Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1560
หลิงฮันกล่าว “อะไรที่เจ้าต้องการ?”
“ศิลากำเนิดความสับสนวุ่นวาย” หอคอยน้อยกล่าว
สิ่งนี้อีกแล้วรึ
หลิงฮันพยักหน้าและกล่าว “หากมีโอกาสข้าจะเอามาให้”
“ไม่ใช่ว่าหากมีโอกาส แต่เจ้าต้องเอามาให้ได้!” หอคอยน้อยกล่าวเสียงแข็ง “ศิลากำเนิดความสับสนวุ่นวายชิ้นนี้ก้อนใหญ่มาก แม้จะอยู่ห่างไกลข้าก็ยังสัมผัสได้ถึงอำนาจของมัน หากข้าได้ดูดซับพลังงานของมันย่อมเป็นผลดีต่อการซ่อมแซมหอคอยทมิฬ”
หลิงฮันครุ่นคิดครู่หนึ่งและกล่าว “มันใหญ่ขนาดไหน?”
“แค่ได้มันมาก้อนเดียวก็มีโอกาสที่จะเติมเต็มพลังได้มหาศาล” หอคอยน้อยกล่าว
ดวงตาของหลิงฮันส่องประกาย “พลังที่ว่าจะแข็งแกร่งมากแค่ไหน?”
“สามารถบดขยี้ทุกชีวิตที่ระดับพลังต่ำกว่าราชานิรันดร์!”
ฮึ่ม!
หลิงฮันสูดหายใจตกตะลึง แม้เขาจะไม่รู้ว่าราชานิรันดร์จัดอยู่ในระดับพลังที่สูงขนาดไหนในดินแดนแห่งเซียน แต่การจะถูกเรียกว่า ‘ราชา’ ในดินแดนแห่งเซียนได้นั้นหากไม่ใช้ระดับพลังที่แข็งแกร่งมากจะกล้าตั้งชื่อระดับเช่นนี้?
“ตกลง ข้าจะนำมันมาให้เจ้าให้ได้!” เขาตัดสินใจพยายามสุดความสามารถ “แล้วมันอยู่ที่ไหน?”
“ด้านบนสุดของยอดเขาในมหาสมุทร”
หลิงฮันต้องจ้องมองไปบนท้องฟ้า จากภายนอกภูเขามีความสูงเพียงแค่ไม่กี่ร้อยฟุตเท่านั้น แต่ตอนนี้ภูเขาที่ว่ากลับมีความสูงทะลุท้องฟ้าราวกับไม่มีจุดสิ้นสุด
“เจ้าโง่ รีบไปกันได้แล้ว!” อูเจวี๋ยกล่าวเร่ง
หลิงฮันหันมองและพบว่าม่อหลีกำลังจะนำพาสหายที่มาด้วยกันข้าวผ่านมหาสมุทร ไม่ใช่แค่พวกเขาแต่คนอื่นๆเองก็กำลังจะข้ามมหาสมุทรเช่นกัน กลุ่มคนสิบคนนำอุปกรณ์เหาะเหินออกมาอย่างเช่นเรือเหาะ ใบบัวเหินอากาศหรืออุปกรณ์ต่างๆที่สามารถบินได้บนท้องฟ้าไม่ใช่แล่นบนน้ำ
เขาเดินเข้าไปหาม่อหลี ทันใดนั้นเรือเหาะที่มีคนสิบคนนั่งอยู่ก็เหาะเหินขึ้นสู่อากาศด้วยความเร็วสูง สายลมที่พัดกระทบร่างของพวกเขานั้นรุนแรงรางและคมกริบราวกับกระบี่
แต่ยังดีที่หากทุกคนโคจรปราณก่อเกิดคุ้มร่างกายกันเป็นโล่เอาไว้ สายลมที่พัดเข้ามาก็ไม่ใช่ภัยคุกคามที่ร้ายแรงอะไร
หลิงฮันมีท่าทีไม่แยแสแต่สายลมที่ว่าแม้แต่น้อย กายหยาบของเขาไร้เทียมทาน สายลมที่คมราวกับกระบี่ไม่สามารถทำอะไรเขาได้แม้แต่น้อย
อุปกรณ์บินมากมายเหาะผ่านชั้นอากาศ เหล่าศิษย์หรือคนของจ้าวอสูรทั้งสิบเจ็ดเคลื่อนที่เป็นแนวระนาบเดียวกันโดยไม่มีใครนำหน้า
ทุกอย่างดำเนินไปอย่างสงบสุข ถึงแม้มหาสมุทรจะมีขนาดกว้างใหญ่ไพศาลแต่หากเคลื่อนที่ไปแบบนี้เรื่อยๆ ในเวลาไม่กี่เดือนพวกเขากึงไปถึงจุดสิ้นสุดของมหาสมุทรได้
ชั่วโมงหนึ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว ถึงแม้จะมีน้ำมหาสมุทรสาดขึ้นมาใส่บ้างบางครั้งแต่สถานการณ์โดยรวมก็ยังถือว่าสงบนิ่งดี
“หืม?”
หลิงฮันเปิดตากว้างก่อนจะลุกขึ้นยืน เขามองเห็นเส้นสีขาวบางอย่างกำลังพุ่งเข้ามาใกล้ด้วยความเร็วสูง
“เจ้าโง่ จะทำตัวเอะอะไปทำไม?” อูเจวี๋ยกล่าวและมองไปยังหลิงฮันอย่างไม่สบอารมณ์
“คลื่นกำลังมา!” ใบหน้าม่อหลีเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม “เตรียมพร้อมรับแรงต้านด้วยกัน!”
นอกจากหลิงฮันกับอูเจวี๋ยแล้ว คนอื่นๆมีสีหน้าจริงจังทันที พวกเขารู้ดีว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น
หลิงฮันไม่กล้าประมาท ในเขตแดนลี้ลับนั้นหากเผลอตัวย่อมเปรียบเสมือนการแส่หาความตาย
เส้นสีขาวใกล้เข้ามาเรื่อยๆจนหลิงันสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน มันคือคลื่นมหาสมุทรจริงๆ แต่ความรุนแรงของคลื่นนั้นน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก ตัวคลื่นมีความสูงถึงหนึ่งพันฟุต มันถาโถมเข้ามาราวกับเป็นภูเขาขนาดมหึมา
“ควบคุมเรือเหาะให้ลอยสูงกว่าพันฟุตไม่ได้รึ?” หลิงฮันถาม เนื่องจากไม่ใช่แค่อุปกรณ์บินของพวกเขาเท่านั้น แต่อุปกรณ์บินของคนอื่นเองก็ไม่ลอยสูงขึ้นไปกว่านี้เช่นกัน
“ไม่ได้!” โม่หลีส่ายหัว “เหนือขึ้นไปพันฟุตสายลมที่พัดกระทบจะรุนแรงมาก อุปกรณ์บินที่ลอยอยู่จะถูกบดขยี้ทันที”
ครืนนน!
คลื่นยักษ์เคลื่อนที่เร็วมาก พริบตาเดียวก็สามารถได้ยินเสียงอันทรงพลังของมัน
“เตรียมพร้อม!” โม่หลีตะโกน ทุกคนบนเรือเหาะกระตุ้นอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์จนถึงขีดจำกัด
‘ตูม’ คลื่นยักษ์ถาโถมเข้าใส่เรือเหาะจนเกิดเสียงกระทบที่รุนแรง ‘พรึบ’ จอมยุทธสามคนถูกแรงดันพลักลอยออกจากเรือเหาะ หลิงฮันรีบคว้าฝืนดึงร่างของทั้งสามคนกลับมา
‘ตูม ตูม ตูม ตูม’ เรือเหาะไม่ได้มีกำแพงป้องกัน ทุกคนต่างถูกคลื่นอันรุนแรงกระหน่ำเข้าใส่ มีหลายคนที่โล่ปราณก่อเกิดสลายไปทันที ใบหน้าของพวกเขาซีดเผือดและกระอักโลหิตออกมา
เพียงแต่ว่าถึงแม้คลื่นยักษ์จะรุนแรงมหาศาล แต่พริบตาเดียวมันก็เคลื่อนที่ผ่านไป
อูเจวี๋ยและคนอื่นๆทรุดตัวลงกับพื้นเรือ เด็กน้อยอูเจวี๋ยนั้นมีสภาพปกติไร้บาดแผลใดๆ หลิงฮันมองเห็นประแสงสีขาวบนหน้าอกของอีกฝ่าย สิ่งนั้นสมควรเป็นสมบัติที่ช่วยป้องกันพลังของคลื่นยักษ์
เพียงแต่คนอื่นๆไม่ได้โชคดีมีสมบัติเช่นนี้ มีหลายคนที่กระดูกแตกหัก พวกเขาร้องโอดครวญด้วยใบหน้าซีดขาว
“ไม่ดีแน่!” สีหน้าของม่อหลีเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม ใบหน้าที่ไร้อารมณ์ไม่เคยเปลี่ยนแปลงของนางขมวดคิ้ว “คราวนี้พวกเราโชคร้ายมาก คลื่นมหาสมุทรที่พบเจอดันเป็นคลื่นที่รุนแรงที่สุด!”
“งั้นข้าขอตัวกลับไปก่อนแล้วกัน ส่วนพวกเจ้าเชิญตามสบาย!” อูเจวี๋ยกล่าวทันที เขายังไม่เลิกล้มความคิดที่จะโน้มน้าวสตรีนกอมตะให้หลิงฮันดูแย่ เพียงแต่เรื่องที่เขาไม่รู้เลยคือสตรีนกอมตะนั้นอยู่กับหลิงฮันตลอดเวลา
ม่อหลีเค้นเสียง “เมื่อเข้ามาในเขตแดนลี้ลับแห่งนี้แล้วจะไม่สามารถกลับออกไปได้จนกว่าจะครบสามปี”
“ว่าไงนะ!” อูเจวี๋ยนั่งลงกับพื้นและอย่างจะร้องไห้ออกมาดังๆ
หลิงฮันส่ายหัว เขาไร้คำพูดกับเด็กน้อยคนนี้จริงๆ เขาหันไปถามม่อหลี “คลื่นยักษ์นั่นคืออะไร?”
“ในอดีต เจ้าอสูรที่เข้ามาที่นี่ได้คาดการณ์ไว้ว่าได้มีตัวตนที่ทรงอำนาจผู้หนึ่งตกตายอยู่ใต้มหาสมุทรแห่งนี้ เพราะงั้นมหาสมุทรถึงได้มีคลื่นยักษ์เกิดขึ้นมา เหตุผลที่คลื่นยักษ์มีพลังที่รุนแรงอาจเป็นเพราะมันมีเศษเสี้ยวอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ที่ตัวตนทรงอำนาจผู้นั้นทิ้งเอาไว้” ม่อหลีกล่าว
“พวกเราที่เพิ่งข้ามผ่านมหาสมุทรมาได้ไม่นานนั้น พลังคลื่นยักษ์จึงสมควรเป็นคลื่นที่มีขนาดเล็กสุดก่อน จากประสบการณ์ที่ข้าเคยพบเจอ คลื่นยักษ์ที่มีความสูงเหมือนเมื่อครู่จะพบก็ต่อเมื่อข้ามผ่านมหาสมุทรไปครึ่งทางแล้วเท่านั้น ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าคลื่นยักษ์ที่พวกเราจะพบเจอในครั้งนี้เป็นคลื่นยักษ์ที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา…”
ฉื้อหวงจี่่และคนอื่นๆมีสีหน้ามืดมน การจะได้สิทธิ์เข้าร่วมหุบเขามหาสมุทรมังกรนั้นไม่ได้ได้รับมาง่ายๆ แต่ช่างโชคร้ายที่พวกเขาต้องพบเจอกับคลื่นยักษ์ที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์
“เดินหน้าต่อก่อนคลื่นยักษ์ระลอกต่อไปจะมา!” ม่อหลีกล่าว “แม้คลื่นยักษ์จะรุนแรง แต่อำนาจแห่งกฎเกณฑ์จะหล่อเลี้ยงสภาพแวดล้อมจนให้กำเนิดสมบัติล้ำค่า ครั้งที่แล้วที่ข้าเข้ามาข้าพบเห็นต้นไผ่ศักดิ์สิทธิ์เก้าท่อนกำลังจะให้กำเนิดผล เท่าที่คาดการณ์ไว้คงเป็นครั้งนี้พอดีที่ผลของมันจะเติบโตสมบูรณ์เต็มที่”
ต้นไผ่ศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ให้กำเนิดผลง่ายๆ เมื่อใดที่มันให้กำเนิดผลหมายถึงพลังชีวิตของมันได้มาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว ต้นไผ่ศักดิ์สิทธิ์จะถ่ายเทพลังชีวิตทั้งหมดของมันเข้าไปในผลที่สุกงอม
ต้นไผ่ศักดิ์สิทธิ์คือสมุนไพรล้ำค่าที่แม้แต่จ้าวอสูรหรือเซียนก็ต้องหวั่นไหว