Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1747 ไม่มีความเป็นธรรมชาติ
หลิงฮันมองไปยังอีกฝ่ายและยิ้ม “เจ้าเป็นใคร?”
ร่างของนิรันดร์ตระกูลฉีสั่นสะท้านด้วยความโกรธ เจ้าสังหารรุ่นเยาว์ของตระกูลข้าไปถึงสองคน แต่ยังมีหน้ามาถามว่าข้าเป็นใคร?
“อย่าคิดว่าครั้งนี้เจ้าจะหนีไปไหนพ้น!” เขาคำรามอย่างโหดเหี้ยม การทดสอบนี้ไม่มีกฎว่าห้ามสังหารกันอยู่แล้ว
กรรมการทดสอบตระกูลฟู่ที่ดูอยู่คิดจะห้ามปราม แต่หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็เลือกที่จะไม่ลงมือ
กฎต้องเป็นกฎ
“ตาย!” นิรันดร์ตระกูลฉีลงมือด้วยท่าทางระมัดระวัง สิ่งที่เขาหวั่นเกรงคือจะไปยั่วยุความไม่พอใจของกรรมการทดสอบตระกูลฟู่ แต่จากที่เห็น ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่คิดห้ามปรามอะไร
‘พรึบ’ ร่างของเขาทะยานด้วยความเร็วสูงกว่าปกติหลายสิบเท่า และปลดปล่อยการโจมตีใส่หลิงฮัน
ผู้ทดสอบที่อยู่รอบข้างรีบกระโดดหลบทันที เพราะกลัวจะถูกลูกหลงไปด้วย
ไม่ว่าอย่างไรชายชราผู้นี้ก็เป็นถึงนิรันดร์สองนิพพาน!
เพี๊ยะ!
หลิงฮันยกฝ่ามือขึ้นมาและตบเข้าที่ใบหน้าของชายชราตระกูลฉี แรงกระแทกที่เกิดจากฝ่ามือของเขาส่งผลให้ร่างของอีกฝ่ายหมุนกลิ้งหลายตลบ
เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทุกคนก็อ้าปากค้างจนลิ้นห้อยออกมาทันที
นี่ตาของพวกเขามีปัญหารึเปล่า?
ความจริงแล้วหลิงฮันเป็นนิรันดร์สองนิพพาน ส่วนนิรันดร์ตระกูลฉีเป็นนิรันดร์หนึ่งนิพพาน? หรือเมื่อครู่พวกเขาจะตาฝาด แท้จริงแล้วคนที่ถูกตบหน้าไม่ใช่นิรันดร์ตระกูลฉี แต่เป็นหลิงฮัน?
แต่ไม่ว่าจะขยี้ตามองอย่างไร ภาพที่พวกเขาเห็นตรงหน้าก็ไม่เปลี่ยนแปลง
นิรันดร์ตระกูลฉีฝืนลุกขึ้นยืนด้วยแก้มข้างซ้ายที่ปูดบวม ดวงตาของเขาเปิดด้วยความความตกตะลึงอย่างถึงที่สุด
เขาถูกรุ่นเยาว์ระดับหนึ่งนิพพานตบหน้างั้นรึ?
เป็นไปได้อย่างไรกัน?
ก่อนหน้านี้ที่เขายังเป็นนิรันดร์หนึ่งนิพพาน และหลิงฮันยังเป็นเพียงจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่ง เขาสามารถไล่ต้อนหลิงฮันให้จนมุมจนต้องหลบหนีไปได้อย่างไม่ยากลำบาก ในตอนนี้แม้อีกฝ่ายจะทะลวงผ่านเป็นนิรันดร์หนึ่งนิพพานแล้ว แต่เขาเองก็บรรลุเป็นนิรันดร์สองนิพพานเช่นกัน หากพูดกันตามหลัก เขาก็ยังสมควรมีพลังที่สามารถต้อนหลิงฮันให้จนมุมได้อยู่ไม่ใช่รึไง?
เขาไม่อาจทำใจยอมรับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้
“ยังไม่ได้สติอีก?”
‘เพี๊ยะ’ หลิงฮันยกฝ่ามือตบไปที่ใบหน้าอีกฝ่ายของนิรันดร์ตระกูลฉีจนปูดบวม
ไม่ต้องกล่าวถึงนิรันดร์ตระกูลฉีที่เพิ่งบรรลุเป็นนิรันดร์สองนิพพานเลย ต่อให้เป็นนิรันดร์สองนิพพานขั้นสูงสุด หลิงฮันก็สามารถกำราบได้อย่างง่ายดาย
“ข้าจะสู้กับเจ้าจนตัวตาย!” นิรันดร์ตระกูลฉีคำราม ‘ครืนน’ เขาเผาผลาญแก่นกำเนิดพลังของตัวเอง พริบตานั้นคลื่นแสงสีทองอันไร้ที่สิ้นสุดก็พรั่งพรูออกมาจากร่างของเขา และแปรเปลี่ยนกลายเป็นดาบโลหะทองคำที่มีหนามรอบด้านราวกับเม่น
เขาพุ่งทะยานกวัดแกว่งดาบโลหะทองคำเข้าใส่หลิงฮัน พลังต่อสู้ของเขาในตอนนี้ยกระดับขึ้นมาเกือบจะเทียบเท่ากับนิรันดร์สองนิพพานขั้นสูงสุด
การเผาผลาญแก่นกำเนิดพลังนั้น ไม่เพียงจะส่งผลต่อรากฐานระดับพลังบ่มเพาะ แต่ยังทำให้พลังต่อสู้ลดลงจากปกติหลายส่วนอีกด้วย ต่อให้ตัวตนระดับนิรันดร์จะไม่มีอายุขัยให้ลดทอน แต่ก็ไม่อาจหลบหนีผลกระทบจากการเผาผลาญแก่นกำเนิดพลังพ้น
เพียงแต่ว่าไม่ว่าอย่างไร แก่นกำเนิดพลังก็ยังสามารถรักษาได้ด้วยสมุนไพรนิรันดร์อยู่ดี ความคิดเดียวที่อยู่ในหัวของนิรันดร์ตระกูลฉีในตอนนี้คือ ต้องทำทุกอย่างเพื่อกำจัดหลิงฮันให้ได้ ไม่เช่นนั้นเหตุการณ์ที่ถูกตบหน้า คงทำให้เขารู้สึกอัปยศจนไม่มีหน้าไปพบเจอใคร
แววตาของหลิงฮันส่องประกายเย็นชา ก่อนหน้านี้เป็นทางฝั่งกลุ่มตระกูลฉีที่คิดจะปล้นชิงแพไม้ของเขาก่อน แม้เขาจะสังหารรุ่นเยาว์สองคนในกลุ่มอีกฝ่ายไปได้ แต่สุดท้ายเขาก็ถูกไล่ต้อนจนต้องหลบหนี ไม่คาดคิดว่ายังไม่ทันที่เขาจะตามหาตัวชายชราเพื่อคิดบัญชี แต่อีกฝ่ายกลับเป็นฝ่ายเสนอตัวมาให้เขาสังหารด้วยตัวเอง
หลิงฮันตั้งฝ่ามือเป็นแนวตรงและกวัดแกว่งปลดปล่อยปราณดาบ
‘ฉัวะ’ ร่างของนิรันดร์ตระกูลฉีถูกปราณดาบผ่าออกเป็นสองส่วนในพริบตา
เพียงแต่ว่าตัวตนระดับนิรันดร์นั้นไม่อาจตายง่ายๆ ดวงวิญญาณของชายชราที่ถูกผ่าออกเป็นสองส่วนพร้อมกับกายหยาบ พยายามดิ้นรนเพื่อกลับมารวมกันเป็นหนึ่งเดียว แต่น่าเสียดายที่ปราณดาบเมื่อครู่ หลิงฮันปลดปล่อยอำนาจของเพลิงเก้าสวรรค์และวารีพลังหยินเร้นลับควบคู่ไปด้วย
ดวงวิญญาณสองส่วนดิ้นรนอยู่สักพัก แต่ก็ค่อยๆแหลกสลายหายไปในที่สุด
สายตาของทุกคนจดจ้องไปยังหลิงฮันราวกับกำลังมองสัตว์ประหลาด
กรรมการของตระกูลฟู่เองก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน ด้วยการที่เขาเป็นคนของขุมอำนาจสามดาวอย่างตระกูลฟู่ เขาจึงรู้เป็นอย่างดีว่านิรันดร์ระดับโลกียนิพพานไม่มีทางตายง่ายๆ
แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าของเขากลับกลายเป็นว่า นิรันดร์ระดับสองนิพพานถูกสังหารอย่างง่ายดายราวกับหนอนแมลงไร้ค่า
รุ่นเยาว์ผู้นี้เป็นเพียงนิรันดร์หนึ่งนิพพานเท่านั้น เหตุใดถึงได้ทรงพลังขนาดนี้?
ใบหน้าของเขาเผยให้เห็นถึงความเลื่อมใสและกล่าว “เจ้าผ่านการทดสอบนี้ไปได้”
ล้อเล่นรึเปล่า… มีรึที่ตระกูลฟู่จะไม่ต้องการตัวอัจฉริยะเช่นนี้?
หลิงฮันใช้สัมผัสสวรรค์ตรวจสอบอุปกรณ์มิติของนิรันดร์ตระกูลฉี ก่อนจะพยักหน้าให้กับกรรมการทดสอบ และเดินผ่านไปพร้อมกับจักรพรรดินี
ครั้งนี้ไม่มีใครประท้วงแม้แต่คนเดียว
มุมปากของซ่งจี๋และหม่าอิ่งกระตุกไม่หยุด พวกเขาทั้งสองคนภาคภูมิใจในพรสวรรค์ของตนเองเป็นอย่างมาก แต่พอได้เห็นพลังของหลิงฮันในวันนี้ ทำให้ทั้งสองตระหนักได้ทันทีว่าพวกเขายังห่างชั้นกับราชาที่แท้จริงขนาดไหน
หลิงฮันกับจักรพรรดินีเดินมาถึงยอดเขา ทั้งสองมองเห็นชายหนุ่มสวมชุดขาวผู้หนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ เขาเป็นชายหนุ่มที่เยาว์วัยเป็นอย่างมาก ชายหนุ่มผู้นั้นดีดสายพิณอย่างอ่อนโยนโดยมีโต๊ะตั้งอยู่ด้านหน้า
“จงรับฟังการบรรเลงบทเพลงแหวกม่านเมฆาของข้า” ชายหนุ่มชุดขาวกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ก่อนที่บทเพลงจะสิ้นสุด พวกเจ้าต้องหยิบตราประทับบนโต๊ะ ไปประทับลงบนกระดาษของพวกเจ้าให้ได้ หากทำไม่สำเร็จคงต้องขอเชิญให้พวกเจ้าหันหลังกลับไปเส้นทางเก่า”
ยังมีการทดสอบที่สี่อยู่อีก!
“ไหนๆก็มีคนต้องการบรรเลงบทเพลงให้ฟังแล้ว จะปฏิเสธก็กระไรอยู่” หลิงฮันกล่าวกับจักรพรรดินี
จักรพรรดินีพยักหน้าและเอนกายแนบชิดหลิงฮัน
ชายหนุ่มชุดขาวมีท่าทางไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที ทั้งสองคนนี้กล้ามาพลอดรักกันโดยไม่เห็นหัวเขา?
เขาพยายามสงบสติอารมณ์และดีดสายพิณ เสียงบรรเลงอันไพเราะถูกบรรเลงออกมา ความงดงามของท่วงทำนองที่ลอยไปทั่วทุกทิศนั้น จะส่งผลให้ผู้ฟังเริ่มสูญเสียสติและเหม่อลอยไปโดยไม่รู้ตัว
อันที่จริงแล้วการทดสอบที่สี่นั้นไม่ได้มีอยู่จริงตั้งแต่แรกแล้ว เขาจงใจมานั่งรออยู่ที่ยอดเขาด้วยตัวเอง เพราะต้องการรู้ว่าเหล่าอัจฉริยะที่ถูกเรียกว่าราชาแห่งยุค จะทนต่ออำนาจของเสียงบรรเลงของเขาได้นานเพียงใด
ตั้งแต่เริ่มการทดสอบมา คนที่สามารถอดทนต่อเสียงบรรเลงของเขาได้อย่างเส้นยาแดงผ่าแปดมีเพียงสองคนเท่านั้น
แต่ทว่า เมื่อชายหนุ่มชุดขาวบรรเลงบทเพลงไปได้สักพัก เขาก็ต้องเผยสีหน้าประหลาดใจออกมาอย่างปิดไม่มิด นั่นเพราะว่าแววตาของหลิงฮันกับจักรพรรดินีนั้นยังคงไสกระจ่าง ทั้งสองไม่มีใครเลยที่ได้รับผลกระทบการบทเพลงของเขา
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ท่วงทำนองของเจ้าไม่มีความเป็นธรรมชาติเลยแม้แต่น้อย ลองดูการบรรเลงของข้าเป็นตัวอย่างนี่”
หลิงฮันนำถ้วยจำนวนหนึ่งออกมาและคว่ำลงวางกับพื้น มือทั้งสองข้างของเขาถือตะเกียบเอาไว้และกระหน่ำทุบตีชาม เสียงบรรเลงที่ดังออกมานั้นไร้ระเบียบและไม่มีความไพเราะเลยแม้แต่น้อย แต่ทว่าเนื้อเสียงของท่วงทำนองที่ดังออกมา กลับแฝงไว้เอาไว้ด้วยอำนาจที่สามารถส่งผลกระทบต่อจิตวิญญาณผู้ฟังได้
ชายหนุ่มชุดขาวได้รับผลกระทบจากบทเพลงของหลิงฮันโดยไม่รู้ตัว ท่วงทำนองบรรเลงพิณของเขาถูกเปลี่ยนไปเป็นท่วงทำนองของหลิงฮันอย่างสมบูรณ์