคนจัดการ!”
“ข้าเข้าใจแล้วท่านผู้นำ” ฮูเฟิงกล่าวอย่างเคารพ
ฮูลั่วเป็นห่วงรุ่นเยาว์ผู้นี้เป็นอย่างมาก ฮูเฟิงเป็นความหวังในอนาคตของตระกูลฮู อีกเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของตระกูลฮูที่สามารถบรรลุเป็นเซียนได้ด้วยอายุเพียงหนึ่งหมื่นสามพันปีเท่านั้น “เจ้าหนูนั่นสังหารอิงมู่จึงกลายเป็นศัตรูของตระกูลฮูของเราอย่างเลี่ยงไม่ได้ การจะหาตำแหน่งของเจ้าหนูนั่นด้วยพลังของเจ้าแล้วไม่น่าเป็นเรื่องที่ยากลำบากอะไร”
“แต่เพื่อป้องการเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ข้าจะมอบหยดโลหิตให้แก่เจ้า”
ฮูลั่วควบแน่นหยดโลหิตราชาเซียนให้กับฮูเฟิง การกระทำเช่นนี้เผาผลาญพลังของเขาเป็นอย่างมากและต้องรีบกลับไปฟื้นฟูพลังที่ดินแดนต้องห้ามโดยด่วนไม่เช่นนั้นแล้วมันจะส่งผลไปถึงพลังชีวิตของเขา
หากไม่ใช่เพราะสมบัติอันล้ำค่าของราชันวารีสวรรค์เขาไม่มีทางยอมเผาผลาญพลังชีวิตของตนเองแน่นอน และเขาเองก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวไล่ตามคนร้ายได้ตามใจชอบด้วยเช่นกันเพราะจะเป็นการสร้างความสงสัยต่อดินแดนต้องห้ามอื่นๆ หากข่าวถูกแพร่งพรายออกไปว่าดินแดนต้องห้ามแปดศิลามีความเกี่ยวข้องกับสมบัติของราชันวารีสวรรค์พวกเขาคงหนีไม่พ้นถูกดินแดนต้องห้ามอื่นๆไล่ล่า
“ข้าเข้าใจแล้ว” ฮูเฟิงพยักหน้าและรีบแหงนหน้ามองท้องฟ้า พริบตานั้นเท้าของเขาก็ถูกปกคลุมไปด้วยแสงแห่งเต๋าสีทองและเคลื่อนที่จากไป
ฮูลั่วราชาเซียนหันไปมองเซียนซิงฉาและกล่าว “ศิษย์ของเจ้าสังหารคนของข้า เรื่องนี้เจ้าคิดจะจัดการอย่างไร?”
คำพูดของเขาหมายถึงค่าชดใช้
เซียนซิงฉารีบกล่าว “ข้าน้อยยินดีจะชดใช้ให้”
ฮูลั่วราชาเซียนพยักหน้า เขาคงอยู่ที่นี่ได้เพียงวันถึงสองวันและต้องกลับดินแดนต้องห้าม
เขาจ้องมองไปยังต้องฟ้าด้วยสีหน้าจริงจัง สำหรับฮูเฟิงแล้วเขามั่นใจเป็นอย่างมากว่าจะทำภารกิจไล่ตามสำเร็จ ความหวังของตระกูลผู้นี้ไม่มีทางทำให้เขาผิดหวัง
……
หลิงฮันกำลังขับเคลื่อนอุปกรณ์บินแหวกเมฆาเคลื่อนที่ผ่านดวงดาวนับไม่ถ้วน
แต่เวลาเพิ่งจะผ่านไปเพียงสองวันเขาก็พบกับแสงแห่งเต๋าสีทองที่เคลื่อนที่ผ่านอวกาศอันมืดมิด ความเร็วของแสงแห่งเต๋านั้นรวดเร็วกว่าอุปกรณ์บินแหวกเมฆา พริบตาเดียวรุ่นเยาว์ที่ขึ้นขี่แสงแห่งเต๋าก็ได้ปรากฏตัวขวางทางอุปกรณ์บินแหวกเมฆาเอาไว้
“รบกวนช่วยหยุดก่อน ข้ามีเรื่องอยากจะถาม” รุ่นเยาว์ที่ปรากฏตัวเผยรอยยิ้มและกล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรราวกับเป็นสหายเก่า