Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1582
ทุกคนแน่นิ่งไร้คำพูด
เมื่อความมืดมิดสลายหายไปสิ่งที่พวกเขาเห็นคือร่างกายอันเต็มไปด้วยบาดแผลของเจิ้งมั่ว สามารถคาดเดาได้เลยว่าภายในความมืดเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นบ้าง
ใบหน้าของเจิ้งมั่วบูดบึ้ง เขามีท่าทีลังเลเล็กน้อยแต่สุดท้ายก็เลือกที่จะปล่อยฝ่ามือเข้าใส่หลิงฮัน
ในเมื่อถูกต้อนจนมุมจนต้องระเบิดพลังทั้งหมดออกมาเขาก็ไม่มีอะไรจะให้เสียแล้ว เขาจะบดขยี้หลิงฮันให้ได้
“ฮึ่ม!” แววตาของหลิงฮันเปลี่ยนเป็นเย็นชา หากเจิ้งมั่วรักษาสัญญาที่จะคงพลังบ่มเพาะให้เท่ากันได้ ต่อให้อีกฝ่ายจะแพ้เขาก็คงมีความประทับใจต่ออีกฝ่ายบ้าง แต่อีกฝ่ายกลับผิดสัญญาและคิดจะใช้ความได้เปรียบของระดับพลังรังแกเขา?
เจ้าทำตัวของเจ้าเอง!
‘ครืนนน’ รูปแบบอาคมสังหารทั้งสิบสองในร่างของเขาถูกกระตุ้นพร้อมกัน ออร่าอันน่าสะพรึงกลัวถูกปลดปล่อยออกมาทั่วร่าง เขายกมือขวาขึ้นและควบแน่นคลื่นแสงกระบี่ไว้ที่ปลายนิ้ว ใครก็ตามที่เห็นย่อมรู้สึกหวาดกลัวอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
เจิ้งมั่วที่ทำการจู่โจมแล้วรีบฝืนมือราวกับเห็นผี
เขามองไปยังคลื่นแสงที่มือของหลิงฮันด้วยใบหน้าที่กระตุกไม่หยุด ‘นั่นมันอะไร!”
“คลื่นแสงสังหารไร้เทียมทานที่สามารถเฉือดเฉือนได้แม้กระทั่งสวรรค์และปฐพี” หลิงฮันกล่าว
เจิ้งมั่วไม่ใช่คนโง่ เขารู้ว่าหลิงฮันกำลังหยอกล้อเขาอยู่ “ช่างโอ้อวดนัก ต่อหน้าพลังอำนาจของข้า เจ้ามีชะตะกรรมเดียวคือถูกบดขยี้”
หลิงฮันหัวเราะ “งั้นทำไมเจ้าไม่ลงมือล่ะ?”
แม้ปากของเจิ้งมั่วจะกล่าวเหยียดหยามแต่ใจจริงแล้วเขาไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย เขารู้สึกราวกับสัมผัสได้ถึงสัตว์ป่าอันน่าสะพรึงกลัวที่สามารถบดขยี้ทุกสรรพสิ่งได้จากภายในร่างกายหลิงฮัน
เจิ้งมั่วทำสีหน้าเคร่งขรึม ไม่ว่าจะยังไงเขาก็ได้เปรียบได้เรื่องของพลังบ่มเพาะอยู่ดี!
เขาปล่อยหมัดโจมตีหลิงฮันด้วยคลื่นกระแทกจากสายลม ด้วยพลังของเขาต่อให้ไม่ต้องใช้ทักษะยุทธก็ทรงพลังกว่าหลิงฮันหลายเท่า
หลิงฮันลงมือ ร่างของเขาปลดปล่อยคลื่นแสงที่สามารถสลายคลื่นปะทะของหมัดเจิ้งมั่วได้อย่างง่ายใด เขาไม่รีรอและทำการโจมตีเข้าใส่เจิ้งมั่ว
อะไรกัน!
เจิ้งมั่วรู้สึกหวาดกลัวจนขนทั่วล่างตั้งชี้ฟ้า เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่อยู่ในร่างของหลิงฮัน แต่ตอนนี้เขาได้คืนพลังบ่มเพาะกลับมายังจุดสูงสุดแล้วจะให้เขาทำเรื่องขายหน้าอย่างการหลบหลีกได้อย่างไร?
เขากัดฟันและปล่อยหมัดซ้ายเพื่อตอบโต้กับหลิงฮัน
‘ปัง’ คลื่นพลังของหมัดถูกปลดปล่อยออกไป เขายังไม่ลืมบาดแผลเก่าจึงไม่เข้าปะทะกับหลิงฮันตรงๆ
หลิงฮันพุ่งทะยานเข้าปะทะตรงๆ รูปแบบอาคมสังหารระเบิดพลังออกจนคลื่นหมัดของเจิ้งมั่วไม่อาจป้องกันได้ อีกฝ่ายถูกบังคับให้ต้องปะทะกับเขาซึ่งๆหน้า
ตูม! ตูม! ตูม!
เจิ้งมั่วไม่มีทางเลือกนอกจากต้องแลกหมัดกับหลิงฮันก่อนจะหลุดพ้นล่าถอยออกมาได้ เมื่อยกมือของตัวเองขึ้นมาดูเขาก็พบว่ามือซ้ายของตนเองถูกปกคลุมไปด้วยบาดโลหิต รูปแบบอาคมสังหารน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก ต่อให้เจิ้งมั่วจะใช้ปราณก่อเกิดคลุมหมัดเอาไว้ก็ไร้ประโยชน์
ทุกคนตกตะลึง ก่อนหน้านี้แขนขวาของเจิ้งมั่วก็แตกหัก คราวนี้ถึงแม้มือซ้ายจะยังไม่ถึงกระดูกหักแต่ก็ไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีนัก กล่าวได้ว่าเขาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้การปะทะอีกครั้ง
พวกเขาเห็นชัดเจนว่าหลิงฮันไม่ได้ใช้สมบัติใดๆ!
พลังของคนนอกผู้นี้ช่างน่าอัศจรรย์นัก!
แม้แต่ราชารุ่นเยาว์ที่ขัดเกลาดวงดาวได้สองล้านดวงก็ไม่อาจเทียบเคียง เกรงว่าคงมีแค่ราชาที่ขัดเกลาดวงดาวเกินสามล้านดวงเท่านั้นถึงจะมีคุณสมบัติพอจะกำราบหลิงฮัน หรือก็คือมีเพียงจางถิง เย่เฉวียน หลิวตังและจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งเท่านั้นที่สามารถเอาชนะเอาได้
แต่ปัญหาคือพลังบ่มเพาะของหลิงฮันยังอยู่แค่ระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงเท่านั้น หากเขาบรรลุขั้นสมบูรณ์เมื่อไหร่บางทีเขาอาจจะต่อกรได้แม้แต่จ้าวอสูร?
หลิงฮันรู้สึกว่าตัวเองโชคร้ายมาก เขาไม่เคยไปล่วงเกินใครก่อนแท้ๆเหตุใดถึงมักตกเป็นเป้าหมายตลอด?
ตูม ตูม ตูม ตูม เขากระหน่ำปล่อยหมัดออกไปราวกับห่าฝน
เจิ้งมั่วไม่ยินยอมรับความพ่ายแพ้ หากเขาเป็นฝ่ายยอมแพ้ให้กับจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงเขาจะยังมีหน้าไปพบใครได้อีก?
ผลลัพธ์คือการปะทะยิ่งทำให้เขาได้รับบาดเจ็บมากขึ้นและสาหัสกว่าเดิม
สุดท้ายเขาก็ถูกต้อนให้ต้องกระตุ้นใช้งานเกราะดำทมิฬ โล่พลังที่ถูกสร้างขึ้นสามารถป้องกันการโจมตีของหลิงฮันเอาไว้ได้ เกราะชิ้นนี้เป็นอุปกรณ์อสูร หนึ่งในสมบัติของตระกูลเจิ้ง เนื่องจากพรสวรรค์อันโดดเด่นเขาจึงได้รับมอบสมบัติชิ้นนี้มาเพื่อใช้คุ้มกันชีวิต
เขาอยู่ห่างจากระดับสร้างสรรพสิ่งอีกเพียงก้าวเดียวจึงสามารถกระตุ้นพลังของเกราะได้เกือบเต็มสิบส่วน อย่างน้อยพลังทำลายที่ต่ำกว่าของจ้าวอสูรก็ไม่สามารถทำลายการป้องกันของเกราะได้
ในที่สุดทั้งสองก็ปะทะกันได้อย่างสูสีเนื่องจากพลังป้องกันของหลิงฮันเองก็ไร้เทียมทานในระดับวารีนิรันดร์ ไม่มีใครสามารถทำให้เขาบาดเจ็บได้
แต่ทุกคนต่างรู้กันว่าเจิ้งมั่วนั้นเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างราบคาบ ทั้งๆที่ปลดปล่อยพลังต่อสู้ทั้งหมดกับใช้อุปกรณ์อสูรแล้วยังทำได้เพียงเสมอ
“หยุดแค่นั้น!” หลิวก่านทนดูไม่ไหวอีกต่อไป เขาทำการแยกหลิงฮันกับเจิ้งมั่วออกจากกัน
“ข้าจะนับหนึ่งถึงสาม พวกเจ้าทุกคนออกไปจากที่นี่ซะ!” หลิวก่านกวาดสายตามองอย่างเหี้ยมโหดจนจอมยุทธหลายคนใบหน้าซีดเผือดและรีบแยกย้ายอย่างรวดเร็ว
การต่อสู้ของหลิงฮันนั้นองอาจจนทำให้ทุกคนจดจำเขาได้เป็นอย่างดี แต่คนที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในครั้งนี้กลับเป็นจ้าวอสูรหน้าใหม่อย่างกู่เฟิง
จ้าวอสูรรุ่นเยาว์ผู้นี้มีโอกาสที่ในอนาคตจะบรรลุเป็นจ้าวอสูรสวรรค์
แน่นอนว่าจักรพรรดิก็ตกเป็นที่สนใจของทุกคนเช่นกัน เหล่าบุรุษหลงไหลนางในขณะที่เหล่าสตรีอิจฉานางจนแทบบ้าคลั่ง
หลิงฮันและจักรพรรดินีกลับห้องพักหิน การได้ดูการประลองที่ผ่านมาทำให้หลิงฮันตระหักได้ว่าตนเองยังไม่ไร้เทียมทานที่สุดในระดับวารีนิรันดร์
หากไม่ใช่เพราะเขาบ่มเพาะคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์จนมีกายหยาบไร้เทียมทานที่สามารถสลักรูปแบบอาคมสังหารจำนวนมากลงไปได้เขาคงทำได้เพียงยอมก้มหัวกับราชารุ่นเยาว์เหล่านั้น
ทั้งสองทำการบ่มเพาะพลังต่อ หลิงฮันได้สอนทักษะกาลเวลาแปรผันพันปี ทักษะแผ่ไพศาลและทักษะรัตติกาลเงาทมิฬให้แก่จักรพรรดินี เขาเชื่อว่าเมื่อนางบรรลุระดับวารีนิรันดร์ขั้นสมบูรณ์ พลังต่อสู้ของนางจะต้องกำราบราชารุ่นเยาว์เหล่านั้นได้อย่างราบคาบ
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว หนึ่งปีผ่านไปจักรพรรดินีได้บรรลุระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงชั้นสูงสุดและทะลวงผ่านเป็นระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุด ส่วนหลิงฮันนั้นพัฒนาไปได้ไม่มากนัก พลังบ่มเพาะของเขาตอนนี้คือระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงชั้นกลางเท่านั้น
ณ ตอนนี้เอง ที่พันธมิตรทลายสวรรค์ได้มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น
ดินแดนต้องห้ามใหม่ได้เข้าร่วมพันธมิตรด้วย
ดินแดนต้องห้ามแสงอรุณบูรพา… ตระกูลถัง!