Alchemy Emperor of the Divine Dao - ตอนที่ 1780 นิกายซู่หนู่
วันเวลาผ่านไปสามเดือนอย่างรวดเร็ว
ในช่วงผ่านมาไม่มีคนของตระกูลฟู่คนใดมายุ่งกับหลิงฮันอีกแม้แต่คนเดียว พวกเขามีความคิดเห็นตรงกันคือจะแอบลอบสังหารหลิงฮันในเขตแดนลี้ลับเฉียนหลง
หลิงฮันไม่หวั่นเกรง ถึงแม้เขาในตอนนี้จะยังเอาชนะนิรันดร์สี่นิพพานขั้นสูงสุดไม่ได้ แต่ด้วยกายหยาบอันทรงพลังของเขา ต่อให้เป็นการโจมตีของนิรันดร์สี่นิพพานขั้นสูงสุดที่ทรงพลัง ก็ไม่มีทางที่จะสังหารเขาได้ภายในหนึ่งกระบวน นอกจากนั้นในมือเขาก็ยังซ่อนไพ่ลับเอาไว้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเพลิงเก้าสวรรค์ วารีพลังหยินเร้นลับ ทักษะสิบอสูรสงครามและอื่นๆ
จ่างซุนเหลียงกับเซียวเซิ่งหรือคนอื่นๆที่เข้าร่วมสำนักเทียนหลงมาพร้อมกับหลิงฮันนั้น อย่างน้อยก็ในตอนนี้ ไม่มีคนไหนเลยที่ได้รับสิทธิเข้าร่วมเขตแดนลี้ลับเฉียนหลง
หลังจากไปพบปะพูดคุยกับจ่างซุนเหลียงอยู่ครู่หนึ่ง หลิงฮันก็มุ่งหน้าไปขึ้นเรือรบของตระกูลฟู่และเตรียมตัวออกเดินทางไปยังเขตแดนลี้ลับเฉียนหลง
การเดินทางครั้งนี้ตระกูลฟู่ถึงขนาดใช้เรือรบหนึ่งลำในการเดินทาง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับเขตแดนลี้ลับเฉียนหลงขนาดไหน เรือรบเช่นนี้ตระกูลฟู่มีอยู่ในครอบครองเพียงสามลำเท่านั้น โดยที่แต่ละลำมีพลังทำลายล้างเทียบเท่ากับการโจมตีของระดับขอบเขตตำหนักอมตะขั้นสูงสุด เรือลบเหล่านี้คือไพ่ลับที่ทรงพลังที่สุดของตระกูลฟู่
เมื่อเรือรบถูกนำออกมาใช้ ตราบใดที่ไม่พบเจอศัตรูที่ทรงพลังในระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้ ทุกอย่างที่ขวางหน้าจะถูกปืนใหญ่ของเรือปัดเป่ากลายเป็นเศษซาก
คนที่ขึ้นเรือเพื่อไปยังเขตแดนลี้ลับเฉียนหลงมีอยู่มากมาย แต่ละคนรวมกลุ่มกันเป็นกลุ่มย่อยเล็กๆ ยกตัวอย่างเช่นหลิงฮันก็รวมกลุ่มอยู่กับฟู่เกาหยุน และในกลุ่มของพวกเขานอกจากสิบคนที่ได้รับสิทธจากฟู่เกาหยุนแล้ว ก็ยังมีคนที่มารวมกลุ่มด้วยเพิ่มอีกสองคน
หนึ่งในนั้นคือฟู่เสี่ยวอวิ๋น
การที่นางมาอยู่ที่นี้นั้นเป็นเรื่องที่ปกติอย่างมาก นางที่เป็นน้องสาวของฟู่เกาหยุน หากไม่ติดตามฟู่เกาหยุนจะให้ไปติดตามใคร?
อีกคนหนึ่งคือซือถูเซี่ยวเจิน
สำหรับนางที่เป็นหลานสาวของปรมาจารย์นักปรุงยาสามดาว การจะได้รับสิทธิเข้าร่วมเขตแดนลี้ลับจะเป็นเรื่องยากอันใด? ที่นางมาอยู่กลุ่มเดียวกับฟู่เกาหยุนก็เพราะ ปรมาจารย์นักปรุงยานักสองได้ฝากฝังนางมาให้ฟู่เกาหยุนคอยดูแล
หลิงฮันและจักรพรรดินีไม่ได้รวมตัวอยู่กับพวกฟู่เกาหยุนนาน ทั้งสองเก็บตัวอยู่ในห้องและเข้าสู่หอคอยทมิฬเพื่อขัดเกลาพลังใต้ต้นสังสารวัฏ
ความเร็วของเรือรบนั้นน่าอัศจรรย์เป็นอย่างมาก หนึ่งเดือนต่อมาพวกเขาก็เดินทางมาถึงเขตแดนลี้ลับเฉียนหลง ภูมิประเทศแถวนี้เป็นบริเวณรกร้างว่างเปล่าที่ปกคลุมไปด้วยชั้นหมอก ซึ่งภายในหมอกก็คือเขตแดนลี้ลับเฉียนหลง
มีหลายคนคาดเดาเอาไว้ว่าเขตแดนลี้ลับแห่งนี้ แต่เดิมสมควรเป็นที่ตั้งของนิกายที่ทรงพลังระดับราชานิรันดร์ แต่เหตุผลที่ว่าทำไมมันถึงถูกทิ้งร้างนั้น ไม่มีใครรู้แม้แต่คนเดียว
หลังจากมาถึงจุดหมาย เรือรบก็ค่อยๆแล่นลงอย่างเชื่องช้า เรือลงที่ลงจอดอยู่ในสถานที่แห่งนี้ไม่ได้มีเพียงแค่เรือรบของตระกูลฟู่เพียงลำเดียว แต่มีเรือรบลำอื่นๆอยู่ที่นี่ด้วยอย่างน้อยสิบลำ เรือรบแต่ละลำแขวนธงที่มีสัญลักษณ์และสีต่างกันเอาไว้ แต่นอกจากธงที่ต่างกันแล้ว รูปร่างของเรือรบนั้นแทบจะเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน
หลิงฮันไต่ถามฟู่เกาหยุนจึงได้รู้ว่าเรือรบเหล่านี้ ขุมอำนาจต่างๆไม่ได้สร้างขึ้นมาด้วยตัวเอง แต่ซื้อมาจากขุมอำนาจแห่งหนึ่ง
ขุมอำนาจที่ว่าคือ ตำหนักกองกำลังสงคราม!
ตำหนักกองกำลังสงครามคือขุมอำนาจสี่ดาวที่ไม่ใช่นิกายหรือตระกูลทั่วไปที่ต่อสู้เพื่อขยายอาณาเขต แต่พวกเขาคือขุมอำนาจที่ทำการค้า ตำหนักกองกำลังสงครามขายอาวุธตั้งแต่ดาบขนาดเล็กไปจนถึงเรือรบขนาดมหึมา พวกเขาสามารถสร้างอาวุธที่ใช้สู้รบได้ทุกประเภท
ความมั่งคงของตำหนักกองกำลังสงครามเป็นที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่มีใครกล้ารุกรานเนื่องจากพวกเขาเป็นถึงขุมอำนาจสี่ดาว!
ยิ่งกว่านั้นตำหนักกองกำลังสงครามก็ยังพึ่งพาอาวุธเป็นกำลังหลัก พวกเขามีเรือรบที่ถูกยกระดับให้มีพลังทำลายเทียบตัวตนระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้อยู่นับร้อย นอกจากขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์แล้ว ใครกันจะกล้าล่วงเกินพวกเขา?
“ตระกูลหลิว ตระกูลเป่ยหยิ่ว ตระกูลเชียนจ้าว ตระกูลเถิง สำนักกู่ยวี่ (พิรุณบรรพกาล) แล้วก็… นิกายซู่หนู่ (สตรีบริสุทธิ์)” สายตาของฟู่เกาหยุนกวาดมองเรือรบแต่ละลำ ก่อนจะมาหยุดค้างอยู่ที่เรือรบลำที่หก สีหน้าของเขาแสดงออกถึงความรู้สึกหวาดกลัวและโหยหาย
“ไม่คาดคิดว่าครั้งนี้นิกายซู่หนู่เองก็มาเช่นกัน!” ใบหน้าของเฉิงจงเปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเล็กน้อย
หลิงฮันกล่าวด้วยน้ำเสียงแปลกใจ “ขุมอำนาจนั้นแข็งแกร่งงั้นรึ?”
“แข็งแกร่งแถมยังรับมือยากมาก” ฟู่เกาหยุนส่ายหัว “นิกายซู่หนู่คือนิกายที่ฝึกฝนจอมยุทธสตรีเพียงอย่างเดียว ศิษย์ของนิกายทุกคนจะฝึกฝนทักษะในการใช้เสน่ห์หลอกล่อคู่ต่อสู้และคว้าชัยชนะโดยไม่ต้องลงมือ”
เฉิงจงหัวเราะ “ในอดีต ครั้งหนึ่งนายน้อยหยุนของเราเคยเข้าไปยังเขตแดนลี้ลับและพบเจอสมุนไพรนิรันดร์ที่เพิ่งงอกเงยเต็มที่ได้ไม่นาน ซึ่งนับว่าเป็นสมบัติที่ล้ำค่าเป็นอย่างมาก เพียงแต่ว่าในตอนนั้นศิษย์ที่งดงามคนหนึ่งของนิกายซู่หนู่ได้ปรากฏตัวและใช้เสน่ห์ยั่วยวน จนทำให้นายน้อยหยุนยอมมอบสมุนไพรนิรันดร์ให้กับนาง”
ฟู่เกาหยุนเผยสีหน้าอับอาย ถึงแม้เขาจะรู้สึกไม่สบอารมณ์แต่ก็ยังมีความรู้สึกหลงใหลในสตรีผู้นั้นอยู่
“ในตอนนั้น หลังจากที่กลับไปถึงตระกูลฟู่ นายน้อยหยุนถูกลงโทษจนเกือบจะถูกตัดศิษย์ออกจากตำแหน่งผู้สืบทอด เพียงแต่ว่านอกจากตระกูลฟู่แล้ว คนที่ได้รับผลกระทบจากเสน่ห์ของนิกายซู่หนู่ก็ไม่ได้มีแค่นายน้อยหยุน แม้แต่ทายาทของนิกายอาญาสิ้นแสงที่มีอำนาจทรงพลังที่สุด ก็ยังไม่อาจต้านทานเสน่ห์ยั่วยวนของนิกายซู่หนู่ได้” เฉิงจงกล่าวต่อเพื่อรักษาหน้าฟู่เกาหยุน
สีหน้าของฟู่เกาหยุนเปลี่ยนเป็นแข็งกระด้างและกล่าว “น้องชายหลิง เจ้าอย่าได้ประมาททักษะในการใช้เสน่ห์ยั่วยวนของนิกายซู่หนู่เป็นอันขาด”
“นิกายซู่หนู่นั้นต่างจากขุมอำนาจอื่น พวกนางมีผู้สืบทอดเพียงแค่คนเดียวคือแม่นางโร๋ว ไม่มีใครรู้แซ่ของนาง ทุกคนจึงเรียกนางว่าแม่มดจอมเสน่ห์โร๋วหรือไม่ก็ธิดาโร๋ว มีข่าวลือหนาหูว่าใครก็ตามที่ล่วงรู้แซ่ของนาง จะมีโอกาสได้แต่งงานกับนาง”
“ด้วยข่าวลือนี้เอง ทำให้มีบุรุษไม่รู้กี่คนต่อกี่คนพยายามสืบหาแซ่ของนาง นี่เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าเสน่ห์ของนางน่าสะพรึงกลัวขนาดไหน”
สีหน้าของฟู่เกาหยุนแสดงออกถึงความรู้สึกโหยหาย ครั้งหนึ่งแม้จะเป็นเวลาสั้นๆเขาก็เคยได้พบเจอธิดาโร๋วมาก่อน เหตุการณ์ในตอนนั้นได้กลายเป็นความทรงจำที่ดีที่สุดของเขา ต่อให้ต้องสูญเสียสมุนไพรนิรันดร์ไปก็ตาม เขาก็ไม่รู้สึกเสียดายแม้แต่น้อย
หลิงฮันรู้สึกสงสัย เขาอยากพบธิดาโร๋วผู้นี้ดูสักครั้ง เพราะต้องการรู้ว่าทักษะยั่วยวนของนางจะน่าอัศจรรย์ขนาดไหน