Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1757 ปรมาจารย์ระดับแบ่งแยกวิญญาณ
กระดิ่งหมอกทมิฬหมื่นภูติพรายน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก
หากอาวุธสามารถแบ่งออกเป็นระดับโลกียนิพพานสมบูรณ์กับระดับโลกียนิพพานทั่วไปได้ล่ะก็ กระดิ่งหมอกทมิฬหมื่นภูติพรายชิ้นนี้ก็สมควรเป็นอาวุธระดับโลกียนิพพานที่สมบูรณ์ พลังของมันแข็งแกร่งถึงขนาดเทียบเท่านิรันดร์ที่ตัดนิพพานด้วยวิธีตัดขาดสวรรค์และปฐพีเลยด้วยซ้ำ
มันคือสมบัติที่ไร้เทียมทานในระดับเดียวกันอย่างแท้จริง แต่หากมันไม่ทรงพลังขนาดนี้แล้ว ตระกูลติงจะโง่ยอมเสียเวลาสร้างมันขึ้นมาทำไม?
ทันทีที่หมอกสีดำพรั่งพรูออกมา ประมุขตระกูลต้วนและประมุขตระกูลล้งก็ล่าถอยอย่างรวดเร็ว ทางด้านหลิงฮันและจักพรรดินีเองก็โคจรแสงอัสนีหลบหลีกออกจากรัศมีของหมอก
เหล่าภูติพรายโห่ร้องอย่างสยดสยองอยู่ท่ามกลางทะเลหมอก คลื่นเสียงของพวกมันก้องกังวาลและสั่นสะเทือนส่งผลกระทบไปถึงพวกหลิงฮัน จนรูทั้งเจ็ดบนใบหน้ามีโลหิตไหลออกมา
ช่างเป็นอาวุธที่น่าสะพรึงกลัวอะไรเช่นนี้!
คนที่ไม่ได้รับผลกระทบใดๆมีเพียงติงเหยาหลงที่ควบคุมกระดิ่ง ส่วนสุนัขตัวดำนั้น เนื่องจากมันหลบหนีไปไกลแล้วจึงไม่เป็นอะไร
หลิงฮันนั้นด้วยการที่มีกายหยาบที่ไร้เทียมทาน แถมดวงวิญญาณก็ยังถูกขัดเกลาด้วยคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ เพราะงั้นถึงแม้รูทั้งเจ็ดบนใบหน้าจะมีโลหิตไหลออกมา แต่เขาก็ยังต้านทานไหว ทางด้านจักรพรรดินีเองก็มีร่างแยกทั้งเก้าที่คอยแบ่งเบาความเจ็บปวด ในหกเดือนที่ผ่านมาตั้งแต่ทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพาน ร่างแยกทั้งเก้าได้ถูกสร้างกลับขึ้นมาใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ประมุขตระกูลต้วนและประมุขตระกูลล้งนั้นแทบไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร พวกเขาเป็นถึงนิรันดร์สี่นิพพาน หากต้องการจะสร้างความเสียหายให้พวกเขาด้วยคลื่นเสียงล่ะก็ อย่าคิดว่าจะทำได้ง่ายๆ
“จัดการ!” ประมุขตระกูลต้วนและประมุขตระกูล้งคำรามและทำการจู่โจมติงเหยาหลง ไม่มีทางที่พวกเขาจะยอมเป็นฝ่ายถูกโจมตีอยู่ฝ่ายเดียว
ติงเหยาหลงไม่ลงมือตอบโต้ด้วยตัวเองและควบคุมหมอกสีดำมาปกคลุมร่างกาย ด้วยวิธีการนี้ หากประมุขตระกูลต้วนและประมุขตระกูลล้งบุกมาโจมตีเขา ทั้งสองจะต้องถูกกักขังอยู่ภายในหมอกสีดำและได้รับบาดเจ็บสาหัสแน่นอน
“ทีแรกข้าคิดจะสังหารพวกเจ้าสองคนในอีกร้อยล้านปีข้างหน้า แต่ในเมื่อความลับเรื่องกระดิ่งหมอกทมิฬหมื่นภูติพรายถูกล่วงรู้แล้ว ข้าก็ขอใช้โอกาสนี้สังหารพวกเจ้าไปพร้อมๆกันเลยแล้วกัน!” ติงเหยาหลงกล่าวอย่างเย็นชา
ประมุขตระกูลต้วนและประมุขตระกูลล้งชะงักในใจ ทั้งสองไม่คาดคิดว่าตระกูลติงจะสร้างอาวุธที่ชั่วร้ายเช่นนี้ขึ้นมา แถมยังคิดจะใช้มันจัดการพวกเขาอีกด้วย
โชคดีที่พวกเขารับรู้เรื่องนี้ก่อน กระดิ่งหมอกทมิฬหมื่นภูติพรายจึงยังสะสมความชั่วร้ายไม่พอที่จะทำให้เกิดทัณฑ์สวรรค์พิโรธอย่างแท้จริง ถึงแม้เมฆสายฟ้าจะก่อตัวรวมกัน แต่การลงทัณฑ์ก็ยังไม่เกิดขึ้น
ติงเหยาหลงใช้พลังของกระดิ่งหมอกทมิฬหมื่นภูติพรายกำราบประมุขระดับสี่นิพพานทั้งสอง และแบ่งพลังบางส่วนจู่โจมไปยังหลิงฮันกับจักรพรรดินี ในจังหวะเวลานี้ คนที่เขาต้องการสังหารมากที่สุดคือหลิงฮันเพียงคนเดียว
หากวันนี้หลิงฮันหลบหนีไปได้อีกครั้ง ตระกูลติงคงหนีไม่พ้นจุดจบ
หลิงฮันและจักรพรรดินีหลบหลีกการโจมตีอย่างต่อเนื่องด้วยแสงอัสนี หลังจากบรรลุระดับโลกียนิพพานแล้วปราณก่อเกิดของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นหลายเท่าจนนับไม่ถ้วน เพราะงั้นต่อให้ใช้งานแสงอัสนีหลายครั้ง พวกเขาก็ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย
ที่หลิงฮันยังไม่ตัดสินใจล่าถอยตั้งแต่แรกเป็นเพราะเขาต้องการรู้ว่าพลังของอาวุธชั่วร้ายชิ้นนี้จะทรงพลังขนาดไหน
ในครั้งหน้าที่กลับมาตระกูลติงอีกครั้ง เขาจะไม่มีวันหลบหนีอีกและจะบดขยี้ตระกูลติงให้สิ้นซาก
“ท่านประมุข!” ทันใดนั้นเอง จู่ๆเสียงอุทานของใครบางคนก็ดังขึ้นมา น้ำเสียงของเขาแฝงเอาไว้ด้วยความเกรี้ยวกราด
เจ้าของเสียงคือติงซง
เขารับหน้าที่ไปตระกูลหานเพื่อสะสางความบาดหมางและเพิ่งกลับมา โดยสิ่งแรกที่เขาพบเห็นหลังจากกลับมาถึงตระกูลก็คือ ภาพของวิหารบรรพบุรุษที่ถูกทำลายอีกแล้ว เพราะงั้นน้ำเสียงของเขาจึงเต็มไปด้วยความโกรธ สายตาติงซงมองไปยังหลิงฮัน และคาดเดาได้ทันทีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นต้องมีสาเหตุมาจากตัวบัดซบผู้นี้
“นั่นน่ะรึหลิงฮัน?” ที่ด้านข้างติงซง มีบุรุษที่มีรูปลักษณ์อยู่ในช่วงราวๆสี่สิบปียืนอยู่ บุรุษผู้นี้สวมชุดดำลวดลายคล้ายใยแมงมุม ที่ทำให้คนที่มองมารู้สึกตาลายโดยไม่รู้ตัว
ดวงตาของเขากวาดมองจักรพรรดินีหลายต่อหลายครั้งก่อนจะเผยสีหน้าตกตะลึง
“ขอตอบผู้อาวุโส รุ่นเยาว์ผู้นั้นคือตัวบัดซบหลิงฮัน!” ติงซงรีบกล่าวตอบอย่างสุภาพ
บุรุษชุดดำผู้นี้มีชื่อว่าหานหงเฟย ตัวตนระดับตัดวิญญาณหยางของตระกูลหาน
ถึงแม้ระดับตัดวิญญาณหยางจะเป็นขั้นพลังแรกเริ่มของระดับแบ่งแยกวิญญาณ แต่ความต่างชั้นกับระดับโลกียนิพพาน ก็เปรียบเสมือนกับความต่างของระดับสร้างสรรพสิ่งกับระดับโลกียนิพพาน
หานหงเฟยละสายตาจากจักรพรรดินี เขามองไปยังหลิงฮันพร้อมกับกล่าว “เจ้าจงฆ่าตัวตายซะ ส่วนสตรีผู้นั้นจงมาหาข้า”
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเหมือนออกคำสั่ง
“ผู้อาวุโส ที่นี่คือเมืองธุลีจันทรา!” ประมุขตระกูลต้วนกล่าวทักท้วง
เหนือเมืองธุลีจันทราคือนิกายจันทราหม่นแสง และเหนือนิกายจันทราหม่นแสงคือตระกูลฟู่ ซึ่งเมืองเมืองนี้ไม่ใช่สถานที่ที่ตระกูลหานจะทำอะไรได้ตามใจชอบ
“เจ้ากำลังข่มขู่ข้า?” หานหงเฟยหันมองประมุขตระกูลต้วนด้วยแววตาเย็นชา และระเบิดออร่าของตัวตนระดับตัดวิญญาณหยางออกมาราวกับคลื่นยักษ์
ประมุขตระกูลต้วนกระอักโลหิตทันที ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความต่างชั้นของระดับพลังระหว่างทั้งสองคน
ประมุขตระกูลล้งกำหมัดโดยไม่กล้าเถียง ในการเผชิญหน้ากับกระดิ่งหมอกทมิฬหมื่นภูติพราย เขายังปัดป้องและหลบหนีได้ แต่หากต้องเผชิญหน้ากับตัวตนระดับแบ่งแยกวิญญาณ เขาคงหนีไม่พ้นความตาย
“ผู้อาวุโส จะปล่อยให้เจ้าหนูนี่รอดชีวิตไม่ได้ ได้โปรดสังหารเขาให้ข้าด้วย!” ติงเหยาหลงเก็บกระดิ่งหมอกทมิฬหมื่นภูติพราย ในเมื่อตระกูลหานแทรกแซงเรื่องนี้โดยการส่งนิรันดร์ระดับตัดขาดวิญญาณหยางมาที่นี่ หลิงฮันจะต้องตายอย่างแน่นอน ซึ่งเขาไม่จำเป็นต้องลงมือเองอีกต่อไป
หานหงเฟยจดจ้องไปยังหลิงฮัน เขาเค้นเสียงทีหนึ่งก่อนที่จะยื่นมือออกไปหวังจะคว้าร่างของหลิงฮัน
‘ครืนนน’ ปราณก่อเกิดอันทรงพลังของระดับแบ่งแยกวิญญาณปะทุออกมา พลังทำลายของมันน่าสะพรึงกลัวเกินกว่าที่การโจมตีของนิรันดร์สี่นิพพานจะเทียบเคียง
“เฒ่าชราตัวเหม็น การกระทำของเจ้าจะนำพาภัยพิบัติไปสู่ตระกูลหาน! อีกไม่นานเกินรอ ข้าจะบุกไปยังตระกูลหานของเจ้าเพื่อสะสางหนี้แค้น!” หลิงฮันกล่าวทิ้งท้ายก่อนจะโอบกอดร่างของจักรพรรดินี และหลบหนีเข้าสู่หอคอยทมิฬ
‘พรึบ’ ร่างของทั้งสองคนหายไปทันที
‘ตูมมม’ ฝ่ามือของหานหงเฟยที่ยื่นออกมาตกกระทบเข้าใส่วิหารบรรพบุรุษตระกูลติง วิหารบรรพบุรุษที่ก่อนหน้าที่ถูกทำลายไปเพียงครึ่งเดียว เมื่อถูกฝ่ามือนี้กระแทกเข้าใส่ก็แหลกสลายไม่เหลือซากในพริบตา
นี่คือความแข็งแกร่งของตัวตนระดับแบ่งแยกวิญญาณ!
มุมปากของติงเหยาหลงกระตุกไปมา เขารู้สึกราวกับวิญญาณของเหล่าบรรพบุรุษกำลังจะลุกคลานออกมาจากหลุมศพเพื่อสาปแช่งเขา