Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1547
ผลมัจฉาสีชาดถูกมองว่าไม่ค่อยมีค่าเท่าไหร่
คนที่จะกินผลนั่นได้จำเป็นต้องรอให้พลังบ่มเพาะของตนเองบรรลุระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุดเสียก่อน อันที่จริงสำหรับเหล่าราชาการบรรลุระดับพลังนั้นไม่ใช่เรื่องยาก หากให้เวลาพวกเขาสักสิบล้านปีพวกเขาสามารถบรรลุขั้นสูงสุดชั้นสูงสุดได้เลยด้วยซ้ำ
แต่หากรีบบ่มเพาะพลังไปถึงจุดนั้นอย่างเร่งรีบ จำนวนของดวงดาราที่ควบแน่นได้ก็จะน้อยเกินไปจนไม่สามารถก้าวเข้าสู่ระดับสร้างสรรพสิ่งได้
แต่แน่นอนว่าหากจอมยุทธคนใดที่จ้าวอสูรคอยหนุนหลัง ผลมัจฉาสีชาดก็จะเป็นสมบัติที่แท้จริง
“ใครที่ต้องการให้เสนอนำสมบัติออกมาเพื่อแลกเปลี่ยน” เมื่อกล่าวจบก่วงเฟยเฉินก็กวาดสายตามองผ่านฝูงชน
“ข้ามีเม็ดยาเหมันต์ม่วง มันสามารถช่วยเพิ่มพลังต่อสู้หนึ่งดาวให้กับคนที่บ่มเพาะทักษะธาตุน้ำแข็งได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง” ใครบางคนเสนอ
ก่วงเฟยเฉินส่ายหัว อย่างแรกเลยคือทักษะบ่มเพาะของเขาไม่ใช่ธาตุน้ำแข็ง และอย่างที่สองคือผลมัจฉาสีชาดที่สามารถเพิ่มพลังบ่มเพาะได้อย่างถาวรนั้นล้ำค่ายิ่งกว่าเม็ดยาที่ช่วยเพิ่มพลังต่อสู้ได้เพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆมากนัก อย่างน้อยเม็ดยาเช่นนั้นเพียงเม็ดเดียวก็ไม่มีค่าพอจะเทียบได้
“ข้ามีส่วนหนึ่งของบทคัมภีร์ข้ามผ่านนิพพาน ไม่ทราบว่าพี่ชายก่วงสนใจรึไม่?” ใครบางคนกล่าว
ก่วงเฟยเฉินเผยสีหน้าสนใจ “บทคัมภีร์ส่วนไหน?”
“ส่วนกลาง” ใครคนนั้นกล่าวต่อ
ก่วงเฟยเฉินส่ายหัวอีกครั้ง “น่าเสียดาย ข้าไม่ต้องการบทคัมภีร์ส่วนกลาง”
ผู้คนส่งเสียงกระซิบกระซาบ บทคัมภีร์ข้ามผ่านนิพพานนั้นเป็นที่รู้จักมากในดินแดนใต้พิภพ มีคำกล่าวว่ามันคือบทคัมภีร์ที่ถูกทิ้งไว้โดยจ้าวอสูร แต่เนื่องกาลเวลาที่ผ่านพ้นมาอย่างยาวนานทำให้เป็นเรื่องยากมากหากต้องการรวบรวมบทคัมภีร์ให้ครบสามส่วน
“พี่ชายก่วง ข้ามีแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสาม ท่านสนใจแลกเปลี่ยนรึไม่?” ใครบางคนกล่าว
ก่วงเฟยเฉินยังคงส่ายหัว เขาในตอนนี้บรรลุระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุดแล้ว แร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสามจะมีประโยชน์อันใด?
หลิงฮันจดจำคนผู้นี้ไว้ หากถึงคราวที่อีกฝ่ายเป็นคนนำสมบัติออกมาแลกเปลี่ยนเมื่อไหร่และยังคงเป็นแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสามเช่นเดิมเขาจะต้องแลกเปลี่ยนมาให้ได้ เขากระแอมก่อนจะกล่าว “พี่ชายก่วง ข้ามีชาถ้วยหนึ่งอยากให้ท่านลองชิมก่อน”
หลิงฮันนำกาน้ำชาที่มีเพียงน้ำเปล่าอยู่ด้านในออกมา หลังจากนั้นเขาได้นำใบของต้นสังสารวัฏใส่เข้าไปหนึ่งใบและต้มให้เดือดด้วยเพลิงเก้าสวรรค์
ไอน้ำและกลิ่นของน้ำชาลอยไปทั่วอากาศส่งผลให้ผู้คนโดยรอบรู้สึกราวกับกลายเป็นหนึ่งเดียวกับวิถีแห่งเต๋า
นั่นคือผลลัพธ์จากต้นสังสารวัฏที่แม้จะเป็นในดินแดนแห่งเซียนก็ยังถือว่าเป็นสมบัติล้ำค่าหาสิ่งใดเปรียบ แต่เนื่องจากมันถูกเร่งให้เติบโตด้วยหอคอยทมิฬ ประสิทธิภาพของมันจึงไม่อาจเทียบกับต้นสังสารวัฏของจริงที่เติบโตด้วยกาลเวลาสิบสองล้านล้านปี
หลิงฮันรินน้ำชาใส่แก้วและยื่นให้ก่วงเฟยเฉินลองชิม
ก่วงเฟยเฉินรับถ้วยชาและทดสอบดมกลิ่นเป็นอย่างแรกก่อนจะใช้สัมผัสสวรรค์ตรวจสอบ เมื่อมั่นใจแล้วว่าหลิงฮันไม่ได้ใส่อะไรแปลกปลอมลงไปเขาก็ยกถ้วยชาดื่ม ทันใดนั้นเองร่างกายของเขาก็โอบล้อมไปด้วยกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์
“นะ นี่มันการผสานเป็นหนึ่งเดียวกับวิถีแห่งเต๋า!” สุดยอดราชาอีกแปดคนตกตะลึงและจ้องมองด้วยแววตาอิจฉา
การผสานเป็นหนึ่งเดี๋ยวกับวิถีแห่งเต๋านั้นมีเพียงเซียนหรือจ้าวอสูรเท่านั้นที่ทำได้ หากพวกเขาสามารถรู้แจ้งเข้าถึงวิถีแห่งเต๋าย่อมหมายถึงเท้าข้างหนึ่งของพวกเขาได้กำลังจะก้าวเข้าสู่ประตูของระดับจ้าวอสูรเป็นที่เรียบร้อย แม้การจะบรรลุเป็นจ้าวอสูรจะยังอีกห่างไกลแต่อย่างน้อยพวกเขาก็มีความหวังอันริบหรี่และไม่ต้องคลำหาเส้นทางมั่วซั่วอีกต่อไป
น้ำชานี้ช่างน่าอัศจรรย์ นี่ขนาดเป็นเพียงการต้มด้วยใบชาใบเดียวและถูกเจือจางยังมีผลลัพธ์ขนาดนี้
แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้คือชาจากใบของต้นสังสารวัฏนี้จะมีประสิทธิภาพสูงสุดเพียงการดื่มครั้งแรกเท่านั้น แม้หากดื่มครั้งต่อไปจะยังได้ผลลัพธ์ที่ดีอยู่แต่ประสิทธิภาพก็จะลดหย่นลงไปเทียบไม่ได้กับครั้งแรก
หลังจากซึมซับไปได้สักพักก่วงเฟยเฉินก็ลืมตาขึ้นและกล่าว “เจ้าจะแลกเปลี่ยนด้วยใบชาจำนวนเท่าใด?”
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “แค่ในกาน้ำชานี้”
หรือก็คือเขาต้องการแลกเปลี่ยนผลมัจฉาสีชาดด้วยใบชาหนึ่งใบ
หากจอมยุทธของดินแดนแห่งเซียนอยู่ที่นี่ หลิงฮันจะต้องโดนดีเป็นแน่ที่นำสมุนไพรล้ำค่าจากดินแดนแห่งเซียนมาแลกเปลี่ยนกับสมุนไพรระดับต่ำเช่นนี้
หลิงฮันไม่สนใจ เขามีใบของต้นสังสารวัฏอยู่จำนวนมาก แถมเก็บไว้ก็ไม่รู้จะใช้ประโยชน์อะไรได้สู้นำมาแลกเปลี่ยนทรัพยากรเพิ่มพลังให้ตนเองดีกว่า
ก่วงเฟยเฉินไม่รู้ว่าสิ่งนี้คือใบของต้นสังสารวัฏ เขาทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะกล่าว “ตกลง แลกเปลี่ยน”
ทั้งสองฝ่ายสะบัดมือ หนึ่งคนส่งมอบกาน้ำชาในขณะที่อีกคนส่งมอบผลมัจฉาสีชาด การแลกเปลี่ยนรอบแรกจบลงโดยไม่มีปัญหาอะไร
“คนต่อไป” ก่วงเฟยเฉินชี้นิ้วสุ่มไปยังคนคนหนึ่ง “เริ่มจากเจ้า”
สมบัติมากมายถูกนำออกมา แต่หลิงฮันสนใจเพียงแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสามหรือไม่ก็ระดับสิบเจ็ดขึ้นไปเท่านั้น
แต่แร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบเจ็ดนั้นเป็นวัสดุเซียนที่เป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครนำออกมาหรือมีครอบครอง
จอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ที่ครอบครองวัสดุเซียนนั้นมีแต่จะนำพาพิบัติมาสู่ตนเอง
หลิงฮันนั้นไม่หวาดหวั่นต่อสายตาที่จ้องมองมาแม้แต่น้อย ตราบใดที่เป็นสมบัติที่เขารู้สึกว่ามีประโยชน์เขาจะแลกเปลี่ยนมาอย่างไม่ลังเล
ด้วยเหตุนั้นแล้วหลิงฮันจึงกลายเป็นคนที่แลกเปลี่ยนสมบัติไปมากที่สุดในงานแลกเปลี่ยนครั้งนี้ มีจอมยุทธจำนวนไม่น้อยเลยที่จดจ้องเขม็งไปที่เขา
เจ้าไม่ใช่สุดยอดราชาแท้ๆแต่กลับเปิดเผยความมั่งคั่งขนาดนั้นออกมา นั่นไม่ได้เท่ากับกำลังบอกทุกคนว่าให้เข้ามาปล้นข้าได้เลยหรอกรึ?
“ฮ่าๆ เห็นแบบนี้แม้แต่พี่ชายก็อยากจะปล้นเจ้าเสียแล้ว” โก้วลี่กลืนน้ำลายและมองมายังหลิงฮันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
หลิงฮันยิ้ม “เจ้าจะลองดูก็ได้ แล้วคอยดูว่าสุดท้ายใครกันแน่จะเป็นฝ่ายถูกปล้น”
อย่างที่รู้ว่าเขานั้นเป็นคนยึดถือหลักการที่จะไม่ล่วงเกินใครก่อน ใครหากใครล่วงเกินเขาก่อนล่ะก็เตรียมตัวเอาไว้ได้เลย
งานแลกเปลี่ยนยังไม่ถึงเวลาสิ้นสุด ตอนนี้เขาขาดแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสามเพียงสามชิ้นก็จะยกระดับดาบอสูรนิรันดร์ได้
แต่น่าเสียดายที่แร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสามไม่ได้เป็นที่ต้องการนักจึงไม่มีใครนำออกมาแลกเปลี่ยน หลิงฮันแก้ปัญหาโดยการนำใบของต้นสังสารวัฏออกมาสามใบและกล่าวออกไปตรงๆว่าเขาต้องการแลกเปลี่ยนกับแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสาม เมื่อได้ยินคำพูดของเขาจอมยุทธคนอื่นๆก็รีบนำแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ออกมาทันที
แต่เขาต้องการเพียงแค่สามชิ้นเท่านั้น จำนวนของคนที่เสนอแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์นั้นมีมากกว่าสามคนหลิงฮันจึงเลือกแลกเปลี่ยนกับแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสามทั้งสามชิ้นที่มีขนาดใหญ่สุด
“เจ้าหัวขโมย ที่แท้พวกเจ้าทั้งสองก็อยู่ที่นี่เอง!” พริบตานั้นเองสตรีผู้หนึ่งก็เหาะเหินลงมาจากท้องฟ้าพร้อมกับถือดาบเอาไว้ในมือ ใบหน้าอันงดงามของนางประดับไว้ด้วยจิตสังหารพร้อมกับจดจ้องมายังหลิงฮันกับโก้วลี่