Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1573
โอวหยางไท่ซานยิ้ม “หนุ่มน้อย เจ้ารู้วิธีการเข้าสู่ดินแดนแห่งเซียน?”
“ผสานอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ให้เป็นหนึ่งและเปิดเส้นทางสู่ดินแดนแห่งเซียน” หลิงฮันกล่าวตอบ
โอวหยางไท่ซานพยักหน้าและกล่าว “พูดน่ะง่ายแต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีแม้แต่คนเดียวที่ทำสำเร็จเนื่องจากการผสานอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ทั้งสองนั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจเป็นไปได้”
หลิงฮันนิ่งเงียบ อีกฝ่ายก็รู้ไม่ใช่รึว่าเขาทำสำเร็จแล้ว? แต่ก็พูดก็พูด พลังบ่มเพาะของเขาในตอนนี้ยังไม่บรรลุระดับสร้างสรรพสิ่ง อำนาจแห่งกฎเกณฑ์จึงยังง่ายต่อการทำความเข้าใจ แต่หลังจากทะลวงผ่านเป็นเซียนแล้วเขาจะยังทำได้อยู่รึเปล่า?
“แต่เจ้าเป็นข้อยกเว้น ข้าถึงได้มาที่นี่เพื่อพบเจ้าด้วยตัวเอง” โอวหยางไท่ซานกล่าวต่อ
อันที่จริงไม่ใช่แค่เขาคนเดียว จักรพรรดินีเองก็สามารถผสานอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ทั้งสองได้เช่นกัน แต่สำหรับสตรีนกอมตะ อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของนางถูกแทนที่ด้วยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของดินแดนใต้พิภพโดยที่ไม่สามารถจดจำอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้
หรือเป็นเพราะจักรพรรดินีมีแก่นกำเนิดนิรันดร์?
“หนุ่มน้อย ข้าจะบอกความลับอะไรบางอย่างให้” โอวหยางไท่ซานเปิดประเด็น “ในอดีตที่ไม่รู้ว่าผ่านมานานเท่าใดแล้ว ดินแดนศักดิ์สิทธิ์กับดินแดนใต้พิภพเคยเป็นหนึ่งเดียวกัน”
ว่าไงนะ!
หลิงฮันดวงตาเปิดกว้างราวกับจะถลนออกมา
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์กับดินแดนใต้พิภพเคยเป็นหนึ่งเดียวกัน?
แต่จะว่าไป หอคอยน้อยก็เคยบอกเหมือนกันว่าดินแดนแห่งเซียนไม่ใช่ดินแดนที่อยู่สูงไปกว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์แต่เป็นส่วนหนึ่งของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่ความพิเศษที่แตกต่างออกไปก็คือดินแดนแห่งเซียนนั้นมีอำนาจกฎเกณฑ์ที่สมบูรณ์ไม่แบ่งแยก
หรือแท้จริงแล้วดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะถูกแบ่งจากหนึ่งสวนเป็นสามส่วน โดยดินแดนที่คงสภาพดั้งเดิมเอาไว้คือดินแดนแห่งเซียน ในขณะที่อีกสองส่วนที่อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ถูกแบ่งแยกคือดินแดนศักดิ์สิทธิ์และดินแดนใต้พิภพ
“ดินแดนอันเป็นหนึ่งเดียวนั่นถูกเรียกว่าโลกบรรพกาล” โอวหยางไท่ซานกล่าวต่อ “ในยุคสมัยของโลกบรรพกาล ดินแดนแห่งเซียนคือสถานที่พิเศษที่มีเพียงหลังจากบรรลุเป็นเซียนระดับสูงหรือจ้าวอสูรปฐพีแล้วเท่านั้นถึงจะเข้าไปได้”
“แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด วันหนึ่งดินแดนแห่งเซียนได้เกิดมหาโศกนาฏกรรมจนโลกบรรพกาลเกิดการเปลี่ยนแปลงและแบ่งแยกดินแดนศักดิ์สิทธิ์และดินแดนใต้พิภพออกมา”
“เจ้าอาจจะรู้ว่าเป็นเพราะมหาโศกนาฏกรรมของดินแดนแห่งเซียน ขุมอำนาจจำนวนหนึ่งได้หลบหนีหรือถูกขับไล่ออกมาและสูญเสียชีวิตอันเป็นนิรันดร์”
“ปัจจุบันนี้เมื่อโลกบรรพกาลแยกออกเป็นสองดินแดนและมีอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ที่ตรงกันข้าม จอมยุทธทุกคนจึงหมดสิทธิ์เข้าสู่ดินแดนแห่งเซียน”
“มีเพียงวิธีการเดียวเท่านั้นที่จะเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ได้!”
แววตาของโอวหยางไท่ซานเปลี่ยนเป็นเร่าร้อน “ต้องผสานดินแดนศักดิ์สิทธิ์และดินแดนใต้พิภพให้เป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อสร้างโลกบรรพกาลขึ้นมาอีกครั้ง!”
ชะ… ช่างเป็นความทะเยอทะยานที่สูงส่งนัก!
หลิงฮันตกตะลึง ที่แท้ความหมายของชื่อพันธมิตรทลายสวรรค์ก็คือสิ่งนี้นี่เอง พวกเขาไม่ได้ต้องการต่อต้านสวรรค์และปฐพี แต่พวกเขาต้องการทำลายกำแพงระหว่างสวรรค์และปฐพีของดินแดนทั้งสองเพื่อผสานรวมกันเป็นหนึ่งเดียว
แต่เรื่องเช่นนั้นจะทำสำเร็จได้จริงรึ?
โอวหยางไท่ซานราวกับรู้ว่าหลิงฮันกำลังสงสัยอะไร “สวรรค์และปฐพีของสองดินแดนเคยเป็นหนึ่งเดียวกันมาก่อนแน่นอนว่าต้องผสานกลับคืนได้”
“การจะให้ดินแดนทั้งสองผสานรวมเข้าด้วยกันเองนั้นอาจจะต้องใช้เวลาหลายพันล้านถึงล้านล้านปี” โอวหยางไท่ซานกล่าว “พวกเราทำได้เพียงแค่รอคอย หากเร่งเวลาให้เร็วเกินไปก็มีแต่จะทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ลง ทว่าเมื่อเจ้าปรากฏตัวทุกอย่างเลยเปลี่ยนไป”
“เจ้าสามารถใช้ตัวเองเป็นแกนกลางสำหรับผสานอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของทั้งสองดินแดนให้เป็นหนึ่งเดียว เมื่อทำเช่นนี้ความเร็วที่ดินแดนทั้งสองจะกลับมารวมกันก็จะรวดเร็วขึ้นหลายล้านเท่า”
โอวหยางไท่ซานจ้องมองหลิงฮันด้วยแววตาคาดหวัง “ข้าต้องการเชิญชวนเจ้าเข้าร่วมกับพันธมิตรทลายสวรรค์ ขอเพียงแค่เจ้าพยักหน้าตอบตกลงเจ้าจะกลายเป็นผู้อาวุโสคนที่สิบเจ็ดของพันธมิตรทันที ข้าขอรับประกันเลยว่าทรัพยากรทุกอย่างจะใช้เพื่อฝึกฝนเจ้า”
‘ฮึ่ม’ โก้วลี่สูดหายใจลึก ผู้อาวุโสสิบเจ็ด! ช่างเป็นเกียรติยศที่ยิ่งใหญ่อะไรป่านนั้น!
ผู้อาวุโสทั้งสิบหกคนของพันธมิตรทลายสวรรค์ในตอนนี้คือใครบ้าง?
พวกเขาทั้งหมดล้วนแต่เป็นจ้าวอสูรสวรรค์หรือไม่ก็ราชาเซียนทั้งนั้น ไม่ว่าผู้อาวุโสคนไหนก็ล้วนแต่ยืนอยู่บนจุดสูงสุด
ยิ่งว่านั้นเลขลำดับของผู้อาวุโสก็ไม่ใช่ระดับความยิ่งใหญ่ กล่าวคือหากหลิงฮันกลายเป็นผู้อาวุโสสิบเจ็ด อำนาจของเขาก็จะไม่ต่ำชั้นกว่าผู้อาวุโสหนึ่ง ผู้อาวุโสสองหรือผู้อาวุโสเก้า
ต่อให้เป็นจอมยุทธที่เพิ่งทะลวงผ่านบรรลุเป็นจ้าวอสูรหรือราชาเซียนก็ไม่มีคุณสมบัติได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้อาวุโส ทว่าตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นกลับจะถูกแต่งตั้งให้กับจอมยุทธที่อ่อนแออย่างระดับวารีนิรันดร์ขั้นกลาง
แต่จะกล่าวโทษใครก็ไม่ได้ ใครใช้ให้หลิงฮันผิดมนุษย์มนากว่าคนอื่นล่ะ?
นอกจากเขาแล้วก็ไม่มีใครอื่นที่สามารถผสานอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของทั้งสองได้สำเร็จ!
หลิงฮันครุ่นคิดและกล่าว “ขอเอ่ยถามผู้อาวุโส ในพันธมิตรมีใครบ้างที่เข้าร่วม?”
ฟังจากที่อีกฝ่ายพูดแล้ว พันธมิตรที่ว่าจะต้องเป็นการรวมกลุ่มกันของขุมอำนาจที่ทรงพลังจากทั้งสองดินแดนไม่ผิดแน่ หากดินแดนต้องห้ามแปดศิลาก็อยู่ในพันธมิตรด้วยเรื่องก็คงไม่ง่ายอย่างที่คิด
โอวหยางไท่ซานกล่าวชื่อผู้อาวุโสและชื่อของดินแดนต้องห้ามออกมาทีละชื่อ การที่จะรับรู้ถึงดินแดนแห่งเซียนได้พวกเขาล้วนแต่เป็นทายาทของจอมยุทธที่หลบหนีหรือไม่ก็ถูกขับไล่ออกมา หนึ่งในนั้นมีจอมยุทธที่แซ่ฮูอยู่ด้วย เขาคือผู้นำของดินแดนต้องห้ามแปดศิลา
ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ที่ดินแดนต้องห้ามแปดศิลาที่เป็นขุมอำนาจที่ทรงพลังจะร่วมอยู่ในพันธมิตรด้วย แต่ที่น่าแปลกคือไม่มีชื่อของตระกูลถังแห่งดินแดนต้องห้ามตงชาง
“เฒ่าถังนั้นขี้ขลาด เขาหวาดกลัวว่าหากทำการแทรกแซงอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของทั้งสองดินแดนจะถูกสวรรค์และปฐพีลงโทษจนสิ้นชีพ” โอวหยางไท่ซานกล่าวด้วยน้ำเสียงเหยียดหยามอย่างมาก
ในมุมมองของเขาเป้าหมายสูงส่งเพียงหนึ่งเดียวคือการกลับสู่ดินแดนแห่งเซียน หากไม่ใช่ดินแดนแห่งเซียนที่จะสามารถมีชีวิตอันเป็นนิรันดร์ได้ล่ะก็ พวกเขาก็ต้องทิ้งชีวิตเอาไว้ที่นี่ หากไม่ว่าอย่างไรก็ต้องตายล่ะก็พวกเขายอมสู้จนตัวตายเสียจะดีกว่า
แต่ใช่ว่าดินแดนต้องห้ามทั้งหมดจะเห็นพ้องกับเขา ผสานดินแดนทั้งสองให้กลับเป็นหนึ่งเดียวรึ? เรื่องเพ้อฝันเช่นนั้นไม่มีทางทำได้เด็ดขาด สู้พวกเขาหาทางเข้าดินแดนแห่งเซียนด้วยวิธีอื่นจะดีกว่า
แต่จะอย่างไร จนถึงตอนนี้ก็ไม่มีใครเลยสักคนที่ค้นหาวิธีอื่นได้ ไม่มีแม้คนเดียวที่สามารถเข้าไปยังดินแดนแห่งเซียนได้สำเร็จ
หลิงฮันครุ่นคิดก่อนจะส่ายหัว “รุ่นเยาว์มีความบาดหมางกับดินแดนต้องห้ามแปดศิลา”
ใบหน้าของโอวหยางไท่ซานเปลี่ยนเป็นบูดบึ้งทันใด
นี่เจ้าเป็นตัวสร้างปัญหาระดับไหนกัน?