Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1598
หลิงฮันกับหานฉีปะทะกันอย่างดุเดือด
ทั้งสองเรียกได้ว่าเป็นปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งสมน้ำสมเนื้อกัน ฝ่ายหนึ่งเป็นราชาที่ก้าวขึ้นมาทีละก้าวจากโลกใบเล็กในขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งเป็นอัจฉริยะของดินแดนแห่งเซียน ไม่ว่าจะเป็นทักษะหรือพลังต่อสู้ของทั้งสองต่างก็ถูกจัดว่าเป็นอันดับหนึ่งของโลกบรรพกาล
การปะทะกันอย่างดุเดือดของทั้งสองควรค่าเป็นอย่างมากที่จะจารึกลงไปยังประวัติศาสตร์
จ้าวอสูรคนอื่นๆตกตะลึงเป็นอย่างมาก
รุ่นเยาว์สองคนนี้ไม่รู้ว่าเกิดหลังพวกเขากี่ล้านปี แต่กลับมีพลังแข็งแกร่งทิ้งห่างพวกเขาไปไกลลิ่ว
ดั่งสำนวนที่ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า
จ้าวอสูรทุกคนถอนหายใจและล้มเลิกความคิดที่จะแย่งชิงบุปผาห้วงมิติ ตอนนี้ในหัวพวกเขามีอยู่ความคิดเดียวคืออยากไปจากที่นี่ด้วยร่างกายที่ครบสามสิบสอง
จ้าวอสูรบางคนล่าถอยหนีกลับไปแล้วแต่ก็ยังมีจ้าวอสูรบางคนที่ยังอยู่ เหตุผลแรกที่พวกเขาเลือกอยู่ต่อคือต้องการเห็นการปะทะที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์ดินแดนใต้พิภพ และเหตุผลที่สองคือพวกเขาต้องการอยู่ให้กำลังใจหลิงฮัน
หลิงฮันช่วยพวกเขาไว้ หากแค่ความกล้าที่จะอยู่ให้กำลังใจยังไม่มีพวกเขาจะยังมีคุณสมบัติเป็นจ้าวอสูรได้อย่างไร?
ครั้งนี้หลิงฮันพบเจอกับศัตรูที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง
ตัวเขาฝึกฝนทักษะระดับนิรันดร์มากมาย แต่หานฉีเองก็เช่นกัน ยิ่งกว่านั้นการที่อีกฝายเป็นทายาทของขุมอำนาจระดับขอบเขตตำหนักอมตะทำให้ทักษะของอีกฝ่ายทรงพลังยิ่งกว่าของหลิงฮัน ไม่ว่าจะเป็นกาลเวลาแปรผันพันปีหรือทักษะรัตติกาลเงาทมิฬก็ไม่สามารถทำให้เขาได้เปรียบหานฉี
โชคดีที่พวกเขาทั้งสองยังไม่ได้บรรลุเป็นนิรันดร์จึงไม่สามารถดึงพลังที่แท้จริงของทักษะมาใช้ได้ เพราะงั้นต่อให้พลังที่แท้จริงของทักษะจะต่างกันแต่ด้วยพลังบ่มเพาะระดับสร้างสรรพสิ่งทำให้พลังที่ถูกใช้ออกมาไม่ได้ห่างชั้นกันเท่าไหร่
“ไม่เลว พลังของเจ้าแข็งแกร่งถึงขนาดทำให้ข้าต้องเอาจริงได้!” หานฉีหัวเราะก่อนจะสะบัดมือขวา หมอกสีขาวถูกควบแน่นเป็นยักษ์น้ำแข็งที่มีรูปร่างคล้ายคลึงเขา เพียงร่างของแต่ยักษ์น้ำแข็งนั้นมีความสูงมากกว่าตัวเขาราวๆร้อยเท่า
“เหมันต์เยือกแข็งพันร่าง!” เขากล่าวเสียงเบาพร้อมกับยักษ์น้ำแข็งค่อยๆปรากฏตัวเพิ่มขึ้นทีละตัว ร่างของยักษ์น้ำแข็งนั้นถูกปกคลุมไปด้วยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์เหมันต์และตราประทับแห่งเต๋า
“ตาย!” หลังจากหานฉีคำราม เหล่ายักษ์น้ำแข็งก็ขยับขาเคลื่อนที่โจมตีหลิงฮัน
หลิงฮันไม่หวั่นเกรง มือของเขากวัดแกว่งเพลิงเก้าสวรรค์เข้าปะทะกับรูปปั้นน้ำแข็งยักษ์ ‘ฉึบ’ เพียงแค่ถูกดาบเพลิงสัมผัส รูปปั้นน้ำแข็งก็ละลายกลายเป็นไอน้ำทันที
“ฮึ่ม!” หานฉีใช้โอกาสระหว่างนี้พุ่งทะยาน มือทั้งสองของเขาผสานเข้าหากันและผลักเข้าใส่หลิงฮัน
“รับมือ!” หลิงฮันปลดปล่อยอำนาจสวรรค์
“นี่มัน!” หานฉีหยุดชะงัก จู่ๆพลังต่อสู้ของเขาก็ถูกลดลงไปสองดาว ด้วยความเสียเปรียบจากพลังต่อสู้สองดาวหากยังสู้ต่อเขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของหลิงฮันได้? หานฉีรีบคำราม ทันใดนั้นอำนาจแห่งเต๋าก็ปะทุออกมาจากร่างของเขาและทำการต้านทานอำนาจสวรรค์
หลิงฮันพยักหน้าในใจ ดูเหมือนหากคู่ต่อสู้เป็นอัจฉริยะของดินแดนแห่งเซียนอำนาจสวรรค์จะใช้ไม่ได้ผล
แต่หลิงฮันก็ไม่ใส่ใจ แม้หานฉีจะต่อต้านอำนาจสวรรค์ได้แต่กับยักษ์น้ำแข็งที่ถูกเรียกออกมานั้นไม่ใช่ พลังของพวกมันที่ลดลงมาทำให้พวกมันถูกปราณดาบนับร้อยจากเพลิงเก้าสวรรค์หลอมละลายโดยไม่อาจต้านทาน
“สมควรถึงเวลาผสานเพลิงเก้าสวรรค์ให้เป็นหนึ่งเดียวกับทักษะดาบฟ้าคำรามอย่างแท้จริงเสียที” หลิงฮันกล่าวในใจ
ก่อนหน้านี้เขาเพียงใช้ทักษะดาบฟ้าคำรามควบคู่ไปกับอำนาจของเพลิงเก้าสวรรค์เท่านั้น แต่หากสามารถผสานทั้งสองอย่างให้เป็นหนึ่งเดียวกันอย่างแท้จริงได้ พลังต่อสู้ของเขาจะยกระดับขึ้นอีกหลายเท่าตัว
หลิงฮันเพิ่งฉุกคิดขึ้นได้ในระหว่างการต่อสู้เมื่อครู่ ในเมื่อเพลิงเก้าสวรรค์เป็นส่วนหนึ่งของแก่นกำเนิดพลังของเขา ทำไมเขาจะต้องใช้ความพยายามผสานมันกับทักษะอื่นด้วยทั้งๆที่มันเป็นพลังของตัวเขาเองแท้ๆ?
หลิงฮันก็เผยรอยยิ้ม ก่อนหน้านี้เขาคิดผิดมาโดยตลอด เขานึกเสมอว่าเพลิงเก้าสวรรค์นั้นเป็นอำนาจนอกกาย แต่อันที่จริงตั้งแต่ตอนที่เขาดูดซับรับเพลิงเก้าสวรรค์เข้ามาอยู่ในร่าง มันก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของเขาอย่างสมบูรณ์มาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว
“ฮ่าๆๆ!” หลิงฮันหัวเราะพร้อมกับดีดนิ้ว ‘พรึบ’ คลื่นดาบเพลิงพุ่งออกไปด้วยความเร็วเกินจะพรรณนา พริบตาเดียวมันก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าหานฉี
หานฉีไม่หวั่นเกรงทักษะใดๆของหลิงฮันแม้แต่น้อย สิ่งเดียวที่เขาหวาดกลัวคือเปลวเพลิงอันน่าสะพรึงกลัวของหลิงฮัน เขาตั้งแต่จะปล่อยหมัดตอบโต้คลื่นดาบที่ปรากฏตรงหน้า แต่เมื่อเขาเห็นว่าคลื่นดาบมีเปลวเพลิงผสานเอาไว้อยู่เขาก็ล้มเลิกความคิดทันที
‘พรึบ’ หานฉีนำธงสงครามออกมา แท่งธงนี้มีขนาดที่ยาวและดูเก่าแก่ บนแผ่นธงสลักเอาไว้ด้วยสัญลักษณ์ของสัตว์อสูรที่ปลดปล่อยหมอกควันสีขาวออกมา
หืม?
หลิงฮันตกตะลึงเล็กน้อย สัตว์อสูรบนใบธงนั้นจู่ๆก็ราวกับมีชีวิตขึ้นมาจริงๆ มันปลดปล่อยหมอกเย็นยะเยือกออกมาหยุดยั้งคลื่นดาบเพลิงเอาไว้ได้ทันเวลา หากไม่ใช่เพราะธงแท่งนี้หานฉีคงถูกคลื่นดาบเพลิงจู่โจมจนร่างถูกเผาไม่เหลือซากไปแล้ว
“จงภูมิใจเสียที่เจ้าสามารถไล่ต้อนข้าจนต้องนำธงเก้าเหมันต์เยือกแข็งออกมาใช้!” หานฉีกล่าวอย่างเย็นชา “แต่ตอนนี้ถึงเวลาที่เจ้าต้องตายแล้ว!” เขาสะบัดธงในมือ ‘พรึบ พรึบ พรึบ’ ใบธงสะบัดไปมาตามสายลมพร้อมกับแท่งธงค่อยๆขยายจนมีขนาดยาวขึ้นกว่าเดิมสามฟุต
เขาใช้แท่งธงแทนหอกยาวกวัดแกว่งเข้าใส่หลิงฮัน สัตว์อสูรบนใบธงปลดปล่อยไอเย็นยะเยือกออกมาต่อเนื่องจนทำให้ทั่วทั้งห้วงอวกาศตกอยู่ในความหนาวเย็น
อุณหภูมิในตอนนี้ส่งผลให้จ้าวอสูรโดยรอบตัวสั่นด้วยความหนาวและต้องนำแขนทั้งข้างกอดรัดร่างตัวเองเอาไว้
ในเมื่ออีกฝ่ายใช้อาวุธหลิงฮันก็ไม่น้อยหน้า เขานำดาบอสูรนิรันดร์และดาบไม้พุพังออกมารับมือกับแท่งธง
ดาบไม้พุพังนั้นมันเป็นถึงอุปกรณ์อสูรระดับยี่สิบแต่กลับไม่สามารถรองรับอำนาจของเพลิงเก้าสวรรค์ได้ไหว แต่ในทางกลับกับ ดาบอสูรนิรันดร์ที่ยังเป็นเพียงอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบเจ็ดกลับสามารถรองรับอำนาจของเพลิงเก้าสวรรค์ได้ แต่ถึงจะรองรับได้บริเวณตัวดาบก็ยังถูกความร้อนแผดเผาจนเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน
‘พรึบ’ หลิงฮันกวัดแกว่งดาบอสูรนิรันดร์ปลดปล่อยทักษะดาบฟ้าคำรามที่ผสานเพลิงเก้าสวรรค์ออกไป
ทั้งดาบอสูรนิรันดร์และเพลิงเก้าสวรรค์ล้วนแต่มีอำนาจสูงสุดอยู่ที่ระดับราชานิรันดร์ เมื่อใช้ทั้งสองสิ่งปลดปล่อยการโจมตีออกไปจึงก่อเกิดเป็นพลังทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัวเกินต้านทาน!
ต่อให้ดาบอสูรนิรันดร์ในตอนนี้จะยังห่างไกลกว่าจะบรรลุเป็นอุปกรณ์นิรันดร์และเพลิงเก้าสวรรค์จะยังเติบโตไม่เต็มที่ก็ตาม แต่อย่าลืมว่าหานฉีในตอนนี้ก็ยังเป็นเพียงจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งเท่านั้น