Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1774 เล่นใหญ่
“ศิลาดวงดาวอะไร?” หลิงฮันเอ่ยถามอย่างเฉยเมยก่อนจะแสดงท่าทีตกใจราวกับนึกบางอย่างออก “เจ้าหมายถึงของขวัญต้อนรับที่เจ้ามอบให้ข้าน่ะรึ ทำไมข้าจะต้องมอบมันคืนด้วยล่ะ แต่จะว่าไปเจ้าชื่ออะไร?”
ชื่ออะไรน้องสาวเจ้าสิ!
จ้าวผางรู้สึกโศกเศร้าจนอยากจะร้องไห้ เจ้าเอาศิลาดวงดาวของข้าไปไม่พอ แต่ยังโยนข้าเล่นเหมือนกับลูกบอลอีก เจ้าทำถึงขนาดนี้แต่กลับจะบอกว่าจำไม่ได้แม้แต่ชื่อของข้างั้นรึ?
เขาลังเลอยู่เป็นเวลานานก่อนจะตัดสินใจหันหลังจากไปโดยไม่กล่าวอะไร ต่อให้เขาจะเอาชนะหลิงฮันไม่ได้ แต่คนที่ชื่อจ้าวผางไม่มีทางยอมให้คนที่ไม่มีผู้หนุนหลังรังแกแน่นอน เจ้าคิดว่าแซ่จ้าวของข้ามีไว้เพียงประดับหรืออย่างไร?
ข้าจะไปพากำลังเสริมมา!
หลิงฮันไม่แยแสแม้แต่น้อย ต่อให้เขาจะคืนหรือไม่คืนศิลาดวงดาว อีกฝ่ายก็ไม่มีทางยอมแพ้เรื่องสิทธิเข้าเขตแดนลี้ลับแน่นอน เพราะงั้นไหนๆก็ต้องมีเรื่องกับตระกูลจ้าวแล้ว เขาจึงขอยึดศิลาดวงดาวเอาไว้เป็นค่าเสียเวลา
เพียงแต่ว่าผู้ที่จ้องจะแย่งสิทธิเข้าเขตแดนลี้ลับไปจากหลิงฮันนั้นไม่ได้มีแค่จ้าวผางเพียงคนเดียว ยังมีอีกหลายคนต้องการรังแกหลิงฮันที่ไม่มีคนหนุนหลัง
หลังจากจ้าวผางกลับออกไปไม่นาน คนรับใช้ก็มารายงานว่ามีแขกคนที่สองมาหา
แขกคนที่ว่าคือฟู่จวิ้นหย่ง
ดูจากแซ่ฟู่ของเขาแน่นอนว่าคนผู้นี้ย่อมเป็นสมาชิกของตระกูลฟู่ เพียงแต่ว่าตระกูลฟู่เองก็มีสมาชิกและตระกูลสาขาอยู่มากมาย ซึ่งสาขาตระกูลของฟู่จวิ้นหย่งนั้นไม่ได้รับความสนใจจากตระกูลหลักเท่าไหร่นัก พวกเขาจึงไม่ได้รับสิทธิเข้าสู่เขตแดนลี้ลับเฉียนหลง ด้วยเหตุนี้ฟู่จวิ้นหย่งจึงจำเป็นต้องพึ่งพาฟู่เกาหยุน
แต่ด้วยความสามารถที่ไม่สามารถคว้าหนึ่งในห้าสิทธิเอาไว้ได้ เขาเลยมาหาหลิงฮันแทน เนื่องจากคิดว่าหลิงฮันเป็นคนที่สามารถรังแกได้
“น้องชายหลิง!” ทันทีที่ฟู่จวิ้นหย่งผ่านประตูเข้ามา เขาก็ผสานมือทักทายหลิงฮันอย่างเป็นมิตรต่างจากจ้าวผาง
หลิงฮันยิ้มตอบรับอีกฝ่าย “พี่ชายจวิ้นหย่ง!”
ฟู่จวิ้นหย่งไม่พูดบังคับให้หลิงฮันมอบสิทธิให้แก่เขา แต่เลือกที่จะบรรยายถึงความอันตรายของเขตแดนลี้ลับแทน เขากล่าวว่าเขตแดนลี้ลับเฉียนหลงนั้นเป็นสถานที่ที่อันตรายเป็นอย่างมาก เข้าไปก็มีแต่จะพบเจอภัยอันตรายที่คุกคามถึงชีวิต
หลิงฮันแสร้งทำเป็นตกตะลึงและกล่าว “มันอันตราบขนาดนั้นจริงๆรึ?”
“ไม่ผิด!” ฟู่จวิ้นหย่งใช้โอกาสนี้กล่าวเสริม “น้องชายหลิง อย่างที่เจ้าเห็นว่าพลังบ่มเพาะของข้าแข็งแกร่งกว่าเจ้า แถมตระกูลก็ยังมอบสมบัติที่คอยคุ้มครองชีวิตเอาไว้ให้ข้าอีก ข้าว่าให้ข้าไปเขตแดนลี้ลับแห่งนั้นแทนเจ้าจะดีกว่า ส่วนเรื่องผลประโยชน์นั้นเจ้าไม่ต้องเป็นกังวล เห็นแก่ที่ว่าข้ารู้สึกถูกชะตากับน้องชายหลิง ไม่ว่าข้าจะเก็บเกี่ยวอะไรได้จากที่นั่น ข้าจะมอบให้เจ้าเก้าส่วนและเก็บไว้เพียงส่วนเดียว”
ให้ตายเถอะ หมอนี้ช่างขี้เหนียวอะไรเช่นนี้!
ขนาดจ้าวผางยังยอมเสียศิลาโลหิตมังกรเพื่อสิทธิเข้าเขตแดนลี้ลับ แต่หมอนี่กลับคิดจะฉกชิงมันไปโดยไม่ลงทุนอะไรเลย
แล้วก็ส่วนแบ่งเก้าต่อหนึ่งงั้นรึ? เจ้าคิดว่าจะมีคนเชื่อเรื่องแบบนั้นจริงๆ?
หลิงฮันรีบกล่าวปฏิเสธ “จะทำแบบนั้นได้อย่างไร? คิดว่าข้าจะยอมให้พี่ชายจวิ้นหย่งไปเสียงชีวิต แต่ข้ากลับนอนอยู่เฉยๆเพื่อรอผลประโยชน์งั้นรึ? ข้าไม่อาจทำแบบนั้นได้!”
ฟู่จวิ้นหย่งอดไม่ได้ที่จะมองไปยังหลิงฮันด้วยสีหน้าที่แข็งค้าง หมอนี่โง่จริงหรือแกล้งโง่กันแน่?
ในโลกนี้มีคนไร้สมองแบบนี้อยู่จริงๆรึเนี่ย?
“น้องชายหลิง เจ้าต้องเชื่อฟังคำแนะนำจากข้า และอย่าได้ฝืนตัวเองทำอะไรสิ้นคิด” ฟู่จวิ้นหย่งยังคงพล่ามปากเปียกปากเเฉะไม่หยุด
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ในเมื่อพี่ชายจวิ้นหย่งยืนกรานขนาดนั้น ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”
จริงรึ?
ฟู่จวิ้นหย่งเผยท่าทีตื่นเต้น “น้องชายหลิง โปรดกล่าวมาเลยว่าเจ้าอยากให้ข้าทำอะไร?”
“มาประลองกัน หากพลังของท่านแข็งแกร่งกว่าข้า ข้าจะยอมให้พี่ชายจวิ้นหย่งไปเขตแดนลี้ลับแทน” หลิงฮันกล่าว เขาเริ่มเบื่อที่จะฟังเรื่องไร้สาระจากชายตรงหน้าเต็มทีแล้ว
“ย่อมได้แน่นอน!” ฟู่จวิ้นหย่งรีบพยักหน้า ในความคิดของเขา การโค่นหลิงฮันนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลยแม้แต่น้อย รุ่นเยาว์ผู้นี้ยังเยาว์วัยมากนัก ซึ่งการที่อีกฝ่ายได้รับความสนใจจากฟู่เกาหยุนก็คงจะเป็นเพราะมีศักยภาพในการเติบโตที่ยอดเยี่ยม ไม่ใช่เพราะมีพลังที่แข็งแกร่งในตอนนี้
ทั้งสองเดินมายังลานกว้างในที่พักและยืนเผชิญหน้ากัน
“น้องชายหลิง ข้าจะเริ่มลงมือแล้วนะ!” ฟู่จวิ้นหย่งกล่าวเตือนราวกับไม่อยากจะทำให้หลิงฮันได้รับบาดเจ็บ
หลิงฮันพยักหน้าและกล่าว “อืม ข้าจะลงมือเต็มที่!”
“เจ้าโจมตีเต็มที่ได้เลย ส่วนข้าเดี๋ยวจะพยายามออมมือเอาไว้” ฟู่จวิ้นหย่งยื่นฝ่ามือที่แฝงอำนาจแห่งเต๋าอันทรงพลังเอาไว้ออกมาด้านหน้า
การที่ฟู่เกาหยุนยินยอมให้เป็นผู้ติดตาม ย่อมหมายความว่าพรสวรรค์ในศาสตร์วรยุทธของฟู่จวิ้นหย่งนั้นเป็นของจริง ถึงแม้เขาจะตัดผ่านนิพพานได้ไม่สมบูรณ์แต่ก็ใกล้เคียงเป็นอย่างมาก แต่ใกล้เคียงก็ยังคงเป็นใกล้เคียง ไม่ใช่สมบูรณ์อยู่ดี
หลิงฮันเองก็ปล่อยหมัดตอบโต้ เขาจงใจทำสีหน้าเหน็ดเหนื่อยราวกับโจมตีออกไปด้วยพลังทั้งหมด
เมื่อเห็นการโจมตีของหมัดหลิงฮัน ฟู่จวิ้นหย่งก็แสดงท่าทีเหยียดหยามออกมาทันที พลังโจมตีของอีกฝ่ายอ่อนแอเป็นอย่างมาก เขาอดคิดไม่ได้ว่ามีเหตุผลอันใดที่ทำให้ฟู่เกาหยุนถูกใจหลิงฮัน ถึงขนาดยอมมอบสิทธิเข้าเขตแดนลี้ลับเฉียนหลงให้กัน
ฟู่จวิ้นหย่งมีท่าทีไม่แยแสและคิดจะสลายการโจมตีที่พุ่งเข้ามา เพียงแต่ว่าทันใดนั้นเขาก็ต้องรู้สึกตกตะลึงเมื่อพบว่าแม้พลังโจมตีจากหมัดจะอ่อนแอ แต่อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ที่ผสานมากับการโจมตีนั้นทรงพลังจนน่าสะพรึงกลัว ที่ต่อให้เป็นเขาก็ไม่อาจต้านทานไหว
“ไม่ดีแล้ว!” ฟู่จวิ้นหย่งอุทานในใจแต่ก็สายไปแล้วที่จะหลบ อำนาจแห่งกฎเกณฑ์อันทรงพลังกระแทกเข้าใส่ร่างของเขาจนกระอักโลหิตออกมา และใบหน้าเปลี่ยนเป็นซีดขาว
“หืม พี่ชายจวิ้นหย่ง ท่านเป็นอะไรรึเปล่า?” หลิงฮันรีบก้าวเดินไปดู “ข้าขออภัยจริงๆที่เผลอออกแรงมากไปหน่อย ข้าคิดว่าพี่ชายจวิ้นหย่งแข็งแกร่งกว่าข้ามาก ข้าก็เลย…”
เขาพล่ามทำพูดเสียดสีออกมามากมายจนทำให้ฟู่จวิ้นหย่งอยากจะแทรกแผ่นดินหนี
เขาเป็นคนบอกเองว่าจะออมมือแท้ๆ แต่กลับถูกซัดหมดสภาพจนกระอักโลหิตออกมา โดยที่ยังไม่ทันได้โจมตีเลยแม้แต่ครั้งเดียว
แถมเขาก็เป็นคนพูดเองอีกด้วยว่าให้หลิงฮันลงมือโจมตีเต็มที่ได้เลย เพราะงั้นบาดแผลที่ได้รับนี้เขาจึงไม่สามารถกล่าวโทษหลิงฮัน และทำได้เพียงกัดฟันยอมอย่างไม่มีทางเลือก