Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1631 ลอบโจมตี
ราชาไค่หยุนที่ยืนอยู่ห่างๆสะบัดแขนเสื้อและเคลื่อนที่จากไปด้วยคลื่นแสงแห่งเต๋า
แน่นอนว่าเขาไม่คิดจะลามือแค่นี้แน่นอน แต่จะให้ลงมือตอนนี้ก็ดูจะผลีผลามเกินไป เพราะงั้นเขาจึงไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ที่นี่ต่อ
หลิงฮันโอบกอดจักรพรรดิด้วยมือซ้ายและโอบกอดสตรีนกอมตะด้วยมือขวา เขาก้าวเท้าเคลื่อนที่ด้วยคลื่นแสงแห่งเต๋ากลับลงไปยังดาวมู่ถู
“ยินดีกับสหายหลิงด้วย!” เหล่าเซียนมากมายผสานมือคารวะหลิงฮัน
แม้หลิงฮันจะเป็นเพียงเซียนระดับต้น แต่ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์เมื่อครู่ทำให้รู้ได้ว่าหลิงฮันนั้นมีพลังต่อสู้เทียบเท่ากับเซียนระดับสูงขั้นกลางหรืออาจจะขั้นปลาย
เมื่อใดที่หลิงฮันบรรลุเป็นเซียนระดับกลาง ไม่ใช่ว่าตอนนั้นเขาจะสามารถต่อกรกับราชาเซียนได้เลยรึไง?
ยิ่งกว่านั้นหลิงฮันก็เคยสังหารราชาเซียนไปแล้วมากมาย เซียนทุกคนในที่นี้ถึงไม่กล้าดูหมิ่นเขา
หลิงฮันโค้งขอบคุณเหล่าเซียนทีละคนด้วยรอยยิ้ม
หลังจากเลี้ยงฉลองเสร็จ งานแลกเปลี่ยนสมบัติก็ถูกจัดขึ้น เพียงแต่ว่าเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วก็มีงานแลกเปลี่ยนสมบัติถูกจัดไปแล้ว ในระยะเวลาๆสั้นพวกเขาจะหาสมบัติเพิ่มได้อย่างไร?
เหล่าราชาเซียนไม่สนใจงานแลกเปลี่ยนสมบัติเท่าไหร่
หลิงฮันกลายเป็นเซียนแล้ว ระยะเวลาที่จะเข้าสู่ดินแดนแห่งเซียนก็ใกล้เข้ามายิ่งขึ้น เพราะงั้นสิ่งที่เหล่าราชาเซียนสนใจก็คือต้องทำให้หลิงฮันพาคนของพวกเขาเข้าไปยังดินแดนแห่งเซียนด้วยให้ได้ มีราชาเซียนจำนวนหนึ่งที่ทะเยอทะยานวางแผนจะลงมือกับหลิงฮันเช่นกัน หากไม่ลงมือเสียแต่ตอนนี้หลังจากหลิงฮันกลายเป็นเซียนระดับกลางได้ แม้แต่ราชาเซียนเช่นพวกเขาก็อาจจะไม่สามารถกำราบหลิงฮันได้
ต่อให้งานแลกเปลี่ยนสมบัติจะสิ้นสุดแล้ว แต่เหล่าราชาเซียนก็ยังหาข้ออ้างที่จะอยู่ต่อ
บรรยากาศในตอนนี้แปลกประหลาดเป็นอย่างมากราวกับจะมีเหตุการณ์ไม่ชอบมาพากลอุบัติขึ้น
หลิงฮันไม่สนใจพวกเขาและใช้เวลาไปกับการรวบรวมพลังปราณ น่าเสียดายที่ต้นสังสารวัฏใช้การไม่ได้ชั่วคราว การขัดเกลารากฐานพลังบ่มเพาะของเขาจึงเป็นไปอย่างเชื่องช้าไล่ตามพลังปราณที่รวบรวมไปถึงระดับของราชาเซียนระดับต้นแล้วไม่ทัน
หอคอยทมิฬกล่าวว่าต้นสังสารวัฏจะใช้เวลาฟื้นฟูตัวเองไม่เกินสองปี เมื่อถึงตอนนั้นประสิทธิภาพของมันจะยกระดับขึ้นมาก ระยะเวลาหนึ่งวันจะเทียบเท่าร้อยปี
ด้วยเหตุนี้หลิงฮันจึงไม่ใช้หยดสายฟ้าสวรรค์ หากจะใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ให้ได้มากที่สุดก็ต้องใช้ตอนที่อยู่ใต้ต้นสังสารวัฏ
แค่ระยะเวลาสองปีเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน
บรรยากาศอึมครึมเริ่มก่อตัวขึ้นที่ดาวมู่ถู
ราชาเซียนหลายคนเริ่มทนไม่ไหว ยิ่งปล่อยให้เวลาผ่านไปพลังของหลิงฮันจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ สักวันหนึ่งพลังของหลิงฮันจะบรรลุถึงจุดที่แม้แต่ราชาเซียนก็ไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้
เหล่าราชาเซียนมั่นใจว่าหลิงฮันต้องครอบครองทักษะบ่มเพาะระดับราชานิรันดร์ไม่ผิดแน่ ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะทรงพลังขนาดนี้ ภายใต้ความโลภราชาเซียนจำนวนมากเริ่มถูกความชั่วร้ายเข้าครอบงำ
“สถานการณ์เริ่มไม่ชอบมาพากล” วันนี้หลิงฮันได้เรียกจักรพรรดินี สตรีนกอมตะ จักรพรรดิพิรุณ สวีเหลิน ติงผิงและสหายคนอื่นๆมารวมตัวกัน “พวกราชาเซียนที่ท่าทีน่าสงสัย ข้าสูญเสียไพ่ลับที่จะใช้สังหารราชาเซียนไปแล้ว เรื่องที่ไม่คาดฝันอาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา”
จักพรรดิพิรุณพยักหน้า เขาควบแน่นดวงดาวได้เกินกว่าเก้าล้านดวงแล้วและกำลังพบเจอกับคอขวด เขากล่าวน้ำเสียงขึงขัง “หลีกเลี่ยงคนเหล่านั้นไว้ก่อนก็ดี ตอนนี้พวกเขาไม่จำเป็นต้องผลีผลามต่อสู้โดยไม่จำเป็น”
สวีเหลิน เซียนหวู่เซียงและคนอื่นๆพยักหน้า กับเหตุการณ์ที่อาจเป็นภัยคุกคามต่อชีวิต แผนการล่าถอยไม่ใช่สิ่งที่น่าอับอายแต่อย่างใด
หลิงฮันครุ่นคิดก่อนจะกล่าว “ข้าอยากใช้โอกาสนี้ดูว่าใครบ้างที่มีความคิดชั่วร้าย คนเช่นนั้นข้าจะไม่มีทางพาไปยังดินแดนแห่งเซียน”
ทุกคนต่างรู้ว่าหลิงฮันเป็นคนที่สื่อสัตย์ต่อคำสัญญา เขาจะลองใช้ตัวเองเป็นแกนกลางผสานดินแดนตั้งสองให้กลับเป็นหนึ่งเดียวก่อนตามที่ตกลงไว้ แต่หากวิธีนี้เชื่องช้าเกินไปเขาก็จะเปิดเส้นทางสู่ดินแดนแห่งเซียนโดยตรงและพาคนจำนวนหนึ่งไปกับเขาด้วย
แต่หากคิดจะใช้ประโยชน์จากเขาแล้วยังอีกมีความคิดชั่วร้ายต่อเขาอีก หลิงฮันย่อมไม่มีวันยอมนิ่งเฉย
เขาบอกให้ทุกคนเตรียมพร้อมที่จะออกจากดาวมู่ถู
สองวันต่อมา ราชาเซียนชิงอวี่ได้มาหาเขาและโน้มน้ามเขาว่าในเมื่อเขาบรรลุเป็นเซียนก็ควรลองผสานดินแดนทั้งสองดู
หลิงฮันครุ่นคิดและตอบตกลงกับคำชักชวนของอีกฝ่าย
เขาอยากรู้ว่าคนที่มีความคิดชั่วร้ายต่อเขานั้นมีกี่คน ในเมื่อราชาเซียนชิงอวี่เอ่ยคำขอเช่นนี้เขาก็วางแผนจะใช้โอกาสนี้เปิดโปงความชั่วร้ายของราชาเซียนแต่ละคน
แน่นอนว่าพวกจักรพรรดิพิรุณได้เตรียมพร้อมและเข้าไปอยู่ในหอคอยทมิฬเรียบร้อยแล้ว ส่วนพันธมิตรตัวป่วนทั้งสี่อย่างพวกสุนัขตัวดำนั้นไม่คิดจะตามมาด้วย พวกเขาบอกว่าเอาไว้จะมาหาหลิงฮันเองในตอนนี้ที่หลิงฮันคิดจะเข้าสู่ดินแดนแห่งเซียน
หลิงฮันปลดปล่อยคลื่นแสงแห่งเต๋ามุ่งหน้าไปยังพิกัดดวงดาวของดาวหยุนติ่งซึ่งอยู่ใกล้สนามรบสองดินแดนมากที่สุดในบริเวณนี้
ตอนนี้เขาเป็นเซียนแล้วจึงไม่มีความจำเป็นต้องเดินทางด้วยอุปกรณ์บินแหวกเมฆา คลื่นแสงแห่งเต๋านำพาร่างของเขาเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง ดวงดาวมากมายผ่านเข้ามาในระยะสายตาและก็หายไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว ภาพที่เขาเห็นในตอนนี้เหมือนกับตอนที่ทวีปฮงเทียนเปิดสวรรค์และเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงขึ้นมายังดินแดนศักดิ์สิทธิ์
ความเร็วของเซียนคือความเร็วสูงสุดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์
เพียงแต่ว่าทันใดนั้นเองก็ได้มีคลื่นแสงแห่งเต๋าหลายคลื่นพุ่งมาจากด้านหน้าเขา ถึงแม้คลื่นแสงเหล่านั้นจะยังมาไม่ถึงตัว แต่หลิงฮันสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าคลื่นแสงแห่งเต๋าเหล่านั้นพุ่งทะยานเข้ามาเพื่อกระหน่ำโจมตี
การโจมตีที่พุ่งเข้ามาคือการโจมตีระดับราชาเซียน การโจมตีเหล่านั้นเล็งมายังทุกส่วนของร่างเขาไม่ว่าจะเป็นส่วนบน ล่าง ซ้าย ขวา หรือด้านหลังทำให้ไม่สามารถหลบหลีกหรือล่าถอยได้
จะทำอย่างไรดี?
หลิงฮันยิ้มเจ้าเล่ห์ เขารู้อยู่แล้วว่าจะต้องถูกลอบโจมตีระหว่างทางเพราะเขาไม่ได้ปิดบังเรื่องที่ว่าจะมุ่งหน้าไปยังดาวหยุนติง
‘พรึบ’ เพียงแค่นึกคิดร่างของเขาก็หายเข้าไปในหอคอยทมิฬ ‘ตูม ตูม ตูม ตูม’ ทันทีที่ร่างเขาหายไปการโจมตีของเหล่าราชาเซียนก็มาถึง คลื่นระเบิดอันทรงพลังปะทุไปทั่วห้วงอวกาศ โชคดีที่บริเวณนี้ไม่มีดวงดาวอยู่แม้แต่ดวงเดียว ไม่เช่นนั้นดวงดาวทุกดวงคงพบเจอกับภัยพิบัติ
เมื่อคลื่นระเบิดสลายหายไป ร่างของราชาเซียนทั้งสิบแปดคนก็ปรากฏตัวและขมวดคิ้ว พวกเขาสัมผัสถึงออร่าของหลิงฮันไม่ได้แม้แต่นิดเดียวราวกับเขาไม่เคยปรากฏตัวที่นี่มาก่อน