Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1558
“เจ้าช่างยอดเยี่ยมจริงๆม่อหลี!” อูเจวี๋ยรีบวิ่งไล่ตามม่อหลีไป “ในตอนนี้หมอนั่นไปหุบเขามหาสมุทรมังกร ข้าก็จะได้อยู่กับพี่สาวสองต่อสองและมีโอกาสหว่านล้อมให้นางเกลียดหมอนั่น”
ม่อหลีหันมองอูเจวี๋ยอย่าไม่แยแส “การเดินทางไปหุบเขามหาสมุทรมังกรครั้งนี้ท่านก็ต้องไปด้วย!”
“ว่าไงนะ?” อูเจวี๋ยตกตะลึงและส่ายหัว “ข้าไม่ไป! ข้ายังอ่อนหัดเกินไป ขออยู่บ่มเพาะพลังที่นี่ก็พอ”
“หุบเขามหาสมุทรมังกรจะเปิดเพียงหนึ่งครั้งในล้านปี หากรอคราวหน้าเจ้าก็กลายเป็นจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์แล้ว” ม่อหลีกล่าว “หุบเขามหาสมุทรมังกรนั้นยิ่งไปก่อนก็ยิ่งดีต่อตัวเจ้า”
“ไม่เอา! ข้าไม่อยากไป!” อูเจวี๋ยเอาแต่ใจ “อุตส่าห์หาวิธีไล่หมอนั่นไปได้แล้วแท้ๆ ข้าอยากอยู่ด้วยกันกับพี่สาวสองต่อสอง!”
“ข้าไม่ได้ถามความเห็นของท่าน ข้าแค่แจ้งให้ท่านรู้เท่านั้น” ม่อหลีกล่าวอย่างไร้อารมณ์โดยไม่ไว้หน้านายน้อยของนางแม้แต่น้อย
“ข้าจะไปคุยกับท่านพ่อ!” อูเจวี๋ยไม่พอใจ
“ฮะๆ” ม่อหลีหัวโดยไม่ยิ้ม
แต่นอนว่าอูเจวี๋ยคัดค้านไม่สำเร็จ สามวันต่อมาชื่อของเขาได้ปรากฏอยู่ในรายชื่อของตำแหน่งทั้งสิบ
สิบคนที่ว่ามีหลิงฮัน ม่อหลี อูเจวี๋ย ฉื้อหวงจี่่และศิษย์พรสวรรค์อีกหกคน อันที่จริงม่อหลีไม่ได้ผลประโยชน์หุบเขามหาสมุทรมังกรมากเท่าไหร่ นางมีหน้าที่เป็นคนคุ้มกันให้กับศิษย์น้องทั้งเจ็ดคนเท่านั้น
หลิงฮันถูกใครหลายคนไม่ชอบหน้าเนื่องจากว่าเขาเป็นแค่คนนอกแท้ๆแต่กลับแย่งชิงตำแหน่งเข้าร่วมหุบเขามหาสมุทรมังกรไปทั้งๆที่ศิษย์จำนวนมากพยายามอย่างหนักหลายปีเพื่อให้ได้มา
ต่อให้เป็นแค่หนึ่งศิษย์ แต่เขาก็ยังเป็นคนนอกอยู่ดี!
แต่เรื่องนี้เป็นสิ่งที่จ้าวอสูรขวงล่วนตัดสินใจด้วยตัวเองจึงไม่มีใครกล้าตั้งคำถามใดๆ
การเดินทางในครั้งนี้จ้าวอสูรขวงล่วนเป็นคนนำทุกคนออกเดินทางด้วยเหตุผลที่ว่าหากใช้ยานเหาะดาราจะใช้เวลานานเกินไป
คลื่นแสงแห่งเต๋าสีทองปรากฏออกมาโอบล้อมทั้งสิบคน จ้าวอสูรขวงล่วนสะบัดแขนเสื้อนำพาพวกเขาขึ้นสู่ห้วงอวกาศ
ครั้งนี้ระยะการเดินทางไกลมาก ผ่านไปสิบเจ็ดวันพวกเขาได้มาถึงดวงดาวอันรกร้างดวงหนึ่ง ดาวดวงนี้เป็นดาวที่ตายแล้วเนื่องจากสัมผัสไม่ได้ถึงพลังวิญญาณหรือสิ่งมีชีวิตใดๆ
ณ เวลานี้มีจ้าวอสูรมากกว่าหนึ่งคนมาถึงที่ก่อนแล้ว พวกเขาแต่ละคนไม่ว่าใครก็ล้วนมีพลังที่แข็งแกร่งราวกับเป็นจุดศูนย์กลางของจักรวาล
จ้าวอสูรขวงล่วนทักทายจ้าวอสูรคนอื่นๆโดยปล่อยให้เหล่ารุ่นเยาว์ทำความรู้จักกันเอง
“ม่อหลี พวกเราไม่ได้พบเจอกันนานเท่าไหร่แล้ว?” ชายคนหนึ่งก้าวเดินเข้ามา เขาเป็นรุ่นเยาว์ที่สมควรมีอายุไม่เกินสิบล้านปีแต่กลับมีพลังบ่มเพาะสูงถึงระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุด
ม่อหลีมองไปที่อีกฝ่ายอย่างไร้อารมณ์ก่อนจะพยักหน้าทักทาย
“เจ้ากับข้าปะทะกันเจ็ดครั้ง เจ้าเป็นฝ่ายชนะสี่ส่วนข้าชนะสาม ข้าว่าเราควรมีการปะทะครั้งที่แปดกันได้แล้วเพื่อที่จะได้เสมอกันสี่ต่อส่อ!” ชายคนนั้นกล่าวด้วยใบหน้ามั่นใจ
การที่สามารถสู้กับม่อหลีได้ถึงเจ็ดครั้ง ชายคนนี้ถือว่าทรงพลังอย่างแท้จริง
“หมอนั่นมีชื่อว่าจูป้า แต่พวกเราเรียกเขาว่าเจ้าหมูป้า (คำว่าหมูอ่านออกเรียกคล้ายจู)” อูเจวี๋ยกล่าวอธิบาย “เห็นว่าหลังครั้งแรกที่หมอนั่นพ่ายแพ้ให้กับม่อหลีเขาก็ไล่ตามขอท้าประลองม่อหลีอยู่ตลอด แต่นอกจากเขาแล้วก็ไม่มีใครอื่นที่สามารถปะทะกับม่อหลีได้มากขนาดนั้น”
อูเจวี๋ยยืนยิ่งเฉย นางไม่เผยทั้งท่าทีอยากสู้หรือท่าทางปฏิเสธการต่อสู้
ผ่านไปอีกไม่กี่วันจ้าวอสูรคนอื่นๆก็มาถึง คลื่นแสงแห่งเต๋าสีทองส่องประกายไปทั่วบริเวณเนื่องจากแต่ละคนได้พาศิษย์หรือไม่ก็คนของตนเองมาด้วย จ้าวอสูรป้าเจี้ยนเองก็มาเช่นกัน ข้างกายเขามีจูเซวียนยืนอยู่กับศิษย์อีกเก้าคน
เมื่อจูเซวียนเห็นหลิงฮันนางก็แสดงท่าทีประหลาดใจออกมาอย่าปิดไม่มิด แต่พอชำเลืองไปเป็นอูเจวี๋ยนางก็รีบหันหน้าหนี
เมื่อมาถึงหนึ่งวันก่อนที่หุบเขามหาสมุทรมังกรจะเปิด จ้าวอสูรทุกคนก็มาถึง มีคำกล่าวว่าหุบเขามหาสมุทรมังกรนั้นมีพลังลึกลับบางอย่างอยู่ภายใน ทุกครั้งที่มันเปิดออกจ้าวอสูรทุกคนจะทำได้เพียงนั่งมองอยู่ภายนอก
ในดินแดนใต้พิภพ จ้าวอสูรเองก็ถูกแบ่งออกเป็นสี่ระดับ สวรรค์ ปฐพี ทมิฬและเหลือง จ้าวอสูรสวรรค์เทียบกับได้ราชาเซียนในขณะที่จ้าวอสูรระดับเหลืองนั้นเทียบได้กับเซียนระดับต้น
จ้าวอสูรขวงล่วนและจ้าวอสูรคนอื่นๆในที่นี่คือจ้าวอสูรระดับเหลือง พวกเขาไม่สามารถเข้าไปยังหุบเขามหาสมุทรมังกรได้เนื่องจากจะไปกระตุ้นพลังลึกลับภายในหุบเขามหาสมุทรมังกร ในอดีตมีจ้าวอสูรเคยเข้าไปและตกตายทำให้ไม่มีจ้าวอสูรคนไหนกล้าเข้าไป
แต่หากเป็นจอมยุทธที่มีระดับพลังต่ำกว่าเจ้าอสูรนั่นสามารถเข้าไปได้โดยไม่กระตุ้นให้พลังลึกลับทำงานราวกับว่าพลังนั่นคร้านจะแยแสจอมยุทธที่อ่อนแอ
จ้าวอสูรที่อยู่ที่นี่มีทั้งหมดสิบเจ็ดคนและมีผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมอีกหนึ่งร้อยเจ็ดสิบคน บางคนเป็นจอมยุทธที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนานอย่างม่อหลี บางคนเป็นจอมยุทธหน้าใหม่อย่างอูเจวี๋ยที่อายุเพียงร้อยกว่าปี เปรียบกับคนอื่นแล้วเขาก็คือเด็กน้อยนั่นเอง
หนึ่งวันสุดท้ายผ่านไป เมื่อดวงตะวันล่องลอยขึ้นสู่ขอบฟ้า เกิดเสียงดังสนั่นลั่นฟ้าพร้อมเขายอดเขาได้ปรากฏออกมาจากพื้นดินของดวงดาว ที่น่าตกตะลึงคือรอบภูเขานั่นถูกล้อมรอบไปด้วยสมาสมุทรอันกว้างใหญ่ที่ลอยอยู่กลางอากาศ แม้แต่น้ำสักหยดก็ไม่ร่วงลงสู่พื้นดิน
ภูเขานั้นไม่สูงมาก ยอดของมันสูงแค่ร้อยฟุตเท่านั้น มหาสมุทรเองก็ไม่กว้างใหญ่เท่าไหร่แต่หากก้าวเท้าเข้าไป อำนาจกฎเกณฑ์แห่งสวรรค์และปฐพีที่พิเศษของมันจะทำให้ภูเขามีขนาดสูงเสียดและมหาสมุทรจะกว้างใหญ่ไร้จุดสิ้นสุด
มีคำกล่าวว่าแค่การก้าวผ่านมหาสมุทรเพียงอย่างเดียวก็ทำให้จอมยุทธกว่าเก้าในสิบส่วนยอมแพ้แล้ว ยิ่งกว่านั้นคนอื่นที่เหลืออยู่ก็ไม่มีใครเลยที่สามารถขึ้นไปถึงยอดเขาได้สำเร็จ
จากด้านนอกจะพบเห็นว่ามีตำหนักตั้งอยู่บนยอดภูเขา ทั่วทั้งตำหนักเป็นสีฟ้าใสโดยสามารถมองเห็นรูปปั้นมังกรแท้จริงได้อย่างเรือนราง ชื่อของหุบเขามหาสมุทรมังกรก็ถูกตั้งจากสิ่งนี้เอง
หุบเขามหาสมุทรมังกรคือเขตแดนลี้ลับที่ดูเหมือนจะเข้าไปจากทุกทิศทาง แต่ความจริงแล้วไม่ใช่แบบนั้น รอบภูเขาและมหาสมุทรที่กำแพงที่มองไม่เก็นขวางกั้นอยู่
การเข้าไปต้องเข้าผ่านทางเข้าหลักเท่านั้น
“รีบเข้าไป พวกเจ้าทุกคนมีเวลาเพียงแค่สามปีเท่านั้น” จ้าวอสูรคนหนึ่งกล่าว
ทุกคนกำลังจะก้าวเข้าสู่ทางเข้า แต่ทันใดนั้นเองคลื่นแสงแห่งเต๋าสีทองก็พุ่งเข้ามา ‘พรึบ’ คนหกคนปรากฏตัวออกมาจากแสงแห่งเต๋า
หนึ่งเป็นชายชราที่มีรูปลักษณ์อยู่ในวันหกสิบถึงเจ็บสิบปีในขณะที่คนอื่นๆเป็นรุ่นเยาว์ทั้งหมด
เจ้าอสูรทั้งสิบเจ็ดชะงัก พวกเขาเป็นผู้ปกครองเขตดวงดาวระแวกนี้ แน่นอนว่าต้องรู้จักปรมาจารย์ทุกคนเป็นอย่างดี แต่สำหรับชายชราผู้นี้พวกเขาไม่คุ้นหน้าแม้แต่น้อย
แต่ที่แน่ใจคือ อีกฝ่ายเป็นจ้าวอสูรระดับเหลืองเหมือนพวกเขาไม่ผิดแน่
“ช่างโชคดีอะไรอย่างนี้ ระหว่างทางไม่คาดคิดว่าจะพบเจอกับซากโบราณสถานลึกลับ” จ้าวอสูรที่เพิ่งปรากฏตัวกล่าว “เรื่องบังอัญก็เปรียบเสมือนเจตจำนงของสวรรค์ พวกเจ้าจงเข้าไปแสวงหาวาสนาของพวกเจ้าซะ”
“ขอรับผู้อาวุโสหก!” รุ่นเยาว์ทั้งห้าพยักหน้าด้วยความเคารพ
“ช้าก่อน!” จ้าวอสูรขวงล่วนกล่าว “สหาย เจ้าไม่อาจทำตามอำเภอใจ!”