Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1700 ศัตรูคู่อาฆาตมักพบเจอกันอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
- Home
- Alchemy Emperor of the Divine Dao
- ตอนที่ 1700 ศัตรูคู่อาฆาตมักพบเจอกันอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
สัตว์อสูรลากรถของเจ้าเป็นฝ่ายคิดจะพุ่งกระแทกใส่พวกข้าก่อน เจ้ายังไม่ทันจะไตร่ตรองถึงเรื่องนี้ก็กล่าวหาพวกข้าอย่างไร้เหตุผลแล้ว?
ใบหน้าของจักรพรรดินีมืดมนทันที นางจ้องมองรุ่นเยาว์ตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา อำนาจแห่งจักรพรรดิผู้อยู่เหนือสรรพสิ่งของนางส่งผลให้บรรยากาศเริ่มหนักแน่นและทำให้ผู้คนหายใจติดขัด
รุ่นเยาว์ผู้นั้นชะงักและเผลอก้าวถอยหลัง เมื่อตั้งสติได้เขาก็กลายเป็นเกรี้ยวกราดยิ่งกว่าเดิม
“พี่ชายถงหลิน มีเรื่องอะไรรึ?” เสียงของสตรีดังออกมาจากรถม้า ร่างของสตรีงดงามผู้หนึ่งเดินออกมา หลิงฮันที่เห็นสตรีตรงหน้าก็อดคิดไม่ได้ว่าโลกข้างแคบยิ่งนัก
สตรีที่ปรากฏตัวคือหลิวมู่อวี่!
“เป็นเจ้า!” หลิวมู่อวี่ชำเลืองมองไปยังหลิงฮันกับจักรพรดรินีก่อนจะอุทานด้วยความโกรธ
เมื่อไม่กี่วันก่อนเป็นสองคนนี้ที่ทำให้นางพบเจอกับฝันร้าย!
นางถูกผลึกพลังบ่มเพาะและตกไปอย่าในมือของชายโสด โชคดีที่การข่มขู่ของนางได้ผลอีกฝ่ายถึงไม่กล้าลงมือทำอะไรกับนาง และหลังจากคลายผนึกพลังบ่มเพาะนางได้รีบมุ่งหน้าไปช่วยเหลือน้องชายท่านที
เพียงแต่ว่าน้องชายของนางนั้นเป็นพวกขี้ขลาด เมื่อถูกนำตัวเขาไปยังสถานที่แห่งนั้น เขาก็หวาดกลัวจนร้องออกมาเพียงคำว่า ‘ไม่’ ‘ไม่’ ‘ไม่’ ซึ่งจะไปช่วยอะไรได้?
ผลสุดท้ายประตูหลังของเขาก็ถูกระเบิดกระจุย
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลายเป็นฝันร้ายที่ติดค้างอยู่ในจิตใจของเขา เมื่อใดที่น้องชายชองนางพบเจอบุรุษเขาจะกรีดร้องออกมาทันที ความโกรธเกรี้ยวที่หลิวมู่อวี่มีต่อหลิงฮันจึงเกินกว่าระดับที่จะพรรณนา
ทำไมน้องชายของนางถึงสำคัญกับนางขนาดนั้น?
นั้นเพราะแท้จริงแล้วนั่นไม่ใช่น้องชายแต่เป็นบุตรของนาง! สำหรับหลิวมู่อวี่ที่เป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์ของตระกูลหลิวนั้น หากมีใครล่วงรู้ว่ามีบุตรแล้วขุมอำนาจใหญ่จะยังต้องการตัวนาง?
นางเป็นคนฉลาดหลักแหลม หลังจากมาถึงเมืองจันทราหม่นแสงได้ไม่กี่วันนางก็หาทางตีสนิทชิดเชื้อกับรุ่นเยาว์ตระกูลถงได้สำเร็จ
ตระกูลตงคือตระกูลระดับโลกียนิพพานสี่ดาว ถึงแม้จะไม่ใช่ขุมอำนาจอันดับต้นๆของเมืองจันทราหม่นแสง แต่เป้าหมายของหลิวมู่อวี่ก็ไม่ใช่ตระกูลถงอยู่แล้ว นางตั้งใจจะใช้หลิวมู่อวี่เป็นสะพายไต่เต้าไปตีสนิทกับตระกูลอื่นที่อยู่สูงกว่า
ซึ่งนางก็สามารถติดสอยห้อยตามมายังเกาะเมฆาเซียนได้
“เจ้ารู้จักพวกเขา?” ถงหลินเอ่ยถามหลิวมู่อวี่ด้วยสีหน้ามืดมน
ใบหน้าของหลิวมู่อวี่แปรเปลี่ยนเป็นมืดมนเช่นกัน “พวกเขาคือคนที่เคยทำร้ายเป่าเอ๋อร์”
“พวกเขามาจากที่ใด?” ถงหลินเอ่ยถามหลิวมู่อวี่ ในฐานะนายน้อยของตระกูลหนึ่งในเมืองจันทราหม่นแสง เขาย่อมรู้ว่ามีคนบางจำพวกที่ไม่ควรไปล่วงเกิน
“ข้าพบพวกเขาในเมืองรอง” หลิวมู่อวี่ไม่ได้บิดเบือนสถานะของหลิงฮันเพราะนางเชื่อว่าแค่นี้ก็เพียงพออยู่แล้ว
และก็เป็นตามที่นางคาด ท่าทางหยิ่งยโสกลับมาปรากฏบนใบหน้าของถงหลินทันที ยิ่งกว่านั้นความเกรี้ยวกราดของเขาก็ยังมากขึ้นกว่าเดิม
หากอาศัยปรากฏตัวในเมืองรอง ทั้งสองคนก็คงกำลังรอให้ได้รับการอนุญาตเข้าเมืองหลัก ซึ่งหากทั้งสองมาจากขุมอำนาจที่ทรงพลัง พวกเขาจะจำเป็นต้องรอให้ได้รับการอนุญาตเข้าเมือง?
เห็นได้ชัดว่าสองคนนี้มาจากขุมอำนาจทั่วไป บางทีพวกเขาอาจจะมาจากเมืองหนึ่งดาวที่กำลังจะเข้าร่วมการประลองยุทธที่กำลังจะถูกจัดขึ้นเร็วๆนี้
ถึงแม้ตระกูลถงเองก็เป็นขุมอำนาจระดับโลกียนิพพาน แต่การที่พวกเขาอาศัยอยู่ในเมืองสองดาวย่อมมีสถานะที่อยู่เหนือกว่า
เพราะงั้นแล้วจะไม่ให้ถงหลินเกรี้ยวกราดได้อย่างไร? เพียงแค่พวกบ้านนอกจากเมืองเล็กๆบังอาจมาขวางทางรถม้าของเขา หากเรื่องนี้ถูกแพร่งพรายเขาจะมีหน้าไปพบใคร?
“คุกเข่าลง!” เขากล่าวอย่างเย็นชา “จงตบหน้าของตัวเองจนกว่าข้าจะสั่งให้หยุด!”
“พวกเราไปกันดีกว่า อย่าไปสนใจคนบ้าเลย” หลิงฮันกอดเอวจักรพรรดินีและก้าวเดินโดยเมินเฉยชายไร้สมองตรงหน้า
ถงหลินรีบพุ่งมาขวางหลิงฮันทันที เขากล่าวอย่างเกรี้ยวกราด “เจ้าไม่รู้ว่านายน้อยผู้นี้เป็นใคร?”
“ข้ารู้” หลิงฮันพยักหน้า “ข้าก็เพิ่งพูดไปไม่ใช่รึว่าเจ้าคือคนบ้า”
น้องสาวเจ้าสิบ้า!
ถงหลินพยายามระงับความโกรธและกล่าว “นายน้อยผู้นี้คือถงหลิน ประมุขตระกูลข้าเป็นถึงผู้อาวุโสสี่ดาวของนิกายจันทราหม่นแสง”
ผู้อาวุโสของนิกายจันทราหม่นแสงถูกแบ่งสถานะตามพลังบ่มเพาะ อย่างเช่น ระดับโลกียนิพพานหนึ่งนิพพานจะมีสถานะเป็นผู้อาวุโสหนึ่งดาว สองนิพพานเป็นผู้อาวุโสสองดาวตามลำดับ หลังจากระดับแบ่งแยกวิญญาณ ระดับตัดวิญญาณหยางจะมีสถานะเป็นผู้อาวุโสห้าดาว ตัดวิญญาณหยินมีสถานะเป็นผู้อาวุโสหกดาว ตัดวิญญาณปฐพีมีสถานะเป็นผู้อาวุโสเจ็ดดาว และตัดวิญญาณสวรรค์มีสถานะเป็นผู้อาวุโสแปดดาว
ในความเป็นจริง ผู้อาวุโสแปดดาวนั้นมีสถานะเทียบได้กับประมุขนิกาย แม้แต่ในนิกายจันทราหม่นแสงผู้อาวุโสแปดดาวก็มีเพียงสามคนเท่านั้น
ถงหลินรู้สึกภาคภูมิใจอย่างมาก แม้ประมุขตระกูลตงจะเป็นเพียงนิรันดร์สี่นิพพาน แต่เมื่อเทียบกับนิรันดร์สี่นิพพานของเมืองเล็กหนึ่งดาวแล้ว ประมุขของพวกเขาถือว่ามีสถานะสูงกว่าหนึ่งขั้น
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “แล้วยังไง?”
แล้วยังไง?
ถงหลินชะงักเล็กน้อย ทั้งๆที่บอกผู้หนุนหลังอันทรงพลังให้ฟังแล้วอีกฝ่ายยังไม่รู้สึกหวาดกลัวอีก?
“ชายหลิน!” หลิวมู่อวี่เดินเข้ามาใกล้และแสร้งทำใบหน้าหวั่นเกรง “อย่าไปยั่วยุพวกเขาเลย ทั้งสองคนแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ข้ากลัว!”
นางตั้งใจยืมมือคนอื่นสังหารศัตรู นางคิดว่าแม้จะเป็นถงหลินก็คงไม่สามารถเอาชนะหลิงฮันได้ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา ถงหลินคือผู้สืบทอดที่ประมุขตระกูลถงรักใคร่มากที่สุด หากประมุขตระกูลถงรู้ว่าถงหลินถูกทุบตี มีรึที่เขาจะนิ่งเฉย?
หลิงฮันกวาดสายตามองหลิวมู่อวี่ ดูเหมือนว่าบทเรียนที่เขามอบให้นางจะเบาเกินไป นางไม่ได้รู้สึกสำนึกผิดใดๆเลยแม้แต่น้อย
ถงหลินกล่าวด้วยน้ำเสียงโหดเหี้ยม “ข้าจะให้โอกาสเป็นครั้งสุดท้าย ยอมก้มหัวศิโรราบต่อข้าเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่ทำตามล่ะก็… ฮึ่ม!”
“คนบ้าก็ยังคงเป็นคนบ้า!” หลิงฮันลงมือ ‘ปัง ตูม ตุบ’ ถงหลินและหลิวมู่อวี่ถูกทุบตีจนสติเรือนราง หลิงฮันโยนร่างของทั้งสองไปยังพุ่มไม้หนาข้างๆ หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาได้ตัดสินใจถอดเสื้อผ้าของทั้งสองคนออกเพื่อให้ดูเหมือนว่ากำลังมีอะไรกัน
“ภรรยาข้า ขึ้นรถม้ากันเถอะ” หลิงฮันยื่นมือไปทางจักรพรรดินี
จักรพรรดินีตอบรับด้วยความยินดีและก้าวขึ้นรถม้า หลิงฮันขึ้นขี่มังกรเงินสามหัวและควบคุมให้มันมุ่งหน้าสู่ปราสาท